หลายชีวิตตอน ลุงช่าง

ลุงช่าง

     ไม่มีใครในหมู่บ้านแห่งนี้จะไม่รู้จักลุงช่าง เพราะแกทำมาหากินอยู่ในหมู่บ้านมากว่าสิบปีแล้ว

     โดยการรับจ้างเหมาต่อเติมซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต่อเติมครัว โรงรถ ซ่อมหลังคารั่วจนถึงงานไฟฟ้าประปา จิปาถะ แกรับทำทั้งนั้นขอให้บอก 

    หมู่บ้านนี้มีประมาณเกือบพันหลังคาเรือน เป็นทาวน์เฮาส์ทั้งหมดและสร้างมาเกือบยี่สิบปีแล้ว  ดังนั้นจึงมีงานซ่อมแซมบ้านให้ลุงช่างได้ทำมาตลอด
 
    ลุงช่างเช่าที่ดินแปลงหนึ่งท้ายหมู่บ้าน ปลูกบ้านเองคล้ายๆเป็นเพิงด้วยวัสดุที่พอหาได้ แกมีลูกชายสองคนที่เป็นหัวแรงสำคัญ ในการช่วยงานต่างๆที่แกรับทำ

    ลูกชายคนโตมีครอบครัวแล้วแต่ก็ยังอาศัยและทำงานอยู่กับพ่อ ความภูมิใจของแกและครอบครัวคือการเก็บหอมรอมริบจนสามารถซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่ง แถวๆจังหวัดปทุมธานี

   และตั้งใจว่าอีกไม่นานจะปลูกบ้านเป็นการถาวรอยู่ที่นั่น ลุงช่างฝันมาตลอดที่จะมีบ้านบนที่ดินของตัวเอง ให้ลูกหลานได้อยู่กันอย่างมั่นคงและสุขสบาย
 
    ความภูมิใจอีกประการหนึ่ง ก็คือการที่ลูกชายคนเล็กเรียนจบ ปวส. แผนกช่างไฟฟ้า ลูกชายคนนี้เป็นเด็กขยันไม่เกเร ช่วยงานแกเป็นอย่างมาก ลุงช่างบอกว่าแกเป็นคนไม่มีความรู้อะไร การที่แกส่งเสียจนลูกชายเรียนจบเป็นสิ่งที่แกปลื้มใจเป็นที่สุด  
 
     ลุงช่างเป็นคนตัวเล็ก ค่อนข้างผอมและดำเกรียม อายุประมาณสี่สิบกว่าๆแต่ดูแก่กว่าอายุ อาจจะเป็นเพราะการทำงานหนักมาตลอด สิ่งที่ชาวหมู่บ้านเห็นลุงช่างจนคุ้นตาคือแกจะนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำและใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวเป็นส่วนใหญ่

    เดินเข้าออกตามบ้านที่แกรับซ่อม เพราะแกรับงานครั้งละหลายบ้านโดยมีลูกชายทั้งสอง เมียของแกและลูกสะใภ้ แยกกันทำแต่ละบ้าน ส่วนแกเป็นผู้ควบคุมและลงมือทำด้วย ลุงช่างเป็นคนช่างพูด แกรับงานบ้านไหนแกจะพูดคุยกับเจ้าของบ้านอย่างสนิทสนม

 
 
    คุณจิตราเพิ่งมาซื้อทาวน์เฮาส์ที่หมู่บ้านนี้โดยซื้อต่อจากเจ้าของเดิม เหตุที่เลือกหมู่บ้านนี้แม้ราคาบ้านจะค่อนข้างแพงอยู่สักหน่อยก็เพราะเห็นว่าอยู่ในชุมชน มีห้างใหญ่อยู่ใกล้ถึงสองห้าง การเดินทางไปทำงานในตัวเมืองก็สะดวก
 
    แต่เนื่องจากทาวน์เฮาส์หลังนี้สร้างมานานแล้วจึงอยู่ในสภาพทรุดโทรม ต้องปรับปรุงซ่อมแซมต่อเติมหลายจุด คุณจิตราปรึกษากับเพื่อนบ้านถึงเรื่องช่างทำบ้าน ก็ได้รับคำแนะนำให้ติดต่อลุงช่าง

   “แกทำงานอยู่ในหมู่บ้านนี้นี่แหละ ลองไปคุยกับแกดูสิ” เพื่อนบ้านแนะนำ
 
“เรียกผมว่าลุงช่างก็แล้วกัน ทุกคนในหมู่บ้านเขาเรียกผมอย่างนี้กันทั้งนั้น”

    ลุงช่างบอกคุณจิตราเมื่อพบกันครั้งแรก หลังจากลุงช่างสำรวจงานที่จะรับซ่อมแซมแล้ว ก็นัดแนะวันเริ่มงานซึ่งต้องเป็นสัปดาห์หน้าเพราะลุงช่างยังติดงานบ้านอื่นอยู่
  
   ในระหว่างซ่อมบ้าน ตัวคุณจิตราเองได้ลาหยุดงานหลายวัน เพื่อมาดูแลการทำงานของลุงช่าง จากการพูดคุยกับลุงช่างบ่อยๆ คุณจิตราพบว่าลุงช่างรักและภูมิใจลูกชายทั้งสองมาก 

   เมียแกก็มาช่วยทำด้วยเช่นยาแนวในการปูกระเบื้อง เมียลุงช่างเป็นผู้หญิงร่างท้วม สงบเสงี่ยม เป็นคนอารมณ์ดี มักจะยิ้มอยู่เรื่อย ส่วนลูกชายทั้งสองก็ขยันทำงาน ดูเหมือนพวกเขาจะทำงานซ่อมแซมได้ทุกอย่าง
 
    สิ่งที่คุณจิตราเป็นกังวลก็คือของเก่า ที่ช่างรื้อออกมาเพื่อทำใหม่ โดยเฉพาะอ่างล้างหน้าหรือโถส้วมเก่า  ไม่รู้จะกำจัดมันได้อย่างไร คุณจิตราคงไม่มีปัญญาเอามันไปทิ้งหรอก จึงขอให้ลุงช่างช่วยเอาไปทิ้งให้ด้วย

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการให้ ของอย่างนี้คนเก็บขยะเขาไม่เอาไปทิ้งให้หรอก นอกจากจะให้เงินเขาร้อยสองร้อยนั่นแหละ” ลุงช่างบอก 

   “ที่หลังบ้านผม พี่ไปดูสิ มีโถส้วมเก่ากองเป็นภูเขาเลากา ไม่รู้จะเอาไปที่ไหนได้ ก็ต้องปล่อยให้มันกองอยู่อย่างนั้นแหละ”ลุงช่างพูดอย่างติดตลก
 
    ตอนกลางวันลูกสะใภ้ลุงช่างจะนำข้าวกลางวันมาให้และตั้งวงกินข้าวกันที่ที่ทำงานนั่นแหละ คุณจิตรารู้สึกชอบครอบครัวนี้มาก ที่พวกเขาขยันขันแข็งทำงาน อ่อนน้อมถ่อมตัว ประหยัดและรักใคร่กันดี
 
    สิ่งหนึ่งที่คุณจิตราสังเกตเห็นก็คือทุกวันที่มาทำงาน ลุงช่างจะหิ้วถุงพลาสติกที่มีเครื่องดื่มชูกำลัง สามถึงสี่ขวดติดมือมาด้วยเสมอ

   ภายหลังจึงได้ทราบว่าลุงช่าง ติดเครื่องดื่มประเภทนี้เป็นอย่างมาก แกต้องกินเป็นประจำอย่างน้อยวันละสามสี่ขวด ดูเหมือนแกจะกินของพวกนี้มากกว่าข้าวเสียอีก  ยิ่งถ้าไปเจอเจ้าของบ้านที่ใจดีซื้อให้ ลุงช่างก็จะได้เครื่องดื่มชูกำลังนี้อีกวันละหลายขวด
 
   หลังจากลุงช่างซ่อมแซมบ้านคุณจิตราเสร็จแล้ว คุณจิตราก็ไม่ได้พบลุงช่างอีกเลย ประกอบกับยุ่งอยู่กับงานประจำที่ทำ คุณจิตราจึงลืมลุงช่างไปเสียสนิท  จนวันหนึ่ง...

   “คุณจิตรา คุณรู้มั๊ยว่าลุงช่างแกตายแล้ว” เพื่อนบ้านบอก
“ทำไมล่ะ แกเป็นอะไรตาย” คุณจิตราถามด้วยความตกใจ

    “ก็แกเพิ่งมาซ่อมบ้านให้เมื่อเร็วๆนี้เอง นี่นา”
 
    “เห็นลูกชายแกเล่าว่าหลังจากเลิกงานตอนเย็นกลับเข้าบ้าน อยู่ดีๆ แกก็ล้มลงหมดสติ ลูกๆรีบพาส่งโรงพยาบาลแต่แกสิ้นใจเสียแล้ว หมอบอกว่าเส้นโลหิตในสมองแตก น่าสงสารลูกเมียแกเพราะมันกะทันหัน  ลูกชายแกมาเล่าให้ชาวหมู่บ้านฟัง เล่าไปก็ร้องไห้ไป นี่ก็เพิ่งเผาลุงช่างไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง” 
 
    คุณจิตรารับฟังด้วยความเศร้าใจ แล้วมาคิดว่าที่แกตายเนี่ย เป็นเพราะแกกินเครื่องดื่มชูกำลังมากไปหรือเปล่า คุณจิตราจำได้ว่าเคยบอกลุงช่างว่าอย่ากินของแบบนี้มากนักเพราะอาจให้โทษกับร่างกายได้ 

   ลุงช่างบอกว่า” ไม่เป็นไร ผมเป็นคนกระดูกแข็ง ไม่ตายง่ายๆหรอกครับพี่ “
     
แต่ตอนนี้ลุงช่างก็ได้ตายไปแล้ว ความฝันที่จะได้มีบ้านบนที่ดินของตัวเองอย่างที่ตั้งใจก็ยังไม่สำเร็จ คุณจิตราได้แต่หวังว่าลูกๆของลุงช่างคงช่วยกันสานฝันของลุงช่างให้สำเร็จจนได้ 

ต่อจากนี้ไปชาวหมู่บ้านจะไม่ได้เห็นชายผิวคล้ำร่างผอมเกร็งผู้ขยันขันแข็งเดินไปมาในหมู่บ้านอีกแล้ว
 
 คุณจิตราตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะทำบุญใส่บาตรไปให้ลุงช่าง ขอลุงช่างจงไปสู่สุคติ ลุงช่างไปสบายแล้ว อย่าได้ห่วงอะไรเลยนะ ลุงช่าง...
  

 
 
 เขียนโดย อ. ปลาทอง
 ๘ กันยายน ๒๕๕๓

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้57
เมื่อวานนี้449
สัปดาห์นี้886
เดือนนี้7053
ทั้งหมด1336937

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

5
Online