งานบวช ของน้องชาย

   ริมขวาสุดนั้นคือคุณเจี๊ยบ และผู้ชายคนเดียวของภาพนี้คือ คุณโจ ผู้ที่จะบวช (ขอขอบคุณภาพประกอบจาก   Jeab Mahasub)

 

    สวัสดีค่ะ หนูชื่อเจี๊ยบค่ะในฐานะที่เป็นลูกคนโตของพี่สาวคนโตของตระกูล คุ้มประวัติ  (คงไม่งงนะ) ขอบอกกล่าวถึงญาติมิตรทั้งหลาย เนื่องจากในวันเสาร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ นี้ นายจิตติชัย โอภาสพินิจ  (โจ - น้องชาย )    จะขอกราบลาอุปสมบท (บวช) ที่วัดไทรม้าเหนือ ( จากแครายข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ติดแม่น้ำเจ้าพระยา-ด้านซ้ายมือ เข้าถนนเดียวกับห้องอาหารแดรี่ควีน ) จะบวชในตอนเช้า ฉลองเพลค่ะ จึงขอเชิญ เครือญาติ ลูก หลาน พ่อจำเนียร แม่ละม่อม มาร่วมงานกันนะคะ ” 

 

Jeab Mahasub ผู้ประกาศ

    ข้อความข้างบนนี้เป็น ประกาศเรียนเชิญที่ลงใน เฟสบุ๊ค ( ถ้าคนที่ไม่ได้เล่นเฟสบุ๊คก็คงจะไม่ทราบข่าว ผมจึงขอนำเอามาลงในหน้า เวบ ธรรมดาของผมนี้ด้วย )  ถึงญาติสนิทมิตรสหายและท่านที่เคารพนับถือ ให้ไปร่วมงานกัน ในงานบวชน้องชายของคุณเจี๊ยบเอง ดังนั้นถ้าท่านได้ทราบข่าวนี้แล้ว และมีเวลาว่างที่พอจะไปร่วมงานกันได้ เจ้าภาพก็ขอเชิญชวนไปร่วมงานกัน และขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วย

   อาจจะมีคำถามตามมาอีกว่า คุณเจี๊ยบคนที่มาประกาศเชิญชวนนี้เป็นใคร และคนที่จะบวชนี้เป็นใครกันละหว่า....!  ผมจึงจะมาขอตอบให้ท่านทราบดังนี้ครับ 
    ท่านยังจำหรือเคยได้ยินเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวกับ ร้านถ่ายรูปร้านหนึ่งที่ห้องแถวในตลาดเจ็ดเสมียนที่มีชื่อว่า  “จำเนียรศิลป์ ” ได้บ้างหรือไม่ เมื่อปีกว่าๆมานี้ เวบของเราเคยเสนอเรื่องราวของร้านถ่ายรูป “จำเนียรศิลป์ตลาดเจ็ดเสมียน ” มาแล้วครั้งหนึ่ง

   ถ้าสนใจจะดูอีกก็เข้าไปดูได้  คลิ๊ก ดังนั้นประกาศเชิญชวนของคุณเจี๊ยบครั้งนี้นั้น จึงเกี่ยวข้องกันกับ “ร้านถ่ายรูป” .ในอดีตอย่างแน่นอน ผมจึงขอเล่าเรื่องนี้อย่างย่อๆ ต่อจากครั้งที่แล้ว จะว่าเป็น ภาค ๒ ของร้านถ่ายรูปจำเนียรศิลป์ก็ว่าได้ครับ

   ในเรื่องต่างๆเมื่อตอนที่แล้วนั้นก็ แฮปปี้เอ็นดิ้ง  (มีความสุขตอนจบ) ดีที่สุดแล้ว เหมือนกับในละครโทรทัศน์ทุกๆเรื่อง แต่ในความเป็นจริงชีวิตของคนเราทุกผู้ทุกนามนั้น ไม่ได้หยุดตรงจุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น จนกว่าอายุขัยจะหมดไปแล้วจึงจะหยุด
   อย่างเช่นเรื่องราวของร้านถ่ายรูป หรือเรื่องราวของลุงจำเนียร – ป้าละม่อม ที่เป็นเจ้าของร้าน และเป็นพ่อแม่ของลูกหลายๆคน ก็ต้องดำเนินต่อไป ต่อไป และต่อไป..

คุณลุงจำเนียรร่วมถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก กับลูกหลานส่วนหนึ่ง (เท่านั้น) เมื่อกว่า ๒๐ ปีมาแล้ว (ขอขอบตุณภาพประกอบของ Juffy แจ่มแมว)

   ในเวลานั้นลุงจำเนียรและป้าละม่อม ได้ประกอบกิจการถ่ายรูปเรื่อยมาที่ห้องแถวตลาดเจ็ดเสมียน คนในตำบลใกล้เคียงและคนในตำบลเจ็ดเสมียนเอง มีงานต่างๆเช่น งานบวชนาค แต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่  และอื่นๆ ก็ต้องมาจ้างช่างถ่ายรูปมือหนึ่งในสมัยนั้น มาเป็นผู้บันทึกภาพอันน่าจดจำนั้นไว้ให้  ไม่ว่าจะใกล้ไกลแค่ไหนช่างถ่ายรูปคนนี้จะต้องไป ถ้าได้รับปากไว้แล้ว ลุงจำเนียรปฏิบัติตัวอย่างนี้จึงได้รับความเชื่อถือเป็นอันมาก 

   มีหลายครั้งที่ลุงจำเนียรชวนผมไปด้วย (เอนกยังเล็กมาก โณ ยังไม่เกิด) ให้เป็นลูกมือสะพายกระเป๋า ฟิล์ม กล้องสำรอง และอุปกรณ์ถ่ายรูปอื่นๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งลุงจำเนียรให้ผมเป็นคนสะพายกระเป๋ากล้องและอุปกรณ์ในการถ่ายรูป เพราะว่าลุงจำเนียรแกต้องไปถ่ายรูปงานบวชพระที่ ตำบลท่ามะขาม โดยขี่รถจักรยานไปกัน ในวันนั้นเราไปกันแต่เช้า ที่จริงแล้วท่ามะขามไม่ไกลจากเจ็ดเสมียนเท่าไร แต่ที่ต้องไปแต่เช้าก็เพราะว่า พ่อนาครายนี้ท่านมีฤกษ์เข้าโบสถ์แต่เช้า  พอไปถึงเขากำลังตั้งขบวนแห่กัน

   ลุงจำเนียรรีบลงจากรถจักรยาน เดินสะพานกล้องเข้าไปที่ข้างกำแพงโบสถ์ เมื่อถึงก็คว้ากล้องคู่มือขึ้นมากะระยะที่จะถ่าย แล้วกด ชัทเตอร์ ฉับๆทันขบวนแห่พอดี เสร็จแล้วก็ตามเข้าไปถ่ายในโบสถ์ด้วย จะได้รูปพอใจหรือไม่ต้องล้างออกมาแล้วจึงจะรู้ เพราะว่ากล้องสมัยก่อนนั้น จะดูภาพล่วงหน้าแบบกล้องสมัยนี้ไม่ได้ แต่ระดับมือวางอันดับ ๑ อย่างจำเนียรซะอย่าง ไม่ต้องดูล่วงหน้าหรอก ชัวร์แน่นอน

 

 

ภาพประทับใจจริงๆ บุตรชายหญิงของคุณลุงจำเนียร มาพบกันครบจึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก (ขอขอบคุณภาพประกอบจากคุณ  ณัฐธยาน์ ธนารวีโรจน์ )

   ถ่ายเสร็จแล้วก็รีบถีบจักยานกลับบ้านที่ตลาดเจ็ดเสมียนกัน  ท้องฟ้าที่มืดครึ้มแต่เช้าเพิ่งจะมีเม็ดฝนลงมาเปาะแปะ ในตอนที่ลุงจำเนียรกับผมถีบจักรยานมาถึงทางเข้าเจ็ดเสมียน หรือที่เรียกว่าหัวหนอง ฝนก็เริ่มลงมาโปรยปรายแล้ว
   อีกประเดี๋ยวเดียวฝนก็ลงมาห่าใหญ่เหมือนฟ้ารั่ว ลุงจำเนียรกับผมหาที่หลบฝนไม่ทัน แต่ก็ไม่อยากฝ่าฝนไปจึงหยุดก่อน แล้วจูงจักรยานเข้าไปไต้ต้นลูกหว้าซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่ข้างทางหน้าบ้านครูตลับ ต้นหว้านี้เป็นต้นไม้ที่มีใบหนาพอจะบังฝนได้บ้าง

   กล้องที่ลุงจำเนียรถ่ายเป็นประจำนั้นคือกล้องบ๊อกซ์ (Box Camera) ที่เป็นกล้องชั้นหนึ่งสำหรับมืออาชีพ เป็นกล้องที่มีราคาแพงมาก ผมจำไม่ได้แล้วว่ากล้องตัวนั้นยี่ห้ออะไร น่าจะเป็น “โรลรีแฟลกซ์” จะใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้ (กล้องตัวนี้ได้ข่าวว่าปัจจุบันอยู่กับคุณอเนก คุ้มประวัติ บุตรชายของลุงจำเนียรเอง) นั้นยัดใส่ถุงพลาสติกแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าที่ผมสะพายอยู่ กล้องตัวนี้จึงไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

   ฝนซาแล้วเราจึงถีบจักรยานจากไต้ต้นหว้าใหญ่นั้นกลับบ้านกัน ลุงจำเนียรบอกว่า “ดีนะที่กล้องและของในกระเป๋าไม่เปียกเลย ”  เพราะว่าลุงจำเนียรแกรู้แกวว่าวันนี้ฝนจะตกแน่ๆ แกเลยเอาของต่างๆใส่ถุงพลาสติก แล้วก็ใส่ในกระเป๋าสะพายอีกทีหนึ่ง เฮ้อ..! โล่งอกไป

   นี่ถ้ากล้องเปียกฝนงานของลูกค้าก็เสียหมดอย่างแน่นอน..ถึงตลาดเจ็ดเสมียนฝนหยุดขาดเม็ด ลุงจำเนียรแวะร้านเจ๊เซี้ยมหัวมุมตลาดซื้อ น้ำหวานแฟนต้าน้ำแดง (เวลานั้นขวดละ ๐.๕๐ บาท) ยื่นให้ผมขวดหนึ่งแก้กระหาย ส่วนลุงจำเนียรแกไม่กินน้ำอัดลม แกจูงจักรยานไปที่บ้านเฉยเลย เพราะว่าร้านเจ๊เซี้ยมกับร้านถ่ายรูปอยู่ใกล้กัน..!

   ผมเล่าแต่เรื่องลุงจำเนียรคนเดียวก็กระไรอยู่ เอาเรื่องของขวัญใจของลุงจำเนียรคือ ป้าละม่อมบ้างอีกสักหน่อยจะเป็นไร ไหนๆก็เล่ามาแล้ว.

ป้าละม่อมกับหลานคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของภาพนี้  (ภาพประกอบจากคุณ   ณัฐธยาน์ ธนารวีโรจน์ )

   ป้าละม่อมเป็นคนรูปร่างค่อนข้างจะอ้วน (แต่ใจดี) ตามที่เห็นในรูปที่นำมาให้ดูกัน มีเรื่องเล่ากันจริงเท็จอย่างไรก็ไม่ทราบว่า เมื่อสมัยป้าละม่อมแกยังสาวๆจนกระทั่งย้ายมาอยู่ที่ตลาดห้องแถวที่เจ็ดเสมียนแล้วนั้น ป้าละม่อมแกก็ยังไม่ได้อ้วนท้วนสมบูรณ์อะไรเลย หุ่นแกดีเหมือนสาวๆโดยทั่วไป

   มีหน้าตารูปโฉมที่งดงาม ( ก็ดูลูกหลานก็แล้วกัน หล่อเหลา งามเลิศ เพริดพริ้ง ไปหมดเสียทุกคน จริงๆนะไม่โกหก) จะเป็นหนึ่งแถบๆวัดสมถะ ตำบลบางโตนดก็ว่าได้ ทั้งๆที่แกก็มีลูกถึงสองสามคนแล้ว (ในตอนนั้น) ป้านิ่ม (แม่ไอ้นิล – ผมเรียกอย่างนี้เพราะว่าไอ้นิลเป็นเพื่อนของผมเอง ) พี่สาวของลุงจำเนียรที่บ้านย่าบางโตนดเคยบอกผมอย่างที่ว่ามานี้

   ครั้นแล้วมีอยู่วันหนึ่งลุงจำเนียร แกไปถ่ายรูปที่บ้านงานต่างตำบล เมื่อกลับมาบ้านแกหิ้วถุงลูกไม้ชนิดหนึ่งมาด้วย ลูกไม้นั้นคือลูกมะเกลือนั่นเอง แกบอกป้าม่อมว่าลูกมะเกลือนี้เป็นยาถ่ายพยาธิ์ได้ แล้วน้าเนียรแกก็บอกวิธีการทำยาถ่าย ตามที่เขาบอกมาให้ป้าม่อมแกฟังอย่างละเอีนด ใครๆที่อยู่ตรงนั้นได้ยินน้าเนียรพูดเช่นนั้น ก็สนใจเป็นอันมากทุกคน ป้าม่อมแกสนใจลูกมะเกลือนี้ด้วยเช่นกัน แล้วบอกว่าจะลองทำเป็นยาถ่ายดูว่าจะได้ผลดีหรือไม่

 

  ป้าละม่อม (นั่งกลางภาพ)ในงานเลี้ยง ภาพนี้ถ่ายที่หน้าร้าน ถ่ายรูป จำเนียรศิลป์ ตลาดเจ็ดเสมียน เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๑๑ เมื่อ ๔๓ ปีมาแล้ว และคน (เฉพาะผู้ใหญ่)ในภาพนี้ได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว

    แล้วในตอนเย็นวันรุ่งขึ้น ป้าม่อมแกก็จัดแจงเอาลูกมะเกลือหลายลูก มาใส่ครกโขลกตำจนละเอียด เสร็จแล้วก็ตักลูกมะเกลือที่แหลกแล้วนั้น ใส่ลงไปในหม้อเล็กๆที่ตั้งไว้บนเตาไฟ ในหม้อนั้นมีหัวกะทิไม่มากนักเดือดพล่านอยู่ ป้าม่อมแกใส่ลูกมะเกลือลงไปแล้วกวนๆให้กะทิกับลูกมะเกลือเข้ากันดีกวนจนกะทิเหนียวได้ที่แล้วก็ยกลง เป็นอันว่าเสร็จพิธีในการปรุงยาถ่ายแบบสมุนไพรโบราณที่ลุงจำเนียรเป็นคนเอามาบอก เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของลุงจำเนียรแท้ๆเทียว

   วันรุ่งขึ้นในตอนเช้ามืดผมมาชวนนายเหม่ง ไปเก็บมะม่วงวัดที่มักจะสุกคาต้น และเมื่อโดนลมพัดแรงๆ มักจะตกลงมาผมเคยไปเก็บกันบ่อยๆ ยิ่งคืนไหนที่มีลมพายุพัดแรงๆ ด้วยแล้ว มะม่วงวัดมักจะตกลงมามาก ขนาดผมเอากระป๋องหิ้วที่ใช้ตักน้ำมาเก็บก็ยังใส่ไม่หมดเลย

  ในระหว่างที่เดินไปวัดกับนายเหม่งนั้น นายเหม่งบอกว่า เมื่อคืนแม่ของเขา (คือป้าม่อม) “กินยาถ่ายลูกมะเกลือเข้าไปแล้ว ถ่ายพยาธิ์ออกมาบานตะเกียงเลย เป็นพยาธิ์ตัวตืดที่เป็นปล้องๆสีขาวๆ ต่อจากนี้ไปแม่ของเราคงจะหายจากการ ที่ท้องอืดเป็นประจำแล้วแหละ”

   ผมก็บอกนายเหม่งว่า เออ..ยาถ่ายสูตรนี้เขาดีจริงๆเลยหว่ะ แล้วเราคุยกันเรื่องอื่นๆจนถึงวัด
 ในตอนหลังผมเดาเอาเองว่า ป้าม่อมแกได้ถ่ายพยาธิ์ตัวตืดออกแล้ว แกก็อ้วนวันอ้วนคืนเพราะว่าไม่มีตัวพยาธิ์คอยแย่งอาหารกิน นั่นเอง..!

   ลุงจำเนียรและครอบครัวก็ช่วยกันทำมาหากินอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียนอย่างมีความสุขตลอดมา วันเวลาผ่านไป ลูกๆก็โตกันขึ้นมา ต่อมาลูกสาวคนโตของลุงจำเนียร (ชื่อว่าพี่องุ่น) ก็ได้แต่งงานไปกับชายหนุ่มคนหนึ่ง (ชื่อคุณพี่สมศักดิ์ เป็นสถาปนิกหนุ่ม อนาคตไกล) บ้านเดิมอยู่ต่างจังหวัด แต่ได้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ และได้ตั้งรกรากอยู่ที่แถวสะพานพระราม ๖  (อ่านเรื่องของพี่องุ่น คลิ๊ก)

 คุณพี่ทั้งสองมีเวลาว่างก็ไปเยี่ยมน้องๆถึงที่บ้านสวน สุพรรณบุรี  น้องก็เลยชวนรับประทานอาหารซะเลย ตอนนั้นออกรถสี่ประตูสีดำใหม่ๆ  (ขอขอบคุณภาพประกอบจากคุณ สุพีพรรณ)

   พี่องุ่นและพี่สมศักดิ์เป็นครอบครัวตัวอย่าง ทำหน้าที่เป็นหลักของตระกูล พี่น้อง ลูกหลาน ตลอดจนญาติมิตร ให้ความรักและนับถือพี่คนโตของตระกูลเป็นอย่างมาก ปัจจุบันพี่องุ่นมีบุตร ๔ คน หญิง ๓ ชาย ๑ เรียนจบแล้วมีงานทำกันหมดทุกคน

  ดังนั้นจึงถึงตอนเฉลยแล้วครับ คุณเจี๊ยบ ผู้ประกาศเรื่องนี้คือ บุตรสาวคนโตของพี่สมศักดิ์และพี่องุ่น โอภาสพินิจ และเป็นพี่สาวของ คุณโจ คือคนที่จะบวชนี้แหละครับ คงเข้าใจแล้วนะครับ  คุณน้า...!


   ดังนั้นเมื่อถึงวันบวชก็ไม่ต้องไปจ้าง ไวพจน์ มาแหล่ทำขวัญนาคหรอกครับ ลูกผู้ชายทุกคนต้องรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เราเกิดมาเป็นบุตรชาย มีภาระกิจที่จะต้องบวชให้กับพ่อแม่ เพื่อทดแทนบุญคุณที่ท่านได้เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เกิด ด้วยความรัก ทนุถนอม และเป็นห่วง (จริงหรือไม่จริงลองถาม กรกนก ดูซี แค่เลอร์โดนโน๊ทบุ๊คกระแทกคิ้ว เธอยังร้องไห้แทนลูกเลย ) ซึ่งเป็นประเพณีของชาวไทยเรามาแต่โบราณกาล จึงเป็นที่มาของคำประกาศ เชิญชวนของ คุณ เจี๊ยบ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของพี่องุ่น ดังข้อความที่อยู่ข้างบนนั้น

   ผมในฐานะที่เป็นคนที่รู้จักกับครอบครัวนี้ มานานตั้งแต่เด็กๆจึงขอถือโอกาสกราบเรียน เรียนเชิญ ญาติมิตรพี่น้อง หรือคนที่เคยรักใคร่นับถือ และรู้จักกับครอบครัวของนายจำเนียรในสมัยกาลก่อน เมื่อได้ทราบข่าวนี้แล้ว ถ้าหากว่ามีเวลาว่างก็ไปร่วมทำบุญบวชพระกันในครั้งนี้ด้วย ...!

   ปัจจุบันนี้ลูกหลานเหลนของครอบครัวคุ้มประวัติ ได้แตกขยายวงกว้างไปอีกมากมาย ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังได้คุยกันแทบทุกวัน โดยอาศัยเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งหลานคนหนึ่งของลุงจำเนียรที่อยู่ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ก็ยังได้ร่วมวงคุยกับพี่ๆน้องๆ เหมือนอยู่ใกล้ชิดกันทุกๆวันด้วย ไชโย.. !

  คุณนวลปรางค์ ผาสุขสวัสดิ์ บุตรคนที่ ๒ ของลุงจำเนียรป้าละม่อม ปัจจุบันอยู่ที่ กทม.

   เมื่อไม่กี่วันมานี้บุตรชายคนเล็ก (รูปหล่อ) ของ พออ.คะนึง (จุ้ย บุตรคนที่ ๔) และคุณอุไร คุ้มประวัติ ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร เป็นที่ปลื้มใจและยินดีกันในหมู่ญาติมิตรกันถ้วนหน้า   ดูมาดของพี่จุ้ยก็แล้วกัน วางมาดขรืมได้ใจจริงๆ (ขอขอบคุณภาพประกอบจากคุณ juffy แจ่มแมว )

คุณเอนก คุ้มประวัติ เป็นบุตรคนที่ ๕ ของคุณลุงจำเนียร ป้าละม่อม ปัจจุบันไปตั้งรกรากเป็นใหญ่เป็นโตที่ จ.อุบลราชธานี ขอขอบคุณภาพจาก Mr.b.kp.n.ub. (n.ub. เติมให้เอง ย่อมาจาก ณ อุบลฯ แหะ..แหะ..!)

  คุณเอนกและคุณอ๋อย ต้อนรับผู้ที่ไปเยี่ยมถึงอุบลด้วยความยินดี

  บุตรคนสุดท้ายของคุณลุงจำเนียร ป้าละม่อม คือคุณกนก (no) เป็นผู้ที่มีลักษณะเป็นผู้นำ มีความคิดดีๆที่แนะนำให้ผู้อื่นเสมอ รักษาตัวให้ดีจะเป็นใหญ่ในภายภาคหน้า (ภาพจากคุณกนกยิงมาจากประเทศอิตาลี่แบบสดๆ ภาพจึงดูหยาบๆ ถ้าแดดแรงไปหน่อยก็หาแว่นตาดำมาสวมเสียนะพ่อนะ...! )

  ผู้เล่าขอจบเพียงเท่านี้ก่อน ตอนต่อไปก็จะขอเล่าถึงรุ่นลูกของลุงจำเนียรป้าละม่อม (เฉพาะลูกๆ) ซึ่งมีอยู่หลายคน บางคนเป็นเพื่อนสนิทกันกับผม (ถ้าไม่เชื่ออ่านเรื่องนี้ดูก็ได้ คลิ๊ก)  ถ้ายังมีผู้สนใจ..และที่สำคัญต้องขออนุญาติเขาให้ได้ก่อนนะ..!  สวัสดี.

  อาจจะมีบางคนถามว่า แล้วเมิงทำไมจึงรู้เรื่องของเขามากจริง..จิ๊ง./    อ๋อ..!ก็ดูเอาซี๊ เกือบ ๓ ทุ่มแล้วผมยังไม่กลับบ้านเลย ทำไมผมจะไม่รู้เรื่องมากล่ะ น้าก็ ..! 

   สำหรับบทความในตอนนี้ ถ้าหากว่ามีตอนหนึ่งตอนใดผิดพลาดไป ผมต้องขอโทษขออภัยต่อทายาท ลูกหลาน เครือญาติของคุณลุงจำเนียร คุณป้าละม่อม มา ณ ที่นี้ด้วย ..

 นายแก้ว ผู้เขียน งานบวชของน้องชาย

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้57
เมื่อวานนี้343
สัปดาห์นี้1546
เดือนนี้7713
ทั้งหมด1337597

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online