คุณป้าปราณีต ลักษิตานนท์
คุณป้าเอ็ง (ซ้าย ซึ่งต่อไปจะ้เรียกชื่อเดิมของท่านคือคุณป้าเอ็ง) เมื่อสมัยยังสาวๆอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียน อุ้มลูกสาวคนหนึ่งคือคุณบุปผา ส่วนคนที่อุ้มลูกสาว คือคุณอารีย์ ที่ยืนอยู่ทางด้านขวานั้นคือ นางสละ สุวรรณมัจฉา (คุณแม่ของผู้เขียนเอง) ภาพนี้ถ่ายที่หน้าโรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน เมื่อ ๖๐ ปีมาแล้วครับ
เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ต้องเดินทางไปที่ตำบลเจ็ดเสมียนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากคุณป้าเอ็ง (คุณป้าประณีต ลักษิตานนท์ ) ได้เสียชีวิตลงไปเมื่อ ๕ วันที่ผ่านมาแล้ว ในการสวดอภิธรรมศพ ๕ คืนนั้นผมไม่ได้ไปเลย เพราะว่าบ้านอยู่ห่างไกลกันมาก จึงคิดว่าจะไปในวันเผาศพเลยทีเดียวคือ ในวันที่ ๑๔ คือในวันนี้เอง
คุณป้าเอ็งเป็นคนอาวุโสที่สุดในตลาดเจ็ดเสมียนในเวลานี้ เพราะว่าในวันที่เสียชีวิตลงไปนั้นคุณป้ามีอายุถึง ๙๕ ปีแล้ว คุณป้าเอ็งอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียนมานานมากหลายสิบปี จนกระทั่งในตอนหลังๆนี้จึงได้ย้ายไปอยู่ที่สามแยกบ้านเลือก ซึ่งห่างไกลจากตำบลเจ็ดเสมียนไปประมาณ ๗ กิโลเมตร และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสียชีวิต แต่ศพก็ยังมาทำพิธีกันที่วัดเจ็ดเสมียนซึ่งเป็นบ้านเกิดและบ้านที่เคยอยู่ในอดีต
คุณป้าเอ็ง (ปราณีต) ในวันงานคนเจ็ดเสมียนพบกันเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๐ คนทางซ้ายนั้นคือคุณประนอม ซึ่งเป็นคนเจ็ดเสมียนคนหนึ่ง กำลังคุยอยู่กับคุณป้าเอ็งคุณประนอมนี้เป็นสาวเจ็ดเสมียนคนหนึ่ง และได้มาในงานวันคนเจ็ดเสมียนพบกัน ในครั้งนั้นด้วย
เมื่อครั้งที่ยังสาวๆนั้น คุณป้าเอ็งประกอบอาชีพโดยสุจริต โดยการเปิดร้านขายยาแผนโบราณ และลุงเบี้ยวซึ่งเป็นสามีของคุณป้า ได้เปิดร้านขายไม้และเครื่องก่อสร้าง กิจการค้าดำเนินไปด้วยดี ประกอบกับเป็นคนเก่าแก่ที่นี่จึงมีคนนับหน้าถือตามาก
ลุงเบี้ยวและป้าเอ็งเป็นคนมีอารมณ์ดีอยู่เสมอ โอบอ้อมอารีต่อเพื่อนบ้านและคนที่ได้มารู้จักทุกๆคน คุณป้าเป็นคนรุ่นเก่าจึงมีเพื่อนรุ่นๆเดียวกันที่คบกันรักใคร่นับถือกันฉันท์พี่น้อง มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณพ่อและคุณแม่ของผมเอง แต่ละครอบครัวมีลูกกันคนละหลายๆคน ซึ่งลูกๆของคุณป้าก็คือเพื่อนๆของผมนั่นเองคือว่าเกิดในรุ่นราวคราวเดียวกัน ลูกๆของคุณป้าบางคนจึงเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันกับผมมาก เราวิ่งเล่นที่ตลาดเจ็ดเสมียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งเมื่อมีอายุกันมากๆแล้วก็จึงได้แยกย้ายกันไปทำมาหากินในที่อื่นๆ แต่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆมาจนกระทั่งทุกวันนี้
คุณป้าเอ็งมีลูกหลายคน แต่ผมก็รู้จักและสนิทกันเหมือนพี่น้อง ในคนที่โตๆรุ่นราวคราวเดียวกันเท่านั้น ส่วนคนเล็กๆที่เกิดมาทีหลังนั้นผมไม่ค่อยรู้จัก เพราะว่าผมได้ไปจากตลาดเจ็ดเสมียนเมื่อพวกเขายังเด็กๆอยู่ หรือบางคนเพิ่งจะเกิด จึงไม่รู้จักกันดีนัก
พวกลูกๆของป้าเอ็งโตขึ้นแล้วก็แยกย้ายกันไปเรียนหนังสือ และประกอบกิจการงานได้ดิบได้ดีกันไปหลายๆคน พี่กัลยา ลูกสาวคนโตของป้าเอ็ง ซึ่งเป็นลูกสาวคนใหญ่นั้นมีอายุกว่าผมหลายปี ไปเรียนพยาบาลแล้วก็รับราชการเป็นพยาบาลในหลายๆที่จนกระทั่งเกษียณอายุราชการ พี่กันยาแต่งงานมีลูกคนเดียว เกษียณราชการแล้วก็อยู่ที่บ้าน แถวๆหลังวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
คุณกัลยา บุตรสาวคนโตของป้าเอ็ง ซึ่งเรียนพยาบาลที่กองทัพอากาศ ภาพนี้เมื่อกำลังเรียนพยาบาลอยู่ ได้แต่งกายในงานรื่นเริงปีใหม่ที่ โรงเรียนนายเรืออากาศ
คุณกัลยา (กลาง) กับเพื่อนๆที่สมัยเป็นเด็กตลาดเจ็ดเสมียนด้วยกัน ในวันคนเจ็ดเสมียนพบกัน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐
ส่วนลูกชายของป้าเอ็งก็ทำงานกันเป็นปึกแผ่น มีอยู่คนหนึ่งคือคุณ รังสฤษฏ์ ลักษิตานนท์ เมื่อเรียนหนังสือจบที่มหาวิทยาลัยในเมืองไทยแล้ว ก็ได้ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จนจบ ป.โท แล้วก็กลับมาทำงานที่บริษัท บุญรอด การทำงานก็ก้าวหน้าจนกระทั่งเป็นถึง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัทบุญรอด (เบียร์สิงห์) และยังเป็นนายกสมาคม ก็อฟล์ อาชีพแห่งประเทศไทยด้วย
ลูกสาวอีกคนหนึ่งที่ผมรู้จักก็คือคุณบุปผา ลักษิตานนท์ เรียนจนจบมหาวิทยาลัยที่เมืองไทยแล้ว ก็ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จนจบแล้วก็ได้แต่งงานและอยู่ที่ นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาเป็นการถาวร จนกระทั่งทุกวันนี้
คุณบุปผาซึ่งเป็นบุตรสาวคนหนึ่งของป้าเอ็ง (ซ้ายใส่แว่นตา) ในงานศพของป้าเอ็ง ได้เดินทางมาจาก นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาเมื่อได้ทราบข่าวว่าคุณแม่ของเธอเสียชีวิต
คุณบุปผา และน้องๆคือคุณอาภรณ์ คุณเพ็ญ เมื่อสมัยยังเด็กอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียน แต่งชุดรำอวยพรในงานปีใหม่ของตำบลเจ็ดเสมียน เมื่อเกือบ ๖๐ ปีมาแล้ว
นอกจากนั้นก็ยังมีคุณอาภรณ์ ซึ่งเป็นน้องสาวของคุณบุปผา ได้เป็นครูสอนหนังสือให้แก่เด็กๆ จนกระทั่งทุกวันนี้
ครอบครัวของคุณป้าเองจึงมีความสุขเนื่องจากลูกๆทุกๆคน ได้ประสบความสำเร็จ คุณป้าเอ็งจึงมีความสุขในวัยชราอยู่กับบ้านตลอดมา
เนื่องจากคุณป้าเอ็งมีอายุมากแล้ว จึงได้จากไปด้วยวัยชราเมื่อมีอายุถึง ๙๕ ปี และจากไปโดยสงบ ลูกหลานซึ่งอยู่กันคนละทิศคนละทางจึงต้องกลับมารวมตัวกัน ในงานศพคุณแม่ในครั้งนี้
คุณป้าเอ็งเมื่อยังอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียนนั้นเป็นผู้มีอารมณ์ดี รักเด็กๆซึ่งเป็นเพื่อนๆกับลูกของคุณป้า เหมือนลูกหลานทุกๆคน เมื่อผมและครอบครัวของผมเมื่อตอนที่อยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียนนั้น ก็ได้รับความช่วยเหลือและมีเมตตาปราณีกับครอบครัวของผมอยู่เสมอมา
แม้แต่เมื่อตอนที่ผมแต่งงานนั้น ก็ได้คุณป้าเอ็งเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอ และจัดการงานแต่งงานให้ด้วย ผมจึงคิดถึงบุญคุณของป้าเอ็งอยู่ตลอดมาไม่เคยลืมเลือนเลย
ป้าเอ็งในงานแต่งงานของผู้เขียน ซึ่งคุณป้าได้เป็นผู้จัดการไปสู่ขอหญิงสาวให้และจัดการงานแต่งให้ผู้เขียนด้วย
ดังนั้นเมื่อผมรู้ข่าวว่าป้าเอ็งเสียชีวิตโดยได้รับข่าวจากคุณอาภรณ์ลูกสาวคนหนึ่งของป้าเอ็ง ผมจึงต้องมางานของคุณป้าเอ็งด้วยความเต็มใจอย่างที่สุดแม้ว่าเวลานี้ผมจะอยู่ห่างไกลเป็นอันมาก
คุณอาภรณ์ (ซ้าย) ลูกสาวของป้าเอ็งคนหนึ่ง ถ่ายรูปคู่กับคุณปราณี สุวรรณมัจฉา น้องสาวของผู้เขียน ที่ต้นจามจุรีกลางตลาดเจ็ดเสมียน ทั้งคู่สนิทสนมกันมากและเป็นเพื่อนกันตลอดมา ต่อมาทั้งคู่เป็นครูเหมือนกันที่สองค
ส่วนประวัติของป้าเอ็งเมื่อครั้งที่ยังเป็นสาวๆที่อยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียนนั้น มีมากมายเหลือที่จะบรรยายได้หมด จึงขอเล่าเพียงคร่าวๆไว้เท่านี้
งานศพของคุณป้าเอ็งในครั้งนี้ บรรดาเจ้าภาพได้ลงความเห็นกันว่าจะทำกันอย่างเงียบๆโดยไม่ต้องบอกใครมากนัก จะมีก็เพียงลูกๆหลานๆและญาติสนิทกันบางคนเท่านั้น เหตุผลก็คือว่าไม่อยากจะรบกวนใครนั่นเอง แต่พอถึงวันจริงๆผู้ที่เคารพนับถือที่พอรู้ข่าวก็มากันแน่นศาลาเพื่อมาฟังการสวดพระอภิธรรมกันทุกคืน
แม้กระทั่งในวันเผานี้ก็มีคนมากันอย่างเนืองแน่น จนของชำร่วยที่ระลึกที่ทำเตรียมไว้แจกก็ไม่พอกับจำนวนคนที่มา มีคนสำคัญหลายคนก็มาในวันนี้ด้วย เช่นคุณสันติ ภิรมย์ภักดี (ผู้จัดการใหญ่ บ.บุญรอด) มาเป็นประธานในการเผาศพคุณป้าเอ็งด้วย
นอกจากนั้นก็มีบรรดาท่านที่เคารพนับถือและบรรดาเพื่อนๆของลูกๆของคุณป้าเองก็มากันมากมาย ซึ่งเป็นคนที่ผมรู้จักและไม่รู้จักบ้างก็มากมาย งานนี้สำเร็จไปด้วยดี ส่วนตัวของผมนั้นขึ้นไปไหว้ศพของป้าเองแล้วก็อธิษฐานให้ท่านจงไปสู่สรวงสวรรค์ และขอให้อโหสิกรรมต่างๆที่ผมได้ทำผิดพลาดไปประการใดบ้างก็ขอให้อโหสิกรรมให้ด้วย
ผมได้มางานนี้ด้วยความเสียใจที่คุณป้าเอ็งได้เสียชีวิตลงไป และคิดว่าแม้ว่าจะไม่ได้ตอบแทนบุณคุณอะไรให้คุณป้าเอ็งบ้างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงเวลาที่คุณป้าเอ็งได้จากไปก็ได้มาในงานของท่านแล้วในวันนี้
นายแก้ว บันทึก ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗