เรื่องของปอมมี่
ปอมมี่มารู้ทีหลังว่าพี่เก่งเกรงว่าพ่อและแม่จะเหงาเมื่ออายุมากขึ้น เลยหาสุนัขมาให้พ่อแม่เลี้ยง เพราะปกติเมื่อโรงเรียนเปิดเทอม ทั้งสองคนพี่น้องจะไปพักหอพักที่อยู่ใกล้โรงเรียน ที่บ้านจึงมีแต่พ่อและแม่เท่านั้น
พี่เก่งกับปอมมี่
ปอมมี่เป็นสุนัขที่ฉลาด ร่าเริง อยากรู้อยากเห็นตามลักษณะของสายพันธุ์ ปอมมี่เป็นสุนัขที่มีขนสีน้ำตาลพองฟู เห่าเสียงแหลมดัง มีดวงตาที่ใสแจ๋วเป็นประกายแสดงถึงความเฉลียวฉลาด เมื่อปอมมี่อายุได้ 2 ปี พี่เก่งได้ซื้อสุนัขพันธุ์ปอมฯ มาอีกหนึ่งตัว เป็นเพศเมีย โดยบอกพ่อแม่ว่าเอามาเป็นเพื่อนปอมมี่ เพราะกลัวปอมมี่จะเหงา ( สงสัยพี่เก่งจะเป็นคนขี้เหงานะ ! )
ปอมมี่ (ตัวใหญ่) แตงกวา (ตัวเล็ก)
สุนัขใหม่ตัวนี้ได้ชื่อว่า แตงกวา ซึ่งต่อมาแตงกวาได้ให้กำเนิดลูกสุนัข มา 2 ตัว แต่น่าเสียดายที่สุนัขน้อยมีสุขภาพไม่แข็งแรง และได้เสียชีวิตลงทั้งสองตัว
ทุกเช้าปอมมี่และแตงกวาจะแข่งกันไปปลุกพ่อกับแม่ที่นอนอยู่ชั้นบนของบ้าน โดยการใช้เท้าตะกายประตูห้องเสียงดังแกรกๆ จนแม่ต้องลุกมาเปิดประตูให้เข้าไปในห้อง ทั้งสองตัวจะวิ่งตรงไปที่ระเบียงห้องนอนแล้วเห่าเสียงแหลมดังอย่างร่าเริง
ที่หน้าบ้าน
สิ่งหนึ่งที่ปอมมี่ไม่ชอบเลยก็คือผ้าขนหนู เพราะพี่เก่งเคยแกล้งปอมมี่โดยเอาผ้าขนหนูมาพันรอบตัวปอมมี่จนผ้าขนหนูปิดหูปิดตาไปหมด ปอมมี่โมโหมาก ตั้งแต่นั้นมาพอเจอผ้าขนหนูทีไรปอมมี่เป็นต้องฉี่ใส่ผ้าขนหนูทุกครั้ง เอาให้หายแค้นไปเลย ปอมมี่คิดในใจ
ระยะหลังมานี่ปอมมี่ชอบฉี่ตามมุมต่างๆของบ้านจนถูกแม่เอ็ดอยู่บ่อยๆ แต่ปอมมี่ไม่กลัวหรอกเพราะรู้ว่าแม่รักปอมมี่ คนที่ปอมมี่กลัวก็คือพ่อ เพราะพ่อจะลงโทษปอมมี่แรงๆทุกครั้งที่เห็นปอมมี่ฉี่รดบ้าน
ทุกเย็นแม่จะเดินออกกำลังกายรอบๆ บ้าน แม่ชอบทำสวนปลูกต้นไม้บนเนื้อที่เล็กๆของบ้าน ทำให้บ้านร่มรื่นและเย็นสบาย
“ ปอม แตง ไปเดินเล่นกับแม่มะ เร็วเข้า “ เสียงแม่เรียก
แม่กับปอมมี่ที่สวนหลังบ้าน
หลังจากนั้นแม่ก็จะรดน้ำต้นไม้ พรวนดิน เก็บใบไม้แห้งทิ้ง ระหว่างนั้นปอมมี่กับแตงกวาจะเดินลัดเลาะไปตามสวนเล็กๆนี้เพื่อมองหากบเขียด บางทีก็ขุดคุ้ยดินเล่นไปตามประสา แต่ถ้ามีตัวอะไรที่แปลกปลอมเข้ามาเช่น งู ตะขาบ ปอมมี่และแตงกวาจะช่วยกันเห่าเสียงดังเพื่อเป็นการบอกให้แม่รู้ แม่จะได้ระวังตัวหรือเรียกพ่อให้มาจัดการได้ทัน
ที่สวนหลังบ้าน
เนื่องจากสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนเป็นสุนัขที่มีขนค่อนข้างยาวและหนา จึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แม่จะแปรงขนให้ปอมมี่และแตงกวาอาทิตย์ละสองครั้งเพื่อไม่ให้ขนพันกัน นอกจากนั้นยังได้พาไปพบสัตว์แพทย์ที่คลีนิคใกล้บ้านเพื่อตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำด้วย
กำลังจะไปหาหมอ
ทุกครั้งที่ได้ออกนอกบ้าน ปอมมี่จะสอดส่ายสายตาไปทั่วจากหน้าต่างรถของพ่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ที่ป้อมยามหน้าหมู่บ้าน ปอมมี่สังเกตเห็นสุนัขตัวโตกว่าปอมมี่ สองสามตัว กำลังเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน คงจะดีถ้าได้เล่นกับหมาพวกนี้บ้าง ปอมมี่คิดในใจ
แล้ววันหนึ่งโอกาสของปอมมี่ก็มาถึง ปกติแม่จะปิดประตูลงกลอนประตูรั้วหน้าบ้านทุกครั้งเพื่อไม่ให้ปอมมี่กับแตงกวาออกไปนอกบ้าน แต่วันนี้แม่คงลืมใส่กลอนได้แต่ปิดประตูไว้เฉยๆ เพราะพอปอมมี่ใช้หัวดัน ประตูก็แง้มออกเป็นช่องพอที่ปอมมี่จะออกไปได้
ดันประตูออกนอกรั้วบ้าน
“ แตง แตง เราออกไปเล่นข้างนอกกันเถอะ เร็วเข้า เดี๋ยวแม่เห็น “
ปอมมี่่วิ่งออกไปสู่ถนนหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว โดยมีแตงกวาวิ่งตามมาติดๆ เป้าหมายของปอมมี่ก็คือป้อมยามที่ปอมมี่เห็นสุนัขตัวโตวิ่งเล่นกันเมื่อสองวันก่อน
ถนนหน้าบ้านไปป้อมยาม
ระยะทางจากบ้านถึงป้อมยามประมาณ 500 เมตร มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างสองสามคันจอดรอลูกค้าอยู่ใกล้ป้อมยาม เพื่อบริการลูกค้าเข้าไปในหมู่บ้าน เมื่อปอมมี่ไปถึงป้อมยาม สุนัขที่ปอมมี่เคยเห็นไม่รู้หายไปไหนกันหมด ปอมมี่เดินไปรอบๆ ป้อมยามโดยมีแตงกวาเดินตามไม่ห่าง
ป้อมยามปากทางเข้าหมู่บ้าน
ทันใดนั้นปอมมี่ก็ได้ยินเสียงแฮ่มาจากข้างหลังพร้อมทั้งโดนหมาเจ้าถิ่นจู่โจมเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว ปอมมี่พยายามต่อสู้ป้องกันตัว แต่เพราะปอมมี่ตัวเล็กกว่าจึงโดนหมาเจ้าถิ่นกัดเข้าที่ต้นคอและที่ขาหน้าจนเลือดไหล ขณะที่ปอมมี่กำลังถูกเหวี่ยงไปมา ยามที่ป้อมที่เห็นเหตุการณ์ได้รีบเข้ามาช่วยปอมมี่ได้ทัน ก่อนที่ปอมมี่จะโดนหมาเจ้าถิ่นกัดจนตาย
เจ้าเจมส์ สุนัขเจ้าถิ่น
“ มีใครรู้บ้างว่านี่เป็นหมาของใคร “
เสียงยามประจำหมู่บ้านที่กำลังอุ้มปอมมี่ถามคนที่มายืนดูสองสามคน
“ ดีนะที่ช่วยได้ทัน ไม่อย่างนั้นเป็นโดนไอ้เจมส์กับไอ้บอยกัดตายเป็นแน่ “ ( ชื่อเหมือนดาราเลยนะ ..ผู้เขียน )
“ อ้าว ! อยู่นี่อีกตัวนึง แอบอยู่ข้างประตูแน่ะ ถ้าจะมาด้วยกัน “
ที่แท้คือแตงกวานั่นเอง ขณะที่กำลังชุลมุนอยู่นั้น ด้วยความตกใจ แตงกวาได้วิ่งเข้าไปหลบในห้องยาม เมื่อเหตุการณ์สงบจึงได้ออกมาจากที่ซ่อนจนยามมาเห็นเข้า
“ ผมรู้จัก จำได้ว่าเป็นหมาของอาจารย์ในหมู่บ้านนี้แหละ ผมเคยเข้าไปส่งลูกค้าแถวนั้น ยังทักกับอาจารย์เลยว่าหมาน่ารักดี เดี๋ยวผมเอาไปส่งให้เอง คงต้องรีบพาไปหาหมอเพราะที่โดนกัดมีเลือดไหลด้วย “ หนุ่มวินมอเตอร์ไซด์บอกยาม
ปอมมี่บาดเจ็บ
เมื่อปอมมี่มาถึงบ้าน ตอนนั้นปอมมี่เริ่มมีอาการเบลอๆ ( สัตว์แพทย์ประจำตัวหมาของผู้เขียนบอกว่าอย่างนี้เขาเรียกว่า อาการซืมหรือช๊อค อันเกิดจากความตกใจและถูกกัด )
“ ขอบคุณมากนะที่เอาหมาพี่มาส่ง นี่ก็กำลังตามหากันอยู่เลย กลัวว่าจะถูกหมาใหญ่กัดเอา แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ “
เสียงแม่พูดกับวินมอเตอร์ไซด์อย่างโล่งอก
“ ไม่เป็นไรครับอาจารย์ ก็ช่วยๆกัน “
แล้วหนุ่มวินมอเตอร์ไซด์ก็จากไป ไปรอเข้าวินที่ป้อมยามต่อไป
ปอมมี่ถูกนำตัวไปหาหมอที่คลีนิคเจ้าประจำโดยด่วนเนื่องจากมีบาดแผลและเลือดยังไหลอยู่ หมอบอกว่ารอยกัดที่ต้นคอ ยังดีนะที่ไม่ลึกมาก มิเช่นนั้นปอมมี่ไม่รอดแน่
“ แม่เคยบอกปอมมี่ว่าไม่ให้ออกไปนอกบ้าน ปอมมี่ก็ไม่เชื่อ แล้วเกิดอะไรขึ้น เห็นไหม เกือบตายแล้วไหมล่ะถ้าพี่ยามมาช่วยไว้ไม่ทัน “
แม่บ่นแบบนี้อยู่หลายวัน
หลังๆมานี้ ทุกคนในบ้านจะเห็นปอมมี่มักจะออกมายืนอยู่หน้าบ้าน เหม่อมองออกไปนอกรั้วบ้านเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ใครจะรู้บ้างว่าปอมมี่คิดอะไรอยู่
ปอมมี่ คิดอะไรอยู่
คิดอะไรน่ะหรือ ปอมมี่คิดว่าการผจญภัยในครั้งนี้ ถ้าไม่มีพี่ยามมาช่วยไว้ทัน ปอมมี่คงเละเป็นโจ๊กแน่ ต่อไปนี้ปอมมี่จะเชื่อแม่ จะไม่ออกจากบ้านตามลำพังเป็นเด็ดขาด ขอบอกว่า เข็ดจริงๆ ให้ดิ้นตาย ...
บ๊ายบาย... โชคดีทุกๆท่าน นะคับ
อ. ปลาทอง ผู้เขียน
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗
เค้าโครงเรื่องโดย
คุณสุกัญญา ปรีชา เจ้าของสุนัข " ปอมมี่ "