เด็กบ้านนอก (ครูเทียน)

 

ภาพนี้ผมและน้องอีกสองคนยังเล็กอยู่ คนริมสุดคือเด็กชายระฆัง สุวรรณมัจฉา เตี่ยบอกว่าเขาเกิดตอนพระตีระฆังในตอนเช้าพอดี เตี่ยจึงตั้งชื่อให้น้องชายของผมซึ่งอ่อนกว่าผม ๔ ปี ว่าเด็กชายระฆัง

  คนถัดมาที่เป็นเด็กหญิงคือ เด็กหญิงอารีย์ ในตอนที่น้องคนนี้ของผมยังเล็กๆเตี่ยตั้งชื่อเล่นๆว่ายายอึ่ง เตี่ยคงเห็นว่าเด็กหญิงอารีย์อ้วนจ้ำม่ำละกระมัง และต่อมาก็คือผมไงละครับตอนนั้นเตี่ยของผมเป็นครูที่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน ก็อยู่ใกล้ๆตลาดที่เป็นห้องแถวติดกับกำแพงโบสถ์นั่นเอง

  เตี่ยผมรับราชการกรมธรรมการ เป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน  (สตะคามวิทยา ตอนหลังจึงเปลี่ยนเป็น สัจจานุกูล) และมีครูน้อยอยู่ในสังกัดอีกหลายคน ตอนนั้นผมอายุ ๗ ขวบแล้วครับ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป. ๑ ตามเกณฑ์ที่ต้องเข้าเรียนในสมัยนั้น

  ห้องเรียนของผมถ้าหันหน้าเข้าหาโรงเรียน ชั้น ป.๑ ก็จะอยู่ปีกซ้ายริมสุดเลยครับ ห้องของผมมีครูเทียน นักดนตรี เป็นครูประจำชั้นครับ (นามสกุลนักดนตรีไม่ใช่เป็นนักดนตรีนะครับ ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้วครับ)

  ในสมัยเมื่อผมเด็กๆก็คือในรูปนั่นแหละครับ ผมยอมรับว่าผมโง่มาก ใครพูดอะไรบอกอะไรก็งงๆ ฟังเขารู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง แต่เป็นคนใช้ง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน ผมไม่ได้เบ่งกับใครว่าผมเป็นลูกครูใหญ่ นะเว้ยเฮ้ย

  ไม่เอาครับไม่เอา ผมไม่มีนิสัยอย่างนี้เลย(จนปัจจุบันนี้ผมก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตน เคารพคนที่ควรเคารพครับ )

  ครูเทียน นักดนตรี ซึ่งเป็นครูประจำชั้น ป. ๑ ของผม ก็เอนดูผมเป็นพิเศษ คงจะคิดว่าเป็นลูกครูใหญ่ละมั๊ง

  วันหนึ่งครูเทียนเรียกผมให้มาหน้าชั้น ผมกลัวตัวสั่นคิดไม่ออกว่าผมผิดอะไรครูเทียนจึงเรียกผมออกไปหน้าชั้นทำโทษผมแน่ๆ เมื่อผมไปใกล้ๆ ครูเทียนล้วงกระเป๋าหยิบสตางค์แบ๊งค์บาท ออกมาให้ผม ๑ ใบ แล้วผมได้ยินแว่วๆครูเทียนบอกว่า "นี่แก้วเอาตังค์นี่ไปซื้อ สลิ่ม มาให้ครูหน่อยนะ ไปซื้อที่ร้านยายเซี้ยมน่ะ แล้วก็ถือดีๆล่ะ"

  ผมตอบครับๆ ยังนึกดีใจอยู่ว่า ครูเขารักเราเขาจึงใช้เรา ผมจึงตรงลิ่วไปที่ร้านยายเซี้ยมทันที เมื่อไปถึงยายเซี้ยมเขาไม่ได้เป็นร้านขายสลิ่มนี่นา ในตอนนั้นผมอยากจะเอาใจครูเทียนเต็มที่ จึงเดินไปตรงต้นจามจุรีหน้าบ้านกำนัน

  จึงเห็นว่าอาซิ้มอึ้ม ขายน้ำแข็งไสใส่น้ำเขียวแดง และก็กดกับถ้วยแน่นๆเสียบไม้ลงไปตรงกลาง และมีอย่างอื่นขายอีก เช่น เผือก ลูกชิด ถั่วดำ ขนมปังหั่นเป็นชิ้นเล็กๆรวมทั้งสลิ่มด้วย

  ได้การละ ผมสั่งสลิ่มให้ครูเทียน ๑ ถ้วยทันที ยื่นแบ๊งค์บาทให้เขาไป ซิ๊มอึ้มยังทอนคืนมาให้อีกตั้ง ๗๕ สตางค์ ได้ของแล้วผมรีบเดินมั่งวิ่งมั่งเข้าไปหาครูเทียนทันที

  เห็นครูเทียนนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องเรียน ผมรีบเอาสลิ่มที่ซื้อมาส่งให้แก พอแกเห็นเท่านั้นแกทำหน้าที่ผมจะบอกไม่ถูกว่าแกทำหน้าบูดอย่างไร

  ครูเทียนจะดุหรือก็ไม่ดุ จะขำหรือก็ไม่ขำ แกก้มหน้าเข้ามาเกือบชิดหน้าของผมแล้วบอกว่า  "ครูให้แก้วไปซื้อบุหรี่พระจันทร์มาให้หนึ่งซอง แล้วซื้ออะไรมา"

  ผมขอโทษครูเทียนเป็นการใหญ่ ครูเทียนก็ไม่ได้ด่าว่าอะไรผมมากมายนัก คงเกรงใจที่ผมเป็นลูกครูใหญ่กระมัง เพียงแต่ให้ผมไปอีกรอบหนึ่งไปซื้อบุหรี่มาให้แกเท่านั้นเอง

  ผมมาคิดดูว่าครูเทียนแกคงสั่ง ให้ผมไปซื้อบุหรี่ให้แกจริงๆ แต่ผมยอมรับว่าในตอนนั้นหูผมไม่ดีเป็นอย่างมากเลยครับ หูผมอื้อหมดทั้งสองข้าง ต้องพูดแรงๆละก็พอได้

  ผมจะบอกให้ว่าเป็นเพราะอะไร หูผมถึงอื้อหมดอย่างนั้น ที่เป็นดังนี้ก็เพราะว่าหูของผมเป็นหูน้ำหนวกครับ เตี่ยก็พยายามพาผมไปหาหมอรักษาอยู่

  ผมบอกความลับแก่ท่านแล้ว ขอให้ท่านเหยียบไว้เสียนะ อย่าไปบอกต่อให้ใครรู้ละ...!

นายแก้ว ผู้เขียน ๑๑ ต.ค.๒๕๕๕