ไปสัมมนาที่เขื่อน ๑

   

       เป็นประจำทุกปีที่ที่ทำงานของผู้เขียน ได้จัดให้มีการสัมมนาปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงาน ตลอดจนแนวทางแก้ไข รวมทั้งติดตามการแก้ไขปัญหาต่างๆจากผลของการสัมมนาปีก่อนๆด้วย           ในปีนี้ค่อนข้างจะพิเศษตรงที่เป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ และจัดนอกสถานที่โดยจะจัดที่ เขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) จังหวัดกาญจนบุรี   ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๒ กันยายน ๒๕๕๒ 
       โดยมีผู้เข้าสัมมนาซึ่งเป็นข้าราชการ และลูกจ้างจำนวนประมาณ  ๑๐๐ คน ซึ่งนอกจากจะสัมมนาทางวิชาการแล้ว ก็จะจัดให้มีกิจกรรมต่างๆเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึก ในการทำงานเป็นทีมและเสริมสร้าง คุณธรรมจริยธรรม   
        นอกจากนั้นยังจะมีกิจกรรม บำเพ็ญประโยชน์โดยการมอบ อุปกรณ์การศึกษา การกีฬา สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านดงโคร่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ด้วย
       
เพื่อให้การสัมมนาเป็นไปโดยเรียบร้อย และเป็นไปตามแผนการที่กำหนด ท่านผู้อำนวยการสำนักงาน จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเป็น ๒ กลุ่มคือ กลุ่มวิชาการและกลุ่มกิจกรรม   ซึ่งแต่ละกลุ่มต่างก็รีบเร่งดำเนินการในส่วน ที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้ทันวันที่   ๑๐  กันยายน  ๒๕๕๒  อันเป็นวันเดินทาง  

       ผู้เขียนสังเกตเห็นว่าแต่ละคน ดูจะกระตือรือร้นในการสัมมนาครั้งนี้   อาจเป็นเพราะว่าจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่กันบ้าง หลังจากคร่ำเคร่งกับงานที่ค่อนข้างหนักมาทั้งปี 
       เช้าของวันเดินทาง    ผู้เขียนออกเดินทางจากบ้านพักพร้อมสัมภาระส่วนตัว ถึงสำนักงานประมาณ ๖.๓๐ น. อันเป็นเวลาที่กำหนดให้ผู้เข้าสัมมนาทุกคน ต้องมาลงชื่อเพื่อเข้าร่วมสัมมนา ที่เขาเรียกกันว่า
"ลงทะเบียน"

งทะเบียนก่อนออกเดินทาง  "นี่..นี่ไงชื่อผมอยู่นี่"

         ขณะนั้นผู้ที่จะเดินทางก็ได้ทยอยมากันเรื่อยๆ    ตามกำหนดการเราจะออกเดินทางเวลา  ๗.๐๐ น.    เมื่อใกล้เวลาเดินทางจะได้ยิน เสียงผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการ ในเรื่องการเดินทาง  คือ  ท็อป กับ อั๋น  สองหนุ่มน้อยไฟแรง นิสัยดี พูดทางโทรโข่งซักซ้อมการเดินทางของพวกเราเป็นระยะๆ
       “ พี่พี่ คร้าบ  ช่วยตรงเวลาด้วยนะคร้าบ   เราจะต้องถึงเขื่อนวชิราลงกรณไม่เกิน ๑๐.๓๐ น. นะครับ เพื่อการสัมมนาของเราจะได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ “    เสียงนายท็อปดังมาจากโทรโข่ง
      “ เราจะแวะพักจุดแรกที่ปั้ม  ปตท.ที่แก่งเสี้ยน   ๑๕  นาทีนะครับ   พี่พี่ช่วยรักษาเวลาด้วยนะครับ” นายอั๋นโทรโข่งเพิ่มเติม 


     ท๊อป  ผู้จัดการในการเดินทาง 

        อั๋น ผู้บันทึกเทป VDO ในการสัมมนา

    

ถ่ายรูปร่วมกันก่อนออกเดินทาง  (ท่านใดมีภาพชัดกว่านี้กรุณาส่งมาเปลี่ยนได้จ้า)       

        เราเดินทางโดยรถตู้ของสำนักงานเป็นขบวนยาว ใครขึ้นรถคันไหน ต้องเตรียมตัวอย่างไร เตรียมของใช้สำหรับทำกิจกรรมอะไรไปบ้าง ใครพักกับใคร  มีปิดประกาศให้ทราบล่วงหน้าก่อนแล้ว  รวมทั้งมีการรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้  ของเล่น  หนังสือต่างๆ ที่จะนำไปมอบให้เด็กนักเรียน  ดูแล้วได้หลายสิบกล่องทีเดียว

    รถตู้แต่ละคันถูกกำหนดให้มีผู้โดยสาร  ๘ – ๑๐ คน   ผู้เขียนถูกจัดให้อยู่รถคันที่ ๑  มีผู้ร่วมเดินทางรวม  ๘  คน ล้วนแล้วแต่เป็นน้องๆ ที่เคยไปเที่ยวกันมาแล้วหลายแห่ง เช่น  ก้อย  ตา  เพ็ญ  ติ๋ม  ต้อย  เป็นต้น จึงเป็นที่ถูกใจของทุกคนที่จะได้นั่งรถไปคันเดียวกัน 

 
     ต้อย   

   ตา

   ติ๋ม

    ก้อย

 

   เพ็ญ

       “ เดี๋ยวตอนขากลับ เราแวะซื้อของที่ชาวบ้านเอามาขายริมทางกันนะ พี่   โดยเฉพาะเห็ดโคน “ ยังไม่ทันไร ตา  ก็เริ่มวางแผนซะแล้ว   เรื่องการซื้อของเนี่ยนะ  ทุกคนอยากซื้อมาก เพราะจะได้มีของไปฝากคนทางบ้าน  ประกอบกับเป็นความชอบของแต่ละคนอยู่แล้วด้วย

       เราออกเดินทางจากสำนักงานที่จังหวัดนครปฐม เวลา  ๗.๐๐ น.ของวันพฤหัสบดีที่  ๑๐  กันยายน ๒๕๕๒    โดยใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม  ประมาณ  ๒๐ นาที ก็ถึงทางแยกกระจับ ที่แยกจากถนนเพชรเกษมเข้าสู่อำเภอบ้านโป่ง    จังหวัดราชบุรี  มุ่งสู่จังหวัดกาญจนบุรีต่อไป

    ตามกำหนดการ จุดแวะพักรถจุดแรกของพวกเราคือที่ปั้ม  ปตท.ที่แก่งเสี้ยน ซึ่งอยู่เลยตัวจังหวัดกาญจนบุรีไปประมาณ ๕ กิโลเมตร  เพื่อให้ทุกคนได้ทำธุระส่วนตัว  เข้าห้องน้ำหรือซื้อของกินเช่นน้ำ หรือขนมเพราะที่ปั้มนี้มีร้านเซเว่นฯบริการด้วย

      

วะที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. แก่งเสี้ยน ให้เวลา ๑๕ นาทีเวลามีน้อยต้องรีบกันหน่อย

          “ พี่พี่ คร้าบ   เรามีเวลา   ๑๕  นาทีนะครับ   ช่วยตรงเวลาด้วยนะครับ”  เสียงโทรโข่งของสองหนุ่มดังขึ้น 

          แต่เนื่องจากคณะของเราเป็นคณะที่ใหญ่มาก  คิวรอเข้าห้องน้ำจึงยาวเหยียด  ทุกคนต่างก็รีบเร่งกลัวไม่ทันเวลา    คนที่เสร็จแล้วก็รีบเข้าไปดูของที่จะซื้อในร้านเซเว่นฯ  ซื้อน้ำ ซื้อขนมถุงของขบเคี้ยว    ผู้เขียนก็เช่นเดียวกัน  
           หลังจากรอคิวจ่ายเงินที่ยาวเหยียดในร้านเซเว่นฯแล้ว  ก็รีบเดินเพื่อไปขึ้นรถ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น แพะตัวหนึ่งกำลังเดินลัดเลาะอยู่ในปั้ม   เดินมาทางที่มีผู้คนกำลังกินขนมถุงกันอยู่

   แพะตัวนี้เป็นแพะตัวเมีย ดูจากมันมีนมห้อยลงมาให้เห็น   ลำตัวปกคลุมด้วยขนสั้นๆสีน้ำตาลสวยมาก  อีกทั้งเนื้อตัวก็ดูสะอาดสะอ้าน   ใคร ๆก็เลยเข้ามาดูเจ้าแพะน้อยกันใหญ่   บางคนบอกว่ามันอาจจะท้องนะ เพราะเห็นท้องมันพองๆ อ้วนๆ   แล้วก็ให้ขนมถุงมันกินเป็นการใหญ่ 
                                

    

ห้ขนมมันกินกันใหญ่   เจ้าแพะก็เลยกินจนท้องกาง  

     ดูเหมือนมันก็ชอบกินเสียด้วย   มีคนให้ผลไม้มันยังไม่กินเลย   คิดแล้วก็ให้สงสารเจ้าแพะน้อยเป็นอันมาก ถ้ามันกินแต่ของพวกนี้ อายุมันคงจะสั้นเป็นแน่   ดูท่าทางมันคงเข้ามาหาของกินที่ปั้มนี้เป็นประจำเป็นแน่แท้    กำลังคิดว่าจะถามเด็กปั้มเกี่ยวกับแพะตัวนี้ดูสักหน่อย ก็พอดี 

       “ พี่พี่ คร้าบ ขึ้นรถได้แล้วคร้าบ  เดี่ยวเราจะไม่ทันตามกำหนดการนะครับ” 

        ทุกคนต่างก็รีบขึ้นรถ ใครมาคันไหนขึ้นคันนั้นโดยด่วน   ก็เลยไม่มีข้อมูลของเจ้าแพะน้อย ที่จะเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังว่ามาจากไหน ใครเป็นเจ้าของ   ผู้อ่านท่านใดที่มีโอกาสผ่านมาทางนี้และได้แวะปั้มนี้  ฝากช่วยดูเจ้าแพะน้อยให้ด้วย ว่ามันยังอยู่ดีหรือเปล่า   สงสารมันตามประสาคนรักสัตว์น่ะ

     หลังจากแวะที่นี่แล้วเราก็มุ่งตรงสู่เขื่อนเลย ไม่แวะที่ไหนอีก เมื่อเรา ผ่านจังหวัดกาญจนบุรีได้สักระยะหนึ่ง  มีความรู้สึกเหมือนรถเริ่มขึ้นเนินไปเรื่อยๆ เสียงใครคนหนึ่งในรถพูดขึ้นว่า มีอาการเหมือนหูจะอื้อๆ
       “ ก็ทำอย่างนี้สิ”   ก้อยอธิบาย  “ให้ปิดปากปิดจมูกแล้วพยายามหายใจออก เพื่อให้แรงดันในหูลดลงอาการหูอื้อก็จะหาย”  ก้อยเธอช่างรอบรู้เสียทุกเรื่องจริงๆเชียว
                   

   

ทิวทัศน์ข้างทางก่อนถึงเขื่อน  เป็นทัศนีย์ภาพที่สวยงามยิ่งนัก                    
 
      ตลอดสองข้างทางอุดมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม โดยเฉพาะต้นสักมีอยู่ทั่วไป และกำลังมีดอกสีนวลเต็มต้น  สวยมาก  แล้วเราก็เริ่มเห็นแนวเขาทอดยาวไปตลอดทางจนถึงเขื่อน   ระยะทางจากจังหวัดกาญจนบุรีถึงเขื่อน   ๑๔๙   กม. พอดี (ดูจากป้ายหน้าทางเข้าเขื่อน)

    เรามาถึงเขื่อน   ๑๐.๓๐  น. ตรงตามกำหนดการ รถทุกคันเข้าจอดหน้าอาคารสโมสร เพื่อให้พวกเราได้พักรับประทานอาหารว่าง     หลังจากพักรับประทานอาหารว่าง และพักผ่อนพอหายเหนื่อยจากการเดินทาง    ก็จะได้มีพิธืเปิดการสัมมนาต่อไป
 
 
                               

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    

ึงที่หมายแล้ว

          

 อาคารสโมสร สถานที่รับประทานอาหารทุกมื้อของพวกเรา  นายท็อปกำลังโทรโข่ง แนะนำรายละเอียดต่างๆ

  

ทางเดินขึ้นสโมสร อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นสถานที่ทำธุระกิจส่วนตัวนะ

  

รับทราบรายละเอียดที่นายท๊อปและนายอั๋นแนะนำแล้ว พวกเราก็ปฏิบัติตาม ทุกอย่างก็ ราบรื่น

        ตอนแรกนี้แค่เกริ่นๆเท่านั้น ตามไปดูตอนที่ ๒ กันเลยนะ

          ตอน ๒ มีฮา....กันด้วยจ้า รับรองสนุกกว่าตอนหนึ่ง ๒ เท่า

 ยังมีกิจกรรมที่จะเสนออีกมามาย  โปรดติดตามตอนที่ ๒  ได้เดี๋ยวนี้เลย

                                          

        ผู้เขียน         

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้452
เมื่อวานนี้746
สัปดาห์นี้2813
เดือนนี้9071
ทั้งหมด1328405

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online