เที่ยวเขื่อน ศรีนครินทร์

 

   ป้ายชื่อเขี่อน ศรีนครินทร์

  เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ ๒๙ – ๓๐ กันยายนที่ผ่านมา ผู้เขียนได้รับการชักชวนจากเพื่อน ๆ ที่ทำงานสมัยยังรับราชการอยู่ว่า ไปเที่ยวเขื่อนศรีนครินทร์จังหวัดกาญจนบุรี กันดีกว่า หลังจากไม่ได้เดินทางไปไหนกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว

 ผู้เขียนจึงตกลงโดยคุณแอ้ดผู้มีสามีเป็นชาวเขื่อนรับอาสาไปจับจองบ้านพักที่เขื่อนไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ช่วงเที่ยง วันเสาร์ คุณลักษณ์ ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้แวะมารับผู้เขียนที่บ้านราชบุรี โดยมีคุณน้อยผู้สามีเป็นคนขับรถให้ มีคุณหมูเพื่อนร่วมก๊วนอีกคนหนึ่งของเรามากับรถคันนี้ด้วย สำหรับคุณแอ้ดและครอบครัวได้เดินทางไปล่วงหน้าก่อนแล้ว ในครั้งนี้พี่สุภัทร (คนรักหมา) ไม่ได้ไปด้วย เพราะติดไปทัวร์จังหวัดตราดกับเพื่อน ๆสมัยเรียนหนังสือ

การเดินทางจากราชบุรีไปกาญจนบุรี เราไปทางอำเภอบ้านโป่ง ซึ่งยังอยู่ในเขตจังหวัดราชบุรี แล้วไปผ่าน อ.ท่ามะกา อ. ท่าม่วง เมื่อถึงกาญจนบุรี คุณน้อยพาพวกเราออกทางถนนบายพาส ไม่เข้าเมืองกาญจนบุรี เราเดินทางต่อไปผ่าน ต.ลาดหญ้า เขื่อนท่าทุ่งนา ก็ถึงเขื่อนศรีนครินทร์ เขาจะมีป้ายบอกทางไปเขื่อนเป็นระยะๆ  รวมใช้เวลาเดินทางจากราชบุรีถึงเขื่อน ประมาณ 2 ชั่วโมง

 ทิวทัศน์บริเวณเขื่อนศรีนัครินทร์


เส้นทางเมื่อใกล้จะถึงเขื่อน สองข้างทางจะเห็นต้นไม้เขียวชอุ่ม มองเห็นภูเขาสูงอยู่ไกลๆ มีรถบัสแบบสองชั้นวิ่งนำหน้าเราอยู่ คงเป็นรถของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวกาญจนบุรีแล้วเลยเข้ามาเที่ยวเขื่อนด้วย เพราะที่กาญจนบุรีมีที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่ที่ใกล้เคียงกับเขื่อนศรีนครินทร์ เช่น น้ำตกเอราวัณ อยู่ใกล้เขื่อนเพียง  4 กิโลเมตรเท่านั้น 

เขื่อนศรีนครินทร์เดิมชื่อ เขื่อนเจ้าเณร ตามสถานที่ตั้งคือบริเวณบ้านเจ้าเณร ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี  เป็นเขื่อนที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยสร้างขึ้น เพื่อเก็บกักน้ำแม่น้ำแควใหญ่อันก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านการชลประทาน การผลิตไฟฟ้า รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่ง แต่ละปีมีผู้มาเที่ยวที่เขื่อนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

  เขื่อนศรีนครินทร์

เราเดินทางถึงเขื่อนเมื่อบ่ายมากแล้ว คุณแอ้ด(สะไภ้ชาวเขื่อน) ซึ่งรอคณะของเราอยู่ได้พาพวกเราไปยังบ้านพัก ของการไฟฟ้าฯ ที่ได้จองไว้ล่วงหน้า บ้านพักนี้มีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว แต่ละหลังมีสองห้องนอน มีห้องน้ำอยู่ในตัวของแต่ละห้อง แม้จะดูค่อนข้างเก่าเนื่องจากสร้างมานานแล้ว แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมเช่นตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ น้ำร้อนน้ำเย็น บรรยากาศบริเวณบ้านพักร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด อากาศสดชื่นเย็นสบาย

การที่จะขึ้นไปเที่ยวชมสันเขื่อนตกลงว่าเป็นพรุ่งนี้ก่อนเดินทางกลับ เย็นนี้คุณแอ้ดพาพวกเราไปทานอาหารค่ำกัน ที่ห้องอาหารของเขื่อนชื่อ เรือนธารา ต้องบอกว่าที่นี่อาหารอร่อยและราคาไม่แพงมาก  ที่เขื่อนนี้นอกจากจะมีห้องอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยวแล้ว เขายังมีห้องประชุมและสนามกีฬาประเภทต่างๆไว้บริการด้วย

 ห้องอาหาร เรือนธารา

 ภายในห้องอาหาร


คุณแอ้ดบอกว่าที่ห้องอาหารเขามีบริการจัดอาหารใส่บาตรให้ด้วย ตอนเช้าจะมีพระจากวัดข้างล่าง (ชื่อวัดผู้เขียนจำไม่ได้แล้ว) ขึ้นมารับบาตรที่หน้าห้องอาหาร ใครจะใส่บาตรให้แจ้งได้เลย เขาจะจัดเป็นชุดๆไว้ให้ ในราคาชุดละ 37 บาท ประกอบไปด้วย ข้าว กับข้าว ขนมหวานและน้ำสะอาดขวดเล็กๆ เรียกว่าครบถ้วน ตกลงทุกคนในคณะของเราจะใส่บาตรกันทุกคน

เช้าวันอาทิตย์ทุกคนไปรวมกันที่ห้องอาหารตั้งแต่หกโมงเช้า เพื่อรอใส่บาตร เจ้าหน้าที่ห้องอาหารบอกพวกเราว่าพระจะมาประมาณเจ็ดโมง  เราจึงสั่งอาหารเช้ามารับประทานกันไปก่อนระหว่างรอ อาหารเช้าเขามีทั้งขนมปังไข่ดาว ไส้กรอก แฮม และข้าวต้มประเภทต่างๆ พอทานกันเสร็จก็ได้เวลาพระมาพอดี พระไม่ได้เดินขึ้นเขื่อนมาหรอก แต่มีรถมาส่ง นับจำนวนพระได้ 8 รูป ลูกศิษย์อีก 2 คน  ก็ดีได้มีโอกาสมาเที่ยวด้วย มาทำบุญด้วย

 ทำบุญใส่บาตร

เนื่องจากเมื่อวานเรามาทานอาหารที่ห้องอาหารค่ำแล้ว จึงไม่ได้ดูทัศนียภาพโดยรอบทั่วๆไป แต่เช้านี้พบว่าทิวทัศน์โดยรอบช่างสวยงามและสดชื่นจริงๆ  ด้านข้างของห้องอาหารเขาทำเป็นสวนหย่อม มีฝายทดน้ำเล็กๆ ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา

  สวนด้านข้างห้องอาหาร

สิ่งสะดุดตาสิ่งหนึ่งที่สวนนี้คือ ก๊อกลอยน้ำ  คุณแอ้ดเล่าว่าเป็นเหมือนประติมากรรมชิ้นหนึ่งที่ชาวเขื่อนคิดขึ้นมา มีที่เขื่อนศรีนครินทร์แห่งนี้ที่เดียวเท่านั้น ที่เขื่อนอื่นไม่มี เขาทำอย่างไรนั้น ถ้าท่านได้มาเที่ยวที่เขื่อนนี้ ลองพิจารณาดูก็แล้วกันว่าเขาทำได้อย่างไร แต่ตัวผู้เขียนรู้แล้วแหละ..

ก๊อกน้ำ

ก่อนขึ้นไปเที่ยวบนสันเขื่อน เราได้แวะชมสวนเวลารำลึกซึ่งอยู่ในบริเวณเขื่อน เป็นสวนที่ถูกสร้างขึ้นในศุภมงคลสมัยที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา สิ่งที่โดดเด่นของสวนนี้คือนาฬิกาแดด ซึ่งถือเป็นประติมากรรมชิ้นหนึ่ง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก บนหน้าปัดประกอบด้วยอักษรย่อบอกเดือนบอกเวลา ถึงแม้จะมีคู่มือบอกวิธีอ่านเวลา แต่ดูแล้วก็ออกจะยากอยู่สักหน่อยที่จะดูเวลาจากนาฬิกาแดดนี้

  นาฬิกาแดด

 

 พระพุทธรูปประจำเขื่อน

  ธรรมชาติที่สวยงามริมเขื่อน
  
สิ่งที่ประทับใจพวกเราสิ่งหนึ่งคือ ระหัดน้ำเล็กๆ ชื่อว่า ระหัดดนตรีคีตราชัน เมื่อเข้าไปใกล้จะได้ยินเสียงเพลงพระราชนิพนธ์ “สายฝน” ที่ไพเราะเหมือนจริง

  ระหัดดนตรี คีตราชัน

กฟผ.มีป้ายอธิบายถึงระหัดดนตรีคีตราชันว่า เป็นพระอัจฉริยะภาพทางด้านดนตรีและการจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สามารถนำนวัตกรรมมาผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน โดยใช้น้ำเป็นตัวหมุนขับเคลื่อนกลไก ก่อให้เกิดเสียงเพลงอันไพเราะ

เราเดินทางออกจากเขื่อนเมื่อบ่ายมากแล้ว โดยรถจะไปส่งผู้เขียนที่บ้านราชบุรีก่อน คุณลักษณ์ขอแวะซื้อหัวไชโป๊วอันลือชื่อที่ตลาดเจ็ดเสมียน เนื่องจากเป็นทางผ่าน เราแวะไปซื้อหัวไชโป๊วที่โรงงานผลิตหัวไชโป๊วตราชฏา เขามีให้เลือกหลายชนิด ทั้งแบบหวานแบบเค็ม แบบหัวแบบซอย ดูสะอาดและน่ารับประทานมาก ทุกคนเลยซื้อกลับบ้านกันคนละหลายถุงใหญ่

จากนั้นจึงไปเดินเที่ยวตลาดนัดเจ็ดเสมียนกันต่อ ตลาดนัดนี้เป็นตลาดตอนเย็น มีทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์  มีคนมาซื้อของกันมากมาย ดูแล้วคึกคักมาก  แม่ค้าขายของขายดีทุกร้าน ของที่ขายมีทุกชนิด ทั้งของกินของใช้ ส่วนใหญ่เป็นพืชผักผลไม้ที่ชาวบ้านนำมาขาย จึงราคาไม่แพง พวกที่จะกลับกรุงเทพก็เลยซื้อของกันเป็นการใหญ่ จนคุณน้อย (โชเฟอร์กิตติมศักดิ์) บอกว่าที่จะบรรทุกไม่มีแล้ว จึงได้เลิกซื้อ

ผู้เขียนกลับถึงบ้านเมื่อเย็นมากแล้ว แต่เพื่อนๆ ยังต้องเดินทางกันต่อเพื่อกลับกรุงเทพ  ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพกันทุกคน  แล้วเจอกันในการท่องเที่ยวครั้งต่อไป  สวัสดี.

 แล้วพบกันใหม่

สวัสดีจ้า

 

นกนางนวล 22  ตุลาคม  2555

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้19
เมื่อวานนี้370
สัปดาห์นี้1139
เดือนนี้3753
ทั้งหมด1395517

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online