เชียงใหม่ (เฉพาะกิจ)

alt

พระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ 

   ที่เรียกว่าเฉพาะกิจเพราะการไปเชียงใหม่ครั้งนี้ ไม่ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแต่อย่างใด  สาเหตุเกิดจากนายต๋อง (หลานชายของผู้เขียน) จะต้องไปส่งพ่อของเขาให้ไปพักบ้านอาที่เชียงใหม่ชั่วคราว เพราะพ่อของต๋องที่อายุเกือบเจ็ดสิบปีแล้วและป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอดได้รบเร้าให้ต๋องพาไปส่งที่บ้านน้องชายให้หน่อย ต๋องก็ผัดผ่อนเรื่อยมา จนตอนนี้พอมีเวลาว่างก็ตัดสินใจพาพ่อไปส่งที่บ้านอาให้เสร็จเรื่องไป

  ต๋องบอกเห็นป้า อ. เคยพูดว่าอยากไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพไม่ใช่หรือ ไปด้วยกันเลย เอารถไปเองไม่เหนื่อยไม่ลำบากอะไร ค้างที่บ้านอาหนึ่งคืนรุ่งเช้าไปไหว้พระธาตุเสร็จก็เดินทางกลับกันเลย  ผู้เขียนก็เห็นดีด้วยและได้ชวนครูแปบ (น้องสาว) ไปด้วยอีกคน

เราออกเดินทางจากราชบุรีเมืองโอ่งประมาณ 11 โมงเช้า ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี ไปออกนครนายก  นครสวรรค์และผ่านอีกหลายจังหวัดมุ่งสู่ภาคเหนือ  พอถึงลำปางก็เริ่มมืดแล้ว    พวกเราเดินทางถึงเชียงใหม่ประมาณสามทุ่มกว่าๆ 

เนื่องจากอาของนายต๋องมาทำมาหากินอยู่บนดอยสุเทพกว่าสิบปีมาแล้ว โดยรับถ่ายรูปนักท่องเที่ยวและมีร้านขายของที่ระลึกด้วย เขาและครอบครัวพักอยู่ในหมู่บ้านดอยสุเทพ เราจึงตรงขึ้นดอยสุเทพเลย   ระยะทางจากเชิงดอยจนถึงดอยสุเทพ 12 กม.  อาของต๋องจัดเตรียมที่พักให้เราพอพักค้างหนึ่งคืน รุ่งเช้าเราก็จะเดินทางกลับกันเลย

 เช้าวันรุ่งขึ้นประมาณ 7 โมงเช้าเราก็เดินจากบ้านพักซึ่งอยู่ใกล้วัดพระธาตุดอยสุเทพ มีร้านขายของนักท่องเที่ยวตลอดทางขึ้นวัด

alt

  ร้านขายของให้นักท่องเที่ยว

 บันไดขึ้นวัดจำนวน 306 ขั้น มีรูปพญานาคตรงบันไดขึ้นซึ่งใครมาก็ต้องถ่ายรูปกันทุกคน เพื่อแสดงว่ามาถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพแล้วนะ

alt

เชิงบันไดทางขึ้นพระบรมธาตุ

ถึงแม้จะยังเช้าอยู่แต่ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบ้างแล้ว  มีพระลงมาจากวัดเดินลงมาตามบันได  4 – 5 รูปมาบิณฑบาตร แม่ค้าบอกท่านลงมาอย่างนี้ทุกเช้า เราเลยได้ทำบุญด้วย

alt

พระจากวัดพระบรมธาตุลงมาบิณฑบาตร

ก่อนจะขึ้นบันได 306 ขั้น นายต๋องถามว่าป้าแน่ใจหรือว่าขึ้นไหว เขามีรถรางไฟฟ้าให้ขึ้นนะ ถ้าไม่ไหวขึ้นรถรางไฟฟ้าเถอะ ปกติผู้เขียนเป็นโรคข้อเสื่อมอยู่แล้วก็หวั่นใจว่าเราจะขึ้นไปถึงข้างบนหรือเปล่า แต่ด้วยใจศรัทธาและมุ่งมั่นที่จะต้องมาไหว้พระธาตุดอยสุเทพให้ได้  จึงขอขึ้นทางบันไดละกัน ค่อยๆเดินพอเหนื่อยก็หยุดพัก กว่าจะถึงวัดพระธาตุก็ต้องหยุดพักเป็นระยะๆ พอขึ้นถึงวัดยังนึกแปลกใจว่าขึ้นมาถึงได้อย่างไร แทบไม่เชื่อตัวเองเลย

เนื่องจากเรามีเวลาจำกัดเพราะต้องเดินทางกลับราชบุรี การเดินทางจากเชียงใหม่ถึงราชบุรีต้องใช้เวลาถึงประมาณ 9 ชั่วโมงทีเดียว จึงต้องเร่งทำเวลา อาจจะเป็นเพราะยังเช้าอยู่นักท่องเที่ยวจึงยังบางตา

alt

 ลานรอบพระบรมธาตุ 

alt

 ระฆังเรียงราย

 หลังจากไหว้พระธาตุแล้วก็ได้เวียนเทียนพระบรมธาตุโดยเดินวนขวา 3 รอบ ทางวัดมีคำสวดพระบรมธาตุเจ้าไว้ให้ผู้มากราบไหว้ได้สวดขณะเดินรอบองค์พระธาตุด้วยนอกจากนั้นเราได้ไหว้ขอพรหลวงพ่อทันใจด้วยตามที่อาของนายต๋องบอกว่าอย่าลืมไหว้หลวงพ่อทันใจ ท่านศักดิ์สิทธ์มาก

alt

 หลวงพ่อทันใจ

alt

 พระบรมธาตุดอยสุเทพ

 ไหว้พระแล้วผู้เขียนได้เดินชมความงามของเจดีย์พระบรมธาตุที่มีสีทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ งดงามมากจริงๆ เมื่อมาแล้วก็ต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ขณะกำลังวางท่าทางกันอยู่ ผู้เขียนเห็นแหม่มสาวสวยเดินผ่านยิ้มแย้มและก้มหัวให้เป็นการทักทาย แถมนั่งยองๆถ่ายรูปผู้เขียนและครูแปบไปด้วย

alt 

  นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน

 ผู้เขียนเลยเข้าไปทักทาย ถามว่ามาจากไหน เธอบอกว่ามาจากเยอรมัน แล้วก็เลยถ่ายรูปกัน  ก่อนแยกกันเดิน ผู้เขียนบอกเธอว่า “ Beautiful   Beautiful “ ทำเอาแหม่มยิ้มกว้างไปเลย

 ตอนลงจากพระธาตุ ผู้เขียนได้ใช้บริการรถรางไฟฟ้า  ค่าบริการคนละ 10 บาท  เขาทำคล้ายๆ ลิฟท์ เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ อาจจะจุคนได้ไม่มาก น่าจะไม่เกิน 5 คน เลื่อนขึ้นลงไปตามรางที่อยู่ในอุโมงค์  เดี๋ยวเดียวก็ลงถึงพื้นดิน   เราแวะไหว้อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยที่อยู่ตรงทางขึ้นดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวเริ่มมากันมากแล้ว

alt

 พระครูบาศรีวิชัย

 หลังจากนั้นเราตรงดิ่งกลับกันเลยโดยไม่ได้เข้าเมืองเชียงใหม่เพราะมีเวลาจำกัด  พอรถวิ่งถึงลำปางผ่านศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ผู้เขียนให้นายต๋องแวะเข้าไปเพราะเกือบเที่ยงแล้ว จะได้หาข้าวเที่ยงกินกัน คิดว่าในศูนย์ต้องมีอาหารขายเป็นแน่ ประกอบกับผู้เขียนอยากมาเที่ยวที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยมานานแล้ว

alt

 ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย 

 ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยที่เห็นด้านหน้ายังไม่มีช้างให้ดูหรอก จะดูช้างตัวเป็นๆ ต้องเข้าไปอีก 2 กม. โดยศูนย์ฯ มีรถบริการ (Shuttle Bus )  ค่าบริการคนละ 20 บาท นั่งไป ดูทิวทัศน์ไปด้วย ในศูนย์ฯ มีกิจกรรมเกี่ยวกับช้าง เช่น ลานแสดงช้าง ลานนั่งช้าง  โรงพยาบาลช้าง  เนอสเซอรี่ช้าง และอีกหลายๆ กิจกรรม 

alt

 รถบริการเข้าศูนย์ฯ  (Shuttle Bus )

 เพราะเวลาจำกัดตามที่กล่าวไว้ตั้งแต่แรก พอลงจากรถบริการ ผู้เขียนก็รีบเร่งไปดูลานนั่งช้างเป็นแห่งแรก เพราะอยู่ใกล้จุดจอดรถบริการ ลานนั่งช้างคือจุดที่เขาบริการนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะนั่งบนหลังช้างชมทิวทัศน์รอบๆ ศูนย์ฯ  ค่าบริการคนละ 100  บาท  ให้อาหารช้าง 20  บาท

alt

  ช้างรอบริการนักท่องเที่ยวที่ลานนั่งช้าง

 วันนี้แม้จะเป็นวันอาทิตย์ แต่ดูนักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตา เห็นมีช้างเชือกเดียวที่กำลังบริการนักท่องเที่ยว ผู้เขียนเดินไปถ่ายรูปช้างตัวที่กำลังเข้าวินรอลูกค้าอยู่ พอเข้าไปใกล้ช้างก็ชูงวงไปมาและผงกหัวขึ้นลงเหมือนจะบอกว่า นั่งผมหน่อย..นั่งผมหน่อย นะคับ นะคับ..  (ประมาณนี้แหละ )

alt

  เข้าประจำที่   รอบริการลูกค้า

 

                   ผมประจำลานนั่งช้างข้างในศูนย์

                ช่วยอุดหนุนพวกผมหน่อยผมคอยอยู่

                ยี่สิบบาทให้อาหารท่านเอ็นดู      

                อย่าช้าอยู่นั่งผมหน่อยแค่.. ร้อยเดียว..

 ตอนนั่งรถบริการออกไปหน้าศูนย์ฯ รถผ่านโรงพยาบาลช้างเลยได้ถ่ายรูปมา แต่ไม่ได้ลงไปดูใกล้ๆ เลยไม่มีอะไรมาเล่าให้ฟัง  ใจจริงอยากดูกิจกรรมช้างอื่นๆ เช่นที่ลานแสดงช้าง  เอาไว้มาคราวหน้าคงได้ดูอะไรมากกว่านี้แน่นอน

alt

 โรงพยาบาลช้าง

 สุดท้ายเอารูปนี้มาฝากก่อนจบ ถ่ายจากข้างทาง ตั้งอยู่ริมถนนตรงทางแยกที่ลำปาง  เขาเขียนว่า ประตูสู่ล้านนา  เห็นเป็นหลักกิโลที่ใหญ่โตมโหฬาร เลยเอามาฝากท่านผู้อ่าน

alt

 หลักกิโลที่ลำปาง

 ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ  แล้วพบกันใหม่   สวัสดี..

alt

อ. ปลาทอง
30  เมษายน  2557

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้40
เมื่อวานนี้370
สัปดาห์นี้1160
เดือนนี้3774
ทั้งหมด1395538

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online