การไปทัศนาจรของคนเจ็ดเสมียน

  ในปีพ.ศ. ๒๕๕๐ และ ปี ๒๕๕๑ นั้น พวกผมคนเจ็ดเสมียนตั้งแต่ครั้งโบราณ ได้คิดจะไปเที่ยวกันสักครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะได้พบกัน พูดคุยกัน ถึงเรื่องของความหลังเก่าๆ เมื่อครั้งที่เป็นเด็กอยู่ที่เจ็ดเสมียน

   เคยวิ่งเล่นซุกซนกันมาทุกวัน และอยากจะได้มาร่วมอยู่ร่วมกินด้วยกันสัก ๕ - ๖  วันในการไปเที่ยว เมื่อยามมีอายุมากๆกันแล้วเช่นนี้ ความจริงนั้นนับตั้งแต่ แยกจากๆกันไปในตอน ระยะไปเรียนหนังสือต่อ และระยะเข้าสู่ วัยทำงานกันนั้น ก็มีอยู่หลายระยะเหมือนกัน ที่ดูเหมือนจะห่างๆกันไป ก็ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป

  ในความเป็นจริงแล้วเด็กเจ็ดเสมียน ในรุ่นของผมนั้น มีหลายคน เป็นสิบก็ว่าได้ ที่ได้วิ่งเล่นกันอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียนในสมัยนั้น แต่พอตอนที่โตกันขึ้นมาแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกกันออกไป ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนกันบ้าง ที่ติดต่อได้ก็มี ที่ไม่รู้ที่อยู่ก็มี ที่หายสาบสูญไปเลยก็มี ดังนั้นจึงมีผู้ที่ติดต่อกันได้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น   และเราก็ยังคงได้ติดต่อกันเรื่อยๆมา 
   มีงานอะไร ก็โทรเรียกกัน หรือบางทีว่างๆก็โทรคุยกัน แต่ก็ไม่ค่อยบ่อยนัก เพราะว่าต่างคนต่างก็รีบร้อน ทำมาหากินกัน บางทีก็เรียกมาช่วยงานกัน เช่นบวชลูก แต่งลูก ทำบุญบ้าน และไปทำบุญทอดกฐิน กันก็มีและบางทีมาพบกัน เพื่อกินอาหารกันเฉยๆก็มี เราก็มาพบกันเสมอๆ ปีละหลายๆครั้ง 

   แต่ในตอนที่พวกเราเกือบจะเลยอายุในการทำงานกันแล้ว คือ 60 กว่าๆนี่แหละ พวกเราจึงได้พบกันถี่ขึ้น เพราะเหตุว่า เพื่อนเราหลายคนก็เลยวัยทำงานแล้ว คือปลดเกษียรจากการทำงานแล้ว ก็อยู่บ้านเฉยๆ มีเงินทองในการใช้จ่ายพอสมควร พอที่จะทำให้มีความสุขความสบายในบั้นปลายของชีวิตได้ เมื่อบางคนมีเวลาว่าง และอยากจะไปเปิดหูเปิดตา ในโลกกว้างของเรานี้บ้างและบางขณะอยู่เฉยๆ ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี 

   คุณสาธรบอกว่า ในระยะ  ๓ – ๔  ปีนี้ถ้ามึงไม่คิดจะไปไหนละก็  ต่อไปก็จะไม่มีปัญญาไปไหนแล้ว ไม่ใช่ไม่มีเงินนะเงินน่ะมี แต่ไม่มีกำลังต่างหาก เวลานี้ยังเดินคล่องดีอยู่ แต่อีกสัก  ๔ – ๕  ปี ถ้าหัวเข่าเกิดเสื่อมขึ้นมาละก็จะเดินไม่ได้ หรือไม่ก็เดินลำบากไปไหนก็ไม่ค่อยไหว ต้องมีลูกมีหลานคอยพยุงไป ถ้าอย่างนั้นละก็อย่าไปดีกว่า เคยเห็นหรือเปล่าเล่ากูเคยเห็นมาหลายคนแล้ว ลำบากตายห่าเลยกูไม่เอาด้วยหรอก ไอ้ธรมันว่า

คุณสาธร วงษ์วานิช เมื่อตอนเป็นทหารเรือ ประจำอยู่ฐานทัพเรือที่สัตหีบ มาหาผมถึงที่บ้านพักของการรถไฟ มักกะสัน เมื่อกว่า ๔๐ ปีมาแล้ว

    จริงๆแล้ว คุณสาธร นั้น ตั้งแต่ลาออก จากการรับราชการเป็นทหารเรือนั้น (ไม่อยากอยู่จนเป็น นายพลเรือ ถ้าอยู่ต่อต้องได้เป็นนายพลเรือ แน่นอน) ได้มาประกอบอาชีพส่วนตัว และงานของเขา อาชีพของเขาที่ต้องทำนั้น ต้องไปติดต่องานที่ต่างประเทศบ่อยๆ โดยมากไปทางประเทศยุโรป ปีๆหนึ่งหลายหน นี่เป็นเรื่องการไปทำงานและก็เลยถือโอกาส ไปเป็นเรื่องเที่ยวพักผ่อนไปในตัวด้วย รวมกันทีเดียวเลยทุกครั้ง

  เมื่อไปดูงานติดต่องานที่เมืองนอกนั้น บางทีก็พร้อมด้วย ภรรยาคู่ใจ ซึ่งเป็นคนเจ็ดเสมียน ด้วยกัน ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณ นวลปรางค์ เพื่อนของผมที่เคยอยู่ที่เจ็ดเสมียนห้องติดกันด้วย ตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้ว ก็พากันไปต่างประเทศบ่อยๆ 

  เมื่อปี  พ.ศ. ๒๕๕๐  ครั้งนั้นพวกเราก็ไปเที่ยวกัน ที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเลยไป เชียงรายไปพักที่โรงแรมริมแม่น้ำโขงที่เชียงของ กลับมาไม่กี่วันคุณสาธร กับคุณวนิดา บินไปเที่ยวยุโรปต่ออีก ตามคำเชิญของผู้ที่ติดต่อค้าขายระหว่างประเทศด้วยกัน มีความสุข สนุกกันในชีวิตดี 
   แล้วเมื่อต้นปี  ๒๕๕๑  ปีนี้แหละครับ  ก่อนที่พวกเราจะไปเที่ยวกัน ระยะยาว หลายจังหวัดทางภาคเหนือ  มีจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย ไปพบกับกระเหรี่ยงคอยาวมา คุณสาธรก็เพิ่งกลับมาจาก ญี่ปุ่น   ผมถามว่า ไปทำอะไรกันวะ คุณสาธรว่า ทางญี่ปุ่นเขาอยากเชิญเราไปดูงาน (งานอะไรก็ไม่บอก) เป็น สปอนเซอร์ให้หมดเลย ตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นเรือบิน จนกลับ กูก็เอานะซี   
      ตอนขากลับ มันไม่ได้ซื้ออะไร มามากนักหรอก เพราะว่า ของที่ญี่ปุ่นมันแพงมากๆ แล้วยังแถม บางทีกลับมาถึงเมืองไทยเข้าสนามบินไทย ซื้อของมาบางอย่างก็ยังต้องเสียภาษีอีก ก็เลยไม่ค่อยได้ซื้ออะไรมา คุณสาธรนั้น ด้วยเหตุที่ว่า ไปต่างประเทศบ่อยมาก โดยมากจะซื้อของที่ยุโรปเสียเป็นส่วนใหญ่  ที่ผมสังเกตเห็นนั้นก็มีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย มาจากยุโรปเยอะแยะไปหมด

     กลับมาถึงเรื่องซื้อของมาจากญี่ปุ่นอีกที วันที่จะกลับจากญี่ปุ่นวันสุดท้ายนั้น ในตอนเช้าก่อนที่จะขึ้นรถไปยังสนามบินตอนบ่ายๆ คุณสาธรนึกได้ว่า ตั้งใจมาตั้งแต่กรุงเทพฯ เมืองไทยแล้วว่า จะซื้อ แผ่น cd สัก ห้าหกแผ่น ให้มันเป็นเพลงญี่ปุ่น แบบโบราณจริงๆ ที่มันร้องโหยหวน แล้วดีดเครื่องเสียงของมันฟังเพราะดี จะได้เอาไว้เป็นที่ระลึกและฟังเล่นเพลินๆ
          นึกได้ดังนั้นแล้วก็เลยชวนคุณนายคู่ใจ เดินไปหาดูตามร้านแถวนั้น วันนั้นหลังจากเลือกแล้วเป็นเวลานานก็ตกลงซื้อมาได้สัก ๒ แผ่นเห็นจะได้ ที่มีอยู่อีกมากมายก็ไม่ชอบเสียด้วย เลยได้แค่เพลงญี่ปุ่น ๒ แผ่นกลับเมืองไทย คิดเป็นเงินของมันมาเป็นเงินไทยแล้วคงหลายร้อยบาท แพงเอาการอยู่
 
   แล้วต่อมา เมื่อผมไปเที่ยวครั้งล่าสุด กับคุณสาธร และเพื่อนๆ อีก สองคู่ เมื่อวันที่  ๑๔ – ๑๘ มกราคม ๒๕๕๑  ที่ผ่านมานี้ กันนั้น (รายละเอียดในการไปเที่ยว จะเล่าในตอนต่อไป หลังจากที่คุณ  สาธร เขาไปประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว ขณะที่พรรคพวกของเราเดินทางสู่เชียงใหม่ กำลังนั่งกันเพลินๆ อยู่ในรถตู้ คอมมูเตอร์ คันใหม่เอี่ยม ติดฟีล์มกรองแสงเสียอย่างดี  (เรื่องรถเดินทาง คุณสาธรเอามาบริการ ค่าน้ำมันพวกเราช่วยกันออก ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณนายวนิดา ผู้ปกครองของคุณสาธรเองด้วย ) 
    ระหว่างจังหวัด ลำปางจะเข้าเขตเชียงใหม่ แถวๆ ลำพูนแล้ว ผมเห็นเหงาๆ ผมก็เลยเอาแผ่น cd  ที่ติดตัวไปด้วย ให้คนขับรถเปิดให้ฟัง  พอเพลงเริ่มขึ้น ผมเห็นคุณสาธร แกขยับตัว แล้วลืมตา (นั่งหลับตาอย่างสบายอารมณ์อยู่) แล้วตะแคงหูฟังว่าใครเอาเพลงอะไรมาเปิด พอรู้ว่าเป็นเพลงญี่ปุ่น เท่านั้น ก็ร้อง  เฮ้ย ..... ทำไมมันเหมือนกับเพลงที่กูซื้อมาจากญี่ปุ่นเลยวะ  มึงซื้อมาจากไหนวะ ไอ้เก้ว....!

    พลางหันมามองผม ผมก็บอกว่า ซื้อมานานแล้ว มันเทขายมากองรวมๆกัน กองพะเนิน วันอาทิตย์ที่ตลาดกรมชลประทาน  กูฟังจนเป็นรอยขีดข่วนเต็มไปหมดแล้ว แผ่นละ ๒๐ บาทเท่านั้นเอง กูมีสองแผ่น นี่ไงอีกแผ่นอยู่นี่  ผมว่าแล้วก็ยกแผ่น cd อีกแผ่นหนึ่งขึ้นให้ดู สาธรส่ายหน้า ไอ้ห่า กูอุส่าห์ซื้อมาจากญี่ปุ่น เสือกมามีที่เมืองไทย เหมือนของมึงเลย  เป็นของถูกๆจนได้. สาธรมันก็เลยสั่นหัวด้วยความระอา ที่มันเป็นอย่างงี้ได้ยังไง
    
เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว คุณสาธรและครอบครัว มีโอกาสดีกว่าคนอื่นๆ ที่ได้ไปเที่ยวเกือบรอบโลกมาแล้วตั้งแต่หนุ่ม เมื่อตอนยังหนุ่ม เป็น นายทหารเรือนั้น ผมจำได้ว่าคุณสาธร แกเล่าว่า แกเคยพานักเรียนนายเรือ ไปฝึกงาน (เป็นครูฝึก ว่างั้นเถอะ ) ถึงชายฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน  และเคยไปรับเรือ หลวงต่างๆที่ทางการซื้อจากต่างประเทศ ที่ประเทศนั้นๆกลับมาเมืองไทยด้วย        

เรือรบหลวง (จำลองไม่ใช่ของจริง) จอดทอดสมออยู่ในบริเวณ "ช่องลาภรีสอร์ต " ที่สวนผึ้ง ราชบุรี แม้จะเป็นของจำลองขึ้นมาแต่ข้างในท้องเรือนี้ก็มี ที่ทำงานที่พักผ่อนนอนดู ภาพยนต์ dvd  ร้องเพลง  karaoke มีที่นอนเป็นชั้นๆ (หมือนกับที่นอนของทหารประจำเรือ) สำหรับท่านที่มาพักที่ "ช่องลาภ รีสอร์ต " นอกจากนั้นภายในเรือลำนี้ ยังมีห้องสุขภัณ์ น้ำอุ่น น้ำเย็น อย่างครบครันอีกด้วย น่าไปพักจริงๆ แต่ระยะนี้เจ้าของยังไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าพักที่เรือลำนี้นะ ตอนนี้รับเฉพาะญาติพี่น้อง ลูกหลาน และเพื่อนสนิทบางคนเท่านั้น..

   นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยของคนๆนี้  ที่เป็นเพื่อนกันมากับผมตั้งแต่เด็กๆ ที่เคยไปลักมะม่วงวัดและถูกกำนันโกวิท ไล่กวดตีมาแล้ว และที่ผมต้องเกริ่นให้ท่านผู้อ่านทราบเพื่อที่จะได้รู้ ที่มาและที่ไป ของสมาชิกของเราเสียก่อน ก่อนที่เราจะเดินทางไปเที่ยวกัน ในตอนต่อไป

   ยังมีเพื่อนคนเจ็ดเสมียนแท้ๆอีก ๒ คู่   (จริงๆแล้วมี 3 คู่ คือพี่องุ่น กับพี่สมศักดิ์ โอภาสพินิจ อีกคู่หนึ่ง แต่แกไม่ค่อยไปไหนไกลๆด้วย เพราะว่า แกไม่ค่อยมีเวลามาก งานแกยุ่งเหลือเกิน พวกผมก็รอให้แกหยุดทำงานเสียที จะได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากันบ้าง)  ที่ไปเที่ยวไหน มาไหนกันบ่อยๆ คู่แรกคือคุณสุชาติ และคุณวรรณวิมล สุขพันธ์
   
    คุณสุชาตินี้ จริงๆแล้วมีบ้านอยู่ที่วัดสมถะ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตลาดเจ็ดเสมียนเท่าไรนัก ถ้าท่านผู้อ่าน เป็นคนที่เจ็ดเสมียนต้องรู้จักกับวัดสมถะดี สุชาติแกมีญาติ ที่เป็นป้าแท้ๆของแก ที่ตลาดเจ็ดเสมียน คือ ป้าฮุ้น ตาเอี๋ย แม่และเตี่ย คุณอโนทัย ไทยสวัสดิ์ (ไอ้โล เพื่อนรุ่นเดียวกับผม) ดังนั้นแกจะมาหาญาติของแกที่ตลาดเจ็ดเสมียนบ่อยๆ จนรู้จักคุ้นเคยกับพวกผมเป็นอันมาก ยิ่งกับสาธรด้วยแล้ว สุชาติก็ยิ่งสนิทกันใหญ่เลย เราก็เลยรับเข้าเป็นสมาชิกเด็กเจ็ดเสมียน มาตั้งแต่ตอนนั้น
        

คุญสุชาติ คุณวรรณวิมล สุขพันธ์ คนเจ็ดเสมียนตั้งแต่เด็กๆ ที่ร้านอาหารอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อไปเยี่ยมนายแก้ว ที่จังหวัด สุพรรณบุรี เมื่อเร็วๆนี้

    เพราะการที่ได้มาที่เจ็ดเสมียน และมาเป็นเด็กเจ็ดเสมียนบ่อยๆนั้น ทำให้รู้จักคนที่เจ็ดเสมียนมากไปด้วย ทั้งพี่ป้าน้าอา บ้านหลังไหน สุชาติจะรู้จักไปหมด จนกระทั่งได้รู้จักกับ คุณ วรรณวิมล ที่สถานีรถไฟ ในขณะที่กำลังรอรถไฟที่สถานีนั่นเอง จากนั้นอีกหลายปีต่อมา ก็ได้มาเป็นคู่รัก คู่คิด คู่สร้าง และคู่ที่ได้แต่งงานกันในที่สุด

    ชีวิตการงานของทั้งสองคนนั้น ว่ากันคร่าวๆก็แล้วกันนะครับ คุณสุชาตินั้น ถ้าผมจะบอกว่า แกทำงานบนอากาศมากกว่า ทำงานบนพื้นดินหลายเท่า ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือเปล่าครับ แต่มันเป็นเรื่องจริงๆ ครับ ผมจะบอกว่า คุณสุชาตินั้นเป็นทหารอากาศที่ต้องอยู่บนเครื่องบินเกือบตลอดเวลา 
    คุณสุชาติแกเป็นทีมของนักบินครับ ในเครื่องบินลำหนึ่งนั้น พูดกันคร่าวๆ ก็ต้องมีนักบิน ๑ คน และนักบินที่เป็นผู้นำร่องอีกคน (นักบินที่ ๒ ) นอกจากนั้นก็ต้องมีช่างเครื่องอีกหนึ่งคน นี่เป็นเครื่องบินแบบเล็กๆนะครับ  (ผมพูดเท่าที่ผมทราบนะครับ ถ้าผมพูดผิด ก็ขอให้อภัยให้ผมด้วย) เวลาได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้ ไปปฏิบัติภาระกิจที่ไหนก็ต้องไปกันเป็นทีมอย่างนี้แหละครับ 
   คุณสุชาติเคยคุยให้ผมฟังบ่อยๆ เวลาที่เราได้พบกัน ในเรื่องการทำงานของแกนั่นแหละ บางทีก็อยู่กับเครื่องบินลำเลียงที่ใหญ่ ๆ ขนาด c – 130  เมื่อตอนมีสงครามที่ลาว หรือแถวๆที่ชายแดนของเรา หรือสงครามที่เขมร คุณสุชาติแกก็ทำงานบนเครื่องบินของแก ไปทิ้งของสัมภาระให้กับกองกำลังของไทย ที่ไปช่วยสู้รบอยู่ที่นั่น แล้วเครื่องบินลำนั้นก็กลับมาลงที่ ฐานบินนครพนม รอดปลอดภัยตลอดมา


   
สี่สาว (ที่เหลือน้อยเต็มที) คนเคยอยู่เจ็ดเสมียนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เดินทางไปเที่ยวกัน หลายจังหวัดในภาคเหนือ ติดตามในตอนต่อไป

  สุดท้ายที่จะขอลาออก ก่อนเกษียณอายุราชการนั้น คณสุชาติก็ประจำอยู่บนเครื่องบิน เล็กๆ ขนาดนั่งได้ สัก ๒๐ คน เป็นเครื่องบินรับรอง vip ของท่านผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่จะใช้ไปไหนๆเกี่ยวกับราชการ สุขาติบอกว่าตลอดชีวิตอยู่ตามฐานบินต่างจังหวัด มามากกว่าอยู่ที่กรุงเทพฯที่บ้านของตัวเอง แต่การเดินทางไปตามจังหวัดต่างๆนั้น ไม่ได้เดินทางโดยรถธรรมดา หรือขับรถไปเที่ยวเองเลย

 ไปโดยเครื่องบินทั้งนั้น เพราะว่าแกทำงานอยู่บนเครื่องบินนี่ครับ อย่างเช่นยกตัวอย่างว่า เช้าวันนี้บินไปราชการที่หาดใหญ่ ถ้ามีเวลายังไม่ได้บินกลับนั้น ก็ปลีกตัวไปหาซื้อของในตลาดกิมหยงไว้ไปฝากเพื่อนฝูง และกินอาหารมื้อเที่ยงที่นั่นกันด้วย พอตกเย็นก็ไปกินอาหารเย็นกันที่นครพนมเสียแล้ว  เป็นไปด้าย...!

   ส่วนคุณวรรณวิมลคนเจ็ดเสมียนนั้น รับราชการที่กรมชลประทานปากเกร็ด มาตลอดจนเกษียณอายุเหมือนกัน ตอนที่แกยังทำงานอยู่นั้น ประจำอยู่ที่ฝ่ายจัดซื้อพัศดุสำรวจ ของกรมชลประทานเขตปากเกร็ด แล้วก็เลยพักที่ในบ้านพักของกรมที่ปากเกร็ดเลย มาช้านานแล้ว จนกระทั่งเกษียณจึงได้ย้ายออกไปอยู่ที่หมู่บ้าน สี่ไชยทอง ถนนแจ้งวัฒนะจนเดี๋ยวนี้ ได้ข่าวว่ากลับไปแวะเยือนเจ็ดเสมียนบ่อยๆ เพราะว่ายังมีญาติพี่น้องอยู่ที่เจ็ดเสมียนอีกหลายคน
   ทั้งสองคนนี้เมื่อได้รับคำชวนจากพวกผมแล้ว ว่าไปเที่ยวต่างจังหวัดกันโดยรถตู้ แกก็รับคำจะไปด้วยในทันที เพราะตอนทำงานอยู่ก็ไม่ค่อยได้ไม่มีโอกาส ไปเที่ยวบ่อยนักสมกับความที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้วพอดี

   อีกคู่หนึ่งก็คือคุณนวลปรางค์ คุ้มประวัติ พี่สาวของ ไอ้ เหม่ง คู่หูของผม ในอดีต ที่เราเคยโดนผีหลอกกันมา ที่ท่าน้ำโรงเลื่อยร้างแล้วนั่นเอง  ผู้ปกครองของเขา (สามี) คือคุณสุธรรม ผาสุขสวัสดิ์ ขานี้ก็ชอบเที่ยวกันไม่เบาจะมากกว่าคนอื่นๆเสียอีก ปีหนึ่งๆขับรถตระเวนไปเที่ยว ไปกินแทบทุกจังหวัดมาแล้ว ไปหาที่พักหาที่กินไม่ว่าเหนือไต้ลี้ลับแค่ไหน แกไปมาหมดแล้ว อย่างเช่นเมื่อตอนก่อนที่พวกผมจะไปเที่ยวกันที่แม่ฮ่องสอน ต้นปี ๕๑ นั้น  (สุธรรมและนวลปรางค์ไม่ได้ไป)

  อยู่ๆคุณนวลปรางค์และคุณสุธรรม ก็เกิดเบื่อบ้านและภูมิทัศน์รอบๆบ้านเป็นอันมาก ก็เลยชวนกันไปเช่าทาวส์เฮ้าของ หมู่บ้านชื่ออะไรสักอย่าง ของโครงการบริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ถนนเชียงใหม่ - พร้าว อยู่กันที่นั่นที่เชียงใหม่นั่นตั้งเกือบ ๒ เดือน  พอเที่ยวไป กินไป บ่นไป ที่นั่นนานจนพอใจ แล้วก็กลับบ้าน ไปอยู่บ้านอีกสักพักก็ไปหาที่พัก ที่กิน ที่อื่นเปลี่ยนบรรยากาศกันต่อไป (ดูเหมือนจะเคยไปพักที่เขาค้อเป็นเวลานานๆ ก็เคยด้วย)
         แล้วจึงกลับมาอยู่บ้านที่หมู่บ้านสินธรที่บางเขน สักพักหนึ่งก็หาเรื่องหาโอกาสไปเที่ยวไปหาที่กินที่อื่นต่อไป  แต่ว่าเรื่องไปอยู่ที่อื่นซึ่งไม่ใช่บ้านของตัวเองนั้น คุณนวลปรางค์และคุณสุธรรมผู้ปกครองของแกนั้น ชินและมีความเชี่ยวชาญเสียแล้ว เพราะว่าหลายครั้งหรือแทบทุกปี สองคนนี้ก็จะไปพักที่บ้านลูกสาวที่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ครั้งละหลายๆเดือน

         บางครั้งถึง ๓ เดือนก็มีไม่รู้ว่าไปอยู่ได้อย่างไร บางทีพวกเราเห็นหายเงียบไปนานก็โทรไปหาที่บ้าน เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก เลยโทรไปหาพี่องุ่นพี่สาวของเขาดู พี่องุ่นบอกว่ามันไปบ้านลูกสาวมันที่อังกฤษหลายเดือนแล้ว ป่านนี้กำลังอยู่ในรถไฟฟ้าไต้ดินมั๊ง...!   อ้าวเป็นงั้นไป ไม่ได้บอกได้กล่าวกันบ้างเลยนะ ..มิน่าล่ะเขาจึงไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนฝูงเลย เพราะว่าเขาไปอยู่ที่ต่างประเทศนั่นเอง
          คู่นี้จะมีความสนใจและใช้สินค้า ของอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ เหตุที่ไปอังกฤษบ่อยๆ นั่นเองอะไรๆก็จะเอนเอียงไปเป็น อังกฤษไปหมด ก็ดีไม่ว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็จะมีของอังกฤษปนอยู่ด้วยทุกครั้งทีเดียว รู้เรื่องของอังกฤษดี เท่าๆกับรู้เรื่องเมืองไทย หรือว่าจะมากกว่ารู้เรื่องเมืองไทยเสียอีก เป็นอย่างนั้นทีเดียวเชียวแหละ โดยเฉพาะป้ายราคาเสื้อ หรืออื่นๆ ที่ติดมาจากอังกฤษ แกไม่อยากให้มันขาดหลุดออกไปง่ายๆหรอก ให้มันติดอยู่อย่างนั้นแหละโชว์ดี ตอนหลังมันจะค่อยๆหลุดไปเองก็ช่างมัน แหะ  แหะ..!

        

คุณสุธรรมและคุณนวลปรางค์ ผาสุขสวัสดิ์ ในยามที่ปลอดจากการทำงานแล้ว ก็ชอบที่จะเดินทาง ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ปีละหลายๆครั้ง เพื่อเป็นประสบการณ์และความสุขในชีวิต

         คุณนวลปรางค์และคุณสุธรรมสามีของเธอนั้น มีลูกแค่สองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ปัจจุบันนี้อายุมากกันแล้วทั้งสองคน ลูกชายหญิงทั้งสองคนของเขานั้น ไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษกันทั้งคู่อยู่กันมานานแล้ว เพื่อนผมทั้งสองคนนี้จึงไปพักกันที่ประเทศอังกฤษที่บ้านลูกทุกๆปี ปีละหลายๆเดือนชุ่มใจในชีวิตของเขาแหละ 

 

คุณ Tan ลูกสาวคนโตอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในภาพนี้เมื่อไปเที่ยวที่อเมริกา        

         คุณนวลปรางค์และคุณสุธรรมนั้น ทั้งคู่เป็นข้าราชการพลเรือน กรมประชาสงเคราะห์ สังกัดกระทรวงมหาดไทย รับราชการที่กรมนี้มานานหนักหนาแล้ว ตั้งแต่ครั้งยังเป็น ข้าราชการตัวเล็กๆไต่เต้ามาเรื่อยๆจนเติบใหญ่พอสมควร ชีวิตราชการนั้นก็ราบรื่นดีตลอด อยู่แต่ในกรุงเทพทั้งคู่ ไม่เคยได้ย้ายออกไปอยู่ต่างจังหวัดที่ไหนเลย 
        

        

คุณนวลปรางค์ และคุณองุ่น พี่สาวเมื่อคราวไปพักผ่อนกันที่  " ช่องลาภรีสอร์ต" สวนผึ้ง ราชบุรี พบกันคุยกันอย่างมีความสุข 

         แต่ในบั้นปลายของชีวิตข้าราชการนั้น จำเป็นต้องย้ายไปประจำอยู่ จังหวัดอุทัยธานี ที่สำนักประชาสงเคราะห์จังหวัด คุณนวลปรางค์ แกก็ทำหน้าที่ของแกไป จนเกษียณอายุ 
       

ในยามค่ำคืน ที่ "ช่องลาภรีสอร์ต"  บางครั้งไฟที่ประภาคารจะเปิด สว่างไสวไปทั่ว

         เมื่อได้ผู้ร่วมเดินทางครบ ๔ คู่ ๘ คนแล้ว รวมทั้งครอบครัวของผมด้วย แล้วเราก็มาเริ่มต้นปรึกษาหารือกันในการที่จะไปเที่ยวครั้งนี้ ตั้งแต่การกำหนดวันวางแผนการเดินทาง  กำหนดหน้าที่ของแต่ละคน ผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและผู้นำทาง คิดกันปรึกษากันล่วงหน้าเป็นเดือนๆในที่สุดก็ลงมติกันเรียบร้อย  แล้วการกำหนดวันเดินทางก็เริ่มขึ้น ...........
                           

 

 

  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  กับอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  ที่วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย

 สามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้835
เมื่อวานนี้746
สัปดาห์นี้3196
เดือนนี้9454
ทั้งหมด1328788

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online