คนกับหมา ๒ (โตและต่าย)

   มาดูที่กันในครั้งแรกก็ได้รับการต้อนรับจาก นายโต กับนังต่ายเป็นอย่างดีทั้งๆที่ยังไม่รู้จักกันเลย 

      บ้านที่ปลูกใหม่นี้อยู่นอกๆที่ชุมชนออกไป  มีลักษณะโดยรอบๆเป็นทุ่งนา ในตัวที่ดินของเรานั้นมีลักษณะเป็นไร่ ซึ่งเจ้าของเดิมเขาปลูกต้นไม้ผลไว้หลายอย่าง เช่นกระท้อน ฝรั่ง มะพร้าวน้ำหอม น้อยหน่า ขนุน และอื่นๆอีกหลายอย่าง (เมื่อเรามาอยู่แล้วจึงได้ซื้อต้นไม้มาอีกหลายอย่างเพิ่มเติม)

   ทุ่งนานี้อยู่ทางด้านซ้ายของที่ มองดูเป็นทุ่งโล่ง ทุ่งนานี้เกือบจะล้อมที่ของเรา ซึ่งคนแถบนี้ก็ยังทำนากันอยู่

      ต้นไม้เหล่านี้อยู่ในลักษณะที่โตแล้ว มีลูกให้เราได้กินแล้ว  ที่ของเราที่ซื้อมานี้มีบริเวณที่กว้างใหญ่มีเนื้อที่รวมถึง ๔ ไร่ เราได้กั้นอาณาเขตที่ดินของเราล้อมด้วยลวดหนาม ไม่ได้ทำเป็นรั้วอิฐบล็อกหรอกครับ เพราะถ้าทำรั้วอิฐบล็อกโดยรอบที่ของเรานี้ คงจะต้องลงทุนอีกหลายทีเดียว ลำพังล้อมด้วยลวดหนามนี้ก็แย่แล้ว

 

   

  เมื่อมาดูที่ในวันแรกก็รู้สึกว่าพอใจที่ตรงนี้ ถ้าตกลงซื้อเจ้าของเขายกบ้านไม้ให้อีก ๑ หลัง

 

      

 ดูกันจนพอใจแล้ว ก็เลยถ่ายรูปเอาไว้ ๑ รูป เจ้าของเดิมเขาปลูกต้นบานไม่รู้โรยเอาไว้มากมาย เพราะว่าเขามีอาชีพทำพวงมาลัยขาย

      เมื่อเป็นดังนี้เราจึงต้องนึกถึงหมา หลังจากที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหมามาเสียนาน  เมื่อเรามาซื้อที่ตรงนี้เขามีบ้านไม้เก่าๆสองชั้น ไม่ใหญ่นักอยู่หลังหนึ่งด้วย (ตอนที่เราปลูกบ้านใหม่ของเรา บ้านไม้หลังนี้รื้อออกหมด) มีคนของเจ้าของที่คนเก่าเฝ้าอยู่โดยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ชื่อว่า นายบูน ฉายอรุณ เป็นคนมีอายุแล้ว อายุสักประมาณ ๕๐ กว่าปีคงจะได้  นอกจากนั้นก็มีหมา ๒ ตัว ที่อยู่ที่บ้านหลังนี้ ตัวผู้เป็นหมาแก่แล้ว ตัวเมียเป็นหมาใหญ่แต่ยังไม่แก่ ชื่อโต และต่าย ตามลำดับ (ดูภาพประกอบ)

     

   ภาพนี้เมื่อเราย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว หมา ๒ ตัวนี้เราก็ต้องเลี้ยงมันต่อมา

 

      เนื่องจากที่ดินผืนที่ซื้อนี้เดิมทีมีลักษณะเป็นไร่ เจ้าของเก่าเขาปลูกผลไม้ไว้หลายอย่างดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เราจึงจำเป็นที่จะต้องมีคนทำสวน ดูแลต้นไม้สืบต่อจากเจ้าของที่เดิมด้วย เราจึงได้จ้างคนทำสวนที่ดูแลอยู่เดิมอยู่แล้ว คือ นายบูนนี้แหละ มาเป็นคนทำสวนและเฝ้าบ้านของเราโดยปริยาย

    หมา๒ ตัว โตกับต่ายที่คนทำสวนเป็นผู้เลี้ยงดูอยู่นี้ ก็เลยเลี้ยงอยู่ที่บ้านของเราเหมือนเดิมที่มันเคยอยู่ โดยที่ไม่ต้องย้ายมันออกไปอยู่กับเจ้าของเดิมที่อยู่ในตลาด  คนทำสวนคนนี้ถึงแม้ว่าเราจะรับให้ทำงานอยู่กับเราต่อไป แต่ก็เป็นประเภทมาเช้าเย็นกลับ ไม่ได้ให้พักอาศัยอยู่ด้วย เพราะว่าบ้านของแกอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไรนัก

 

  นายบูน ฉายอรุณ นอกจากคอยดูแลเรื่องต้นไม้แล้วก็ยังทำงานอื่นๆอีก เท่าที่จะทำได้

  

       ซื้อที่ได้ไม่นานก็ดำเนินการรื้อบ้านหลังเดิมออก ถมดินแล้วก็ดำเนินการปลูกบ้านโดยลูกชายคนโตเป็นผู้ออกแบบ (เรียนจบมาจากคณะสถาปัตย์กรรมศาสตร์ จุฬาฯ) ลูกชายคนรองเป็นวิศวกร มาจากกรุงเทพฯมาดูการสร้างบ้านของเราบ่อยๆ

 

 

   บ้านที่ปลูกเสร็จแล้วใหม่ๆ ด้านหน้าบ้านมองดูยังแห้งแล้ง เพราะว่าไม่มีต้นไม้เลย บริเวณท้ายรถที่จอดนั้น คือที่ๆของบ้านไม้หลังเก่าซึ่งได้รื้อไปหมดแล้ว 

    และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่คล้ายจะบังคับเรา ให้เราจะต้องเลี้ยงหมากันต่อไปอีก ด้วยเหตุดังที่ว่ามาแล้วนี้ ในขณะที่การดำเนินการก่อสร้างบ้านของเรา ในที่ตรงนี้กันอย่างโกลาหล  ไม่นานนักนังต่ายซึ่งไปท้องกับหมาที่อื่นก็ออกลูกมาครอกหนึ่ง นายบูนคนทำสวนบอกว่ามันเป็นครอกแรกของนังต่าย  ผมจำได้ว่ามีทั้งหมด  ๖ ตัว ในตอนนั้นนังต่ายมันไป คลอดลูกอยู่ไต้ถุนบ้านพักคนงาน  คือพวกคนงานที่มาสร้างบ้านของเรานี้ ต่างคนต่างจองตัวนั้นตัวนี้ แต่ตอนนั้นก็ยังเอาไปไม่ได้เพราะว่ามันยังไม่ลืมตา และข้อสำคัญมันยังไม่อดนมเลย นังต่ายมันก็หวงลูกของมันมากเสียด้วยใครจะมาแตะต้องลูกมัน มันก็จะมองตาเขียวแฮ่ใส่เอา

   ลูกของนังต่ายทั้ง ๖ ตัวนี้ทีแรกทุกคนในบ้านบอกว่าจะไม่เอา ใครจะเอาไปก็เอาไปเลยเพราะว่าลูกหลานของผมอยากจะไปซื้อหมาพันธ์ดีๆ เช่นหมาฝรั่งตัวใหญ่ๆ เพื่อจะได้ให้มันเฝ้าบ้านในเวลากลางคืนด้วย แต่ในตอนหลังมาคิดกันดูแล้ว และได้คุยกับผู้ที่รู้คนหนึ่ง แกว่า หมาฝรั่งเลี้ยงยากที่สุดจะมาอยู่กับเราอย่าง สัมบุกสัมบันนั้นมันไม่ได้หรอก ยุงกัดก็ไม่ได้และอย่างอื่นอีกจิปาถะ  ดังนั้นจึงเลิกคิดที่จะซื้อหมาฝรั่งมาเลี้ยง และไม่ได้คิดถึงเรื่องหมาฝรั่งอีกเลย
  
  ไม่นานนักลูกของนังต่ายก็คลานเตาะแตะได้แล้ว หลานของผมก็ออกมาก้มๆเงยๆมองดูมันอยู่เหมือนกัน แล้วในวันหนึ่งต่อจากนั้นไม่นาน หลานของผมก็บอกว่า ลูกของนังต่ายนั้นเราเอาเลี้ยงไว้สักสองตัว นอกจากนั้นใครจะเอาก็เอาไปก็แล้วกัน คนในบ้านทุกคนก็ตกลง แล้วหลานของผมก็ไปชี้เอาลูกหมาสองตัวนั้นไว้ ผมก็บอกให้คนงานก่อสร้างรับรู้ด้วย

   เมื่อลูกๆของนังต่ายโตพอสมควรแล้ว คนงานก็แบ่งๆกันเอาไป เหลือไว้ ๒ ตัวตามที่ได้บอกคนงานก่อสร้างเอาไว้แล้ว จากนั้นเป็นต้นมาหมาในบ้านของผมก็มีเพิ่มอีก ๒ ตัว รวมทั้งหมดก็เป็น ๔ ตัว หลานของผมตั้งชื่อหมาทั้งสองลูกของนังต่ายที่เลี้ยงไว้ ตัวผู้ชื่อว่า มะขาม มีลายดำขาวด่างๆ  อีกตัวเป็นตัวเมียชื่อว่า มะยม มีขนสีคล้ายๆหมาอัลเซเชี่ยน

   

    มะขามกับมะยม เป็นลูกของนังต่าย เป็นลูกหมารุ่นแรกที่มาอยู่ที่นี่

     หลายเดือนต่อมาจนกระทั่งบ้านปลูกเสร็จ พวกเราก็ได้ย้ายจากตึกแถวที่ได้เช่าไว้ค้าขายนั้น เข้ามาอยู่กันในบ้านหลังใหม่นี้ มะขามกับมะยม ลูกของนังต่ายทั้งสองตัวก็เติบโตอยู่ภายในไร่ของเราอย่างมีความสุข ในบริเวณบ้านของเราตลอดมา

เมื่อมะขามกับมะยมมีอายุได้ปีกว่าๆ แม่ของมันก็คือนังต่าย ก็ได้ไปผสมพันธ์กับหมาข้างนอกจนท้องอีกครอกหนึ่งเป็นครอกที่ ๒ และได้คลอดลูกออกมาอีก ๖ ตัว สีสันต่างๆกัน หลานของผมอีกนั่นแหละที่เลือกเอาไว้อีก ๒ ตัว นอกจากนั้นก็ให้คนที่เขามาขอเอาไปเลี้ยงจนหมด

  

  มะตูมสีดำ มะพร้าว ด่างดำขาว ลูกหมารุ่นที่ ๒ ของนังต่าย

     หลานของผมตั้งชื่อลูกของนังต่าย ในชุดหลังนี้ ตัวผู้ซึ่งมีสีดำสนิทว่า มะตูม อีกตัวหนึ่งเป็นตัวเมียให้ชื่อว่า มะพร้าว ในตอนนี้ที่บ้านของเราก็มีหมารวม ๖ ตัวแล้ว  มีโต ,ต่าย,มะขาม,มะยม,มะตูม,มะพร้าว โดยมีเจ้าโตเป็นหัวหน้าทีม

     โดยเฉพาะในเวลากลางคืน มีอะไรก๊อกแก๊กหน่อย เจ้าโตก็จะนำลูกทีม ๔ – ๕ ตัวนั้นเห่ากรรโชกที่เป้าหมายอย่างรุนแรง และเตรียมพร้อมที่จะเข้าเล่นงานในทันทีที่เจอเป้าหมาย ไม่มีอะไรที่ผ่านเข้ามาในเขตของมันจะรอดสายตาไปได้ ......

นายแก้ว เขียน คนกับหมาตอน ๒

    ติดตามคนกับหมา ตอน ๓คลิ๊กที่นี่

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้282
เมื่อวานนี้485
สัปดาห์นี้2256
เดือนนี้8423
ทั้งหมด1338307

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

2
Online