คนกับหมา ๓ (ต่ายหายไปไหน)

alt

  ต่าย หมาที่อยู่ที่นี่ก่อนที่เราจะเข้ามาอยู่   วันหนึ่งก็หายไปจากบ้าน

   หมาพันธ์พื้นเมืองพิ้นบ้านนี้ มีจุดดีและก็จุดเสียอยู่ในตัวของมันเอง แทบจะเหมือนกันทุกๆตัวจุดดีของมันคือ มันเป็นหมาพื้นบ้านที่มีความอดทนต่อสภาพความเป็นอยู่ กินง่ายนอนง่าย ไม่ต้องทำมุ้งลวดกันยุงให้นอนเหมือนหมาฝรั่ง

  แต่ส่วนเสียของมัน (ไม่ทราบว่าบ้านอื่นๆจะเป็นเหมือนบ้านเราหรือไม่) กล่าวคือ ในเวลากลางวันเมื่อมีคนมาหาที่บ้าน หมาพวกนี้ก็จะวิ่งกรูกันเข้าไปไม่มีการเห่าเลย ไปนั่งยกตีนหน้าเขี่ยผู้ที่มาหาเราไปมา เหมือนจะรู้จักกันมาตั้งนานแล้วอย่างนั้นแหละ

 

alt

ตั้งแต่ผมกับคุณหวานมาอยู่กับลูกชายคนโตที่สวนนี้แล้ว ลูกผมคนรองและลูกสาวคนเล็กที่ยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็พาหลานผมสองคน (มีลูกคนละคน) มาหาผมและแม่ของเขาที่สวน ในวันหยุดบ่อยๆ ในภาพนี้ลูกสาวคนเล็กกำลังเอาน้ำมะพร้าวอ่อนใส่ถุงไปกินที่กรุงเทพฯ โดยมีแม่เป็นคนปอกให้ มองลึกไปในภาพนี้จะเห็น เกาะเล็กๆที่หมาชอบไปนอนเล่น และคนก็ชอบไปปูเสื่อนั่งเล่นกันในเวลาเย็นๆเหมือนกัน

    พวกเด็กๆลูกหลานผมที่มาจากกรุงเทพฯในครั้งแรกๆ หมาพวกนี้มันก็ไม่เคยได้รู้จักลูกหลานผมมาก่อน มันก็จะพากันมาคอยต้อนรับเสียอย่างดี อย่างนี้เขาเรียกว่า หมารับแขก ไม่รู้ว่าคนดี คนชั่ว โจร ขโมยต้อนรับไปหมด คิดไปคิดมาก็อยากจะโล๊ะหมาชุดนี้ไปเสียให้หมด แต่ถึงขั้นนี้ก็โล๊ะพวกมันยากเสียแล้ว

    ดังนั้นทุกคนในบ้านก็มาคุยกันอีกว่า เราควรจะหาลูกหมาที่อื่นๆมาเลี้ยง เอาที่พันธ์ดีๆหน่อย (จะรู้ได้อย่างไร) นั่นเป็นอนาคตข้างหน้า อย่างน้อยก็ต้องให้หมารุ่นนี้ตายไปเสียก่อนแล้วจึงจะเอาหมารุ่นใหม่มาเลี้ยงได้ มันจะถึงเวลานั้นเมื่อไรก็ยังไม่รู้

    สรุปแล้วหมาชุดเชื้อสายดั้งเดิมลูกของนังต่ายนี้ มีส่วนดีและก็มีส่วนเสียปนๆกันอยู่ แต่ถึงอย่างไรเมื่อได้เลี้ยงมันแล้วก็จะเลี้ยงมันต่อไป จนกว่ามันจะตายจากไป

 

alt

        ที่หลังบ้านเราทำเป็นเกาะเล็กๆ มีต้นมะพร้าว ๑ ต้น มีน้ำล้อมรอบ เกาะนี้อยู่ด้านหลังบ้าน พวกหมาทั้งหลายชอบมานอนเล่นตรงนี้ นังต่ายเมื่อมันไม่ได้ออกไปไหนก็มักจะอยู่กับลูกๆของมัน คงคุยกันไปสอนลูกไป "นี่เจ้ามะยม เจ้าต้องเป็นเด็กดีนะ อย่าไปทำอะไรให้เจ้าของที่เลี้ยงดูเราขัดใจล่ะ " "จ้ะแม่"

    มีเรื่องเกี่ยวกับนังต่ายโดยตรงเรื่องหนึ่ง ที่ผมก็ไม่อยากจะเล่าเลย แต่เมื่อตั้งใจจะเล่าเรื่องหมากับคน หรือคนกับหมาแล้วก็เล่ามาให้รู้กันเสียเลยดีกว่า คือว่า นังต่ายนี้เป็นหมาที่เรียกว่าหมาขี้ขโมย ขโมยทั้งของกินและของใช้ของชาวบ้านใกล้เรือนเคียง จนชาวบ้านเขาระอามันเต็มทีแล้ว แต่ก็จัดการอะไรมันไม่ได้ เพราะว่าของนั้นเมื่อมันหายไปแล้ว จึงได้รู้ภายหลังว่ามีหมาตัวหนึ่งขโมยคาบไป


อันนี้มันก็แปลก หมาพวกนี้เราก็เลี้ยงของเราอย่างอิ่มหนำสำราญ ไม่ได้อดได้อยาก แต่นิสัยสันดานมันเกิดมาเพื่อคุ้ยกองขยะ หาอาหารกินตามกองขยะ อย่างนี้แล้วก็เห็นท่าว่าจะแก้นิสัยมันไม่ได้เสียแล้ว โดยเฉพาะนังต่าย

   บางวันตื่นเช้าขึ้นมา ก็มีร้องเท้าใหม่ๆเพียงข้างเดียว เสื้อนักเรียน หรือถุงขนมปัง หรือถุงใส่ขยะ  ต่างๆ มากองไว้ภายในบริเวณหน้าบ้านของผมเสมอ เกลื่อนไปหมด ซึ่งผมก็รู้แล้ว ว่านังต่ายมันไปขโมย คาบมาจากบ้านอื่นๆ
เป็นอย่างนี้หลายครั้ง ผมก็บอกนายบูน คนทำสวนให้เอาไปถามบ้านใกล้เรือนเคียงว่าเป็นของใครแล้วก็คืนๆเขาไปเสีย โดยเฉพาะของดีๆเช่นรองเท้า เสื้อผ้าที่เขายังใช้อยู่ เมื่อนายบูนเอาไปคืนเขา

   แทนที่เขาจะดีใจที่ได้ของคืน กลับด่าฝากมาเสียอีก แล้วก็อาฆาตด้วย ว่าถ้ากูเจอเมื่อไรกูเอาตายแน่ๆ ผมก็ไม่โกรธเขาหรอกครับ เพราะว่ามันจริงของเขา อย่าไปทำเป็นโกรธตอบเขาเลย เรื่องอย่างนี้ทะเลาะยิงกันตายเพราะหมาไปหลายรายแล้ว ไม่เอาหรอกครับผมกลัว เดี๋ยวจะไม่ได้อยู่ดูหลานๆรับปริญญา

   ในเรื่องนี้ทางเราก็หนักใจแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จะขังมันไว้ทั้งคืนทั้งวันไม่ให้มันออกไปก็ทำไม่ได้ เพราะทุกคนที่บ้านของเราจะสงสารมันที่มันไม่มีอิสระ เคยคุยกันแล้วภายในครอบครัวว่า จะไม่เลี้ยงสัตว์อะไรทั้งนั้น ที่ต้องกักต้องขัง

 

alt

แพร คนซ้าย ป.๑ ลูกของลูกสาวคนเล็กของผมอยู่กรุงเทพฯ  พิม คนขวา ป. ๓ ลูกสาวของลูกชายคนโตที่อยู่ด้วยกันที่นี่ เล่นกันอยู่ที่ระเบียงหลังบ้าน เมื่อแพรมาเยี่ยมตายายในวันหยุด

    หลานเคยเอากระต่าย เอาเต่า เอาหนูอะไรไม่รู้มาเลี้ยง ลงทุนซื้อกรง มีเครื่องเล่นต่างๆในกรงให้หนูมันถีบเล่น ขัดใจผมแทบแย่ กว่าจะอธิบายให้เขารู้ว่า ไม่ว่าสัตว์หรือคนก็ต้องการมีอิสระทั้งนั้น

   ผมพากันไปอธิบายถึงสวนสัตว์ที่บึงฉวาก ว่าพวกสัตว์ต่างๆเหล่านี้เขาเอามาขังกรงให้คนดู แม้ว่าจะทำกรงดีแค่ไหน มีอาหารอย่างดีกินเพียงใด มันก็คงไม่ยินดีหรอก เพราะว่าไม่ใช่ถิ่นที่ของมัน สัตว์บางอย่างอยู่แต่ในป่า แล้วเอามันมาขังอย่างนี้ มันคงอึดอัดใจอย่างมาก ฉะนั้นหมาของผมจะเป็นอย่างไรผมก็จะไม่กักขังมัน ล่ามคอล่ามโซ่มันเป็นอันขาด ผมจึงปล่อยเลยตามเลย แล้วแต่เวรกรรมของมันก็แล้วกัน

alt

   นายบูน ฉายอรุณ คนทำงานในสวนและเป็นผู้เลี้ยงหมาเป็นประจำ

   วันหนึ่งนายบูนบอกผมในตอนเย็นเมื่อผมกลับจากทำงานว่า มีผัวเมียคู่หนึ่งทำงานที่โรงงานอาหารกระป๋องซึ่งอยู่ทางทิศเหนือเลยจากบ้านผมไป ผัวเมียคู่นี้เช่าห้องเช่าไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไรนัก ขับรถมอเตอไซค์มาถามว่าที่นี่เป็นเจ้าของหมาตัวเมีย ลักษณะอย่างนั้น สีอย่างนั้น ใช่หรือไม่  นายบูนก็บอกว่าใช่มีอะไรหรือ

   สองคนผัวเมียคู่นั้นจึงบอกนายบูนด้วยความโมโหว่า เขาซื้อปลาช่อนสดๆมากิโลหนึ่งเมื่อเช้านี้ที่ตลาดนัด ใส่ถุงพล๊าสติกวางไว้ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน เผลอประเดี๋ยวเดียวเห็นหมาตัวนี้แว๊บๆ มาคาบเอาถุงปลาช่อนนั้นหายลับไปเสียแล้ว คาดว่ามันคงวิ่งมาทางนี้ จึงมาถามดูและบอกให้รู้ว่า ต่อจากนี้ไปจะเอาจริงแล้ว จะเอายาเบื่อให้มันกินให้ตายเสีย จะได้ไม่ต้องไปขโมยของที่บ้านอื่นๆอีก

   นายบูนก็บอกว่า ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะบอกมันก็ไม่ได้เพราะมันเป็นหมา ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ผมก็พูดภาษาหมาไม่เป็น จะทำอย่างไรกับมันก็ตามใจเถิด แล้วแต่เวรกรรมก็แล้วกัน ผัวเมียได้ฟังนายบูนพูดแล้ว ก็มองหน้านายบูนนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง คงคิดอยู่ในใจว่า ไอ้คนนี้มันก็พูดกวนดีเหมือนกัน  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แล้วก็เดินจากไป

   ในตอนเช้ามืดตื่นขึ้นมาเปิดประตูบ้าน ก็เห็นขยะและสิ่งของต่างๆเกลื่อนสนามหน้าบ้านตามเคย โมงเช้านายบูนมารดน้ำต้นไม้ ผมก็บอกนายบูนให้จัดการให้เรียบร้อยเหมือนทุกๆวัน

   ต่อมาอีกไม่กี่วันในตอนเช้าวันหนึ่ง นังต่าย กินข้าวที่บ้านเราเลี้ยงแล้วก็หายไป ตอนเย็นๆผมเลิกงานกลับมาถึงบ้าน หมาทุกตัวเห็นผมก็ดีใจออกมาต้อนรับ ผมมองดูแล้วขาดนังต่ายไปตัวหนึ่ง นายบูนบอกว่านังต่ายมันหายไปตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่กลับมาเลยพวกผมรวมทั้งนายบูนก็ยังหวังใจว่า มันคงจะออกไปเที่ยวขโมยหาของกิน และไปคาบสิ่งต่างๆกลับมาบ้านเหมือนอย่างเคย ประเดี๋ยวก็คงจะเห็นมันหรอก

   แต่วันนี้จนมืดค่ำแล้วก็ไม่เห็นเงาของนังต่าย ผมมาหวนคิดถึงคำพูดของผัวเมียคู่นั้นแล้ว ใจก็แปร๊บขึ้นมาทันที คิดว่าครั้งนี้เขาคงเอาจริงกับหมาขโมยอย่างนังต่ายแน่แล้ว สงสารแต่นายโตหมาตัวผู้ ที่อยู่คู่กันมากับนังต่ายตั้งแต่ครอบครัวของผมยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ พอนังต่ายหายไปเป็นวันๆจนมืดค่ำแล้วก็ไม่กลับมา ดูๆนายโตก็กะวนกะวายใจ ซึมๆไปอย่างบอกไม่ถูก....

 

 

alt

นายโต หมาใหญ่ที่อยู่คู่กับนังต่ายมาตลอด ตั้งแต่ครอบครัวของผมยังไม่มาอยู่ที่นี่ เมื่อนังต่ายหายไปก็ซึมเศร้ามาตลอด หมาเด็กมาชวนเล่นด้วยก็ไม่อยากเล่น ไปแอบนอนอยู่ตามไต้ต้นไม้เงียบขรึมไปมาก ลูกชายมาจากกรุงเทพฯก็มาเอาใจอยู่เรื่อยๆ เพราะว่าเขาสนิทกัน 

   เป็นเวลาเกือบ ๒ อาทิตย์นายบูนมาบอกผมในตอนเช้าวันหนึ่งว่า เมื่อวานไปตัดมะพร้าวอ่อนที่ท้ายไร่ ไปพบกับซากศพของนังต่ายเข้า นอนตายเหลือหนังกับกระดูก คงจะโดนสัตว์อื่นๆที่ผ่านมาเจอเข้าแทะเอาเนื้อไปกินหมด (แถวๆนี้มีตัวเงินตัวทองเยอะมาก มันชอบมาขโมยปลาของผมไปกิน หมาของผมช่วยกันดักจับกัดมันตายไปหลายตัวแล้ว)

   นายบูนแกสันนิษฐานว่า ก่อนที่มันจะตายมันก็คงเข้าไปขโมยของกินเขาอีกตามเคย แต่ครั้งนี้เขาเอาของกินนั้นผสมกับยาเบื่อ (คงเป็นสติ๊กนิน หรือยาเบื่อประเภทอื่นๆ ) เอาไว้ มันจึงต้องถึงฆาตสิ้นอายุของมันเพียงเท่านี้เอง

   ผมคิดว่าเมื่อมันโดนยาเบื่อท้องมันก็เริ่มจะร้อน เพราะว่ายากำลังเริ่มต้นออกฤทธิ์ มันจึงวิ่งกลับบ้านสุดแรงเกิด แต่มันก็คงจะหมดแรงตรงท้ายไร่นั้นนั่นเองเพราะฤทธิ์ยา ทำให้มันไม่สามารถกลับมาเห็นหน้าลูกๆของมันในวาระสุดท้ายได้เลย

   นังต่ายตายจากไปแล้วทุกคนที่บ้านก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะว่าคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าผลสุดท้ายมันก็ต้องเป็นอย่างนี้  ในตอนนี้หมาที่บ้านเราก็เลยเหลือเพียง ๕ ตัว ลูกๆของนังต่าย ๒ ครอก ๔ ตัวที่อยู่กับเราก็กำลังโตวันโตคืน ร่างกายแข็งแรง เพราะว่าการเลี้ยงหมาที่บ้านของเรานั้น มอบให้นายบูนเป็นคนเลี้ยง ซื้อปลายข้าวมาครั้งละ ๕๐ กิโล (ครึ่งกระสอบใหญ่) ให้นายบูนตั้งกระทะหุงด้วยฟืนจากไร่ของเราเอง นายบูนก็ถือว่าเป็นงานส่วนหนึ่งของเขา ตั้งอกตั้งใจเลี้ยงหมาของเราเป็นอย่างดี

 

 

alt

   สองพี่น้องลูกของนังต่าย แต่คนละรุ่น มะขาม กับ มะตูม นอนคุยกันที่เกาะหลังบ้าน สงสัยว่าแม่หายไปไหน ทำไมจึงไม่กลับมาบ้าน

   นายบูนเลี้ยงมันวันละ ๒ มื้อ เช้าเย็น ปลายข้าวต้มหรือหุงจนได้ที่ดีแล้ว ก็ผสมกับปลากระป๋องลงไป (ซื้อมาไว้ครั้งละหลายโหล) บางทีก็มีซี่โครงไก่ เศษหมูสับผสมลงไป ทำให้มันกินข้าวกันมื้อละมากๆ ร่างกายอ้วนพีแข็งแรง ทุกวันก็เป็นอย่างนี้

alt

   มื้อเช้านี้ มะยม และบรรดาพี่น้องได้กินข้าวต้มกับเศษหมูสับ อิ่มสบายใจกันไปทั้งวัน ฝีมือนายบูนปรุงให้กิน

   บ้านที่ครอบครัวของผมมาอยู่ใหม่นี้ ด้านหน้าบ้านจะอยู่ริมถนนใหญ่ เป็นถนนรถยนต์ลาดยาง ที่วิ่งระหว่างอำเภอ (ถ้าจะเปรียบกับถนนเพชรเกษมที่วิ่งผ่านเจ็ดเสมียน ผ่านพงสวาย ไปราชบุรี ก็จะเป็นถนนอย่างนั้นแหละครับ )

   เนื่องจากบริเวณบ้านผมไม่มีรั้วกั้นเป็นอิฐบล็อก หมาทุกตัวของผมจึงชอบมุดลวดหนาม ออกไปเดินเล่นที่ริมถนนในตอนเช้าๆ หรือตอนเย็นๆทุกๆวัน  แล้วก็วิ่งไล่กวดคนที่ขี่จักรยาน หรือขี่มอเตอร์ไซค์ เสมอๆ ซึ่งผมไม่ชอบเลยแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ เหมือนอย่างที่นายบูนพูดไว้ว่า หมามันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง  ดุด่ามันเท่าไรมันก็ไม่รู้เรื่อง หมดปัญญาจริงๆ ....!

 

alt

นายแก้ว เขียนคนกับหมา ตอน ๓

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้209
เมื่อวานนี้351
สัปดาห์นี้1296
เดือนนี้10543
ทั้งหมด1340427

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online