ลำนำใจ ลำนำศิลป์ ถิ่นของเรา ครั้งที่ ๑

่บาตรพระยามเช้าที่เจ็ดเสมียน

    บทกลอนลำนำใจ ลำนำศิลป์ ถิ่นของเรา นี้ได้เคยลงในเวบบอร์ดของเราซึ่งปิดไปแล้ว จะลบทิ้งไปเสียก็เป็นที่น่าเสียดาย จึงได้ย้ายเอามาลงในนี้อีก ก่อนที่จะมาลงในนี้นั้น มีท่านผู้อ่านได้อ่านไปแล้ว ๑๑๘ ครั้ง  .. สำหรับในตอนนี้ ผู้จินตนาการคือ  palida, พลอยนภัส,  และ นายแก้ว

แม่น้ำแม่กลองที่เจ็ดเสมียน

เจ็ดเสมียน

 เจ็ดเสมียน เริ่มเป็น ที่รู้จัก
ชุมชนเล็ก น่ารัก เเสนเรียบง่าย
เเม่กลองริน ไหลเรื่อย เอื่อยสบาย
สายพระพาย ชื่นสะบัด พัดอารมณ์

พระโพธิ์ใหญ่ ยืนเดียวดาย หลายปีเเล้ว
บัดนี้เเว่ว เสียงศิลป์ ยินชื่นจิต
ด้วยลูกหลาน ทิ้งไป ชั่วชีวิต
นาฏศิลป์ ชะโลมจิต ผู้สูงวัย

ลำเเม่กลอง ระริก ระทึกสั่น
เสียงกลองลั่น ระรัวริม ลำน้ำไหว
เจ็ดเสมียน เกิดอีกครั้ง อย่างตั้งใจ
ลำนำใจ ลำนำศิลป์ ถิ่นของเรา....

palida

ศิลปินริมน้ำ

ศิลปินริมน้ำลำนำขับ
เสียงสดับบรรเลงนักเพลงเก่า
เจ็ดเสมียนวันนี้ไม่มีเศร้า
ทุกคนเฝ้าจิตจ่อรอยามเย็น

ศิลปินใหญ่น้อยร้อยใจรักษ์
จิตสมัครอาสามาร่วมเล่น
เคียงแม่กลองลำน้ำในยามเย็น
ต่างบำเพ็ญประโยชน์ใหญ่ให้บ้านเรา

เสียงเด็กน้อยตีกลองคะนองน้ำ
บรรเลงร่ำเพลงกลอนช่างร้อนเล่า
ครูมานพโชว์ลีลามาเลาเลา
นักเพลงเก่าขานรับช่างจับใจ

พลอยนภัส 


 เจ็ดเสมียนวันนี้ ฤา วันใด

กาเหว่าเอ๋ย เคยร้อง ก้องเเมกไม้
ฝนสาดสาย พริ้งพราย ต้องใบข้าว
สายลมปลิว พลิ้วระลอก บอกเรื่องราว
เจ็ดเสมียน ยังเหมือนเก่า เล่าสืบมา

เป็นตำบล สวยงาม ธรรมชาติ
ดารดาษ ทั่วถิ่น กลิ่นพฤกษา
อาทิตย์ยาม อัสดง คงงามตา
สายธารา ยาวไกลไหลตามกาล

หลายร้อยปี ที่เจ้า กาเหว่าร้อง
เสียงยังคง กู่ก้อง วิเวกหวาน
ดุจเสียงร้อง ของผู้เฒ่า เล่าตำนาน
เพลงพื้นบ้าน ขานขับ เพราะจับใจ

ฝนสุดท้าย ใกล้ลา จากฟ้าเเล้ว
ลมหนาวแผ่ว พัดพา รักมาให้
เจ็ดเสมียน วันนี้ ฤาวันใด
ยังคงให้ ความสุข ทุกคืนวัน......

palida 

อยู่แสนไกล

คนเจ็ดเหมียน ชอบดนตรี กวีศิลป์
ชอบยลยิน ลำนำ ร้องรำเล่น
บ้างก็วาด ปาดพู่กัน อันไหวเอน
ใครพบเห็น จับใจ ในความงาม

เด็กผู้เฒ่า สาวหนุ่ม รวมกลุ่มศิลป์
อุ่นผืนดิน ฝนริมน้ำ งามเป็นสาย
ลมเย็นพัด ปัดความร้อน ใจผ่อนคลาย
อยู่เเสนไกล กลับมา้บ้าน ชื่นบานเอย....

Palida 

ขอขอบคุณภาพจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

 แต่งกระทงบรรจงปักดอกรักร้อย
เป็นประทีปดวงน้อยสว่างไสว
ด้วยดวงจิตวับวามความตั้งใจ
กรองดอกไม้หอมชื่นรื่นอารมณ์

ดั่งมณีมากค่าดารดาษ
ประกายสาดวับวามช่างงามสม
ลอยไหลล่องส่องกระจ่างอย่างน่าชม
ต้องสายลมไหวระยับงามจับใจ

อธิฐานเอย...ขอวอนพระคงคา
ขอจงรับการขมาบุชาไหว้
ด้วยเมตตาแด่ข้ามาแต่ไร
ได้ดื่มใช้ชำระด้วยนที

แสงจันทร์ทอประกายทองทั่วท้องน้ำ
ขอจงนำสิ่งร้ายไปจากที่
ขอลอยทุกข์โศกตรมถมทวี
ขอสิ่งดีจงประดับประทับแทน

พลอยนภัส  จันทร เจ็ดเสมียนซอย ๙

เนื่องในวันลอยกระทง ปี พ.ศ.๒๕๕๒

จริงหรือใครคนไหนช่างคิดไว้

วันเพ็ญสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง
พี่และน้องลอยกระทงเสี่ยงทายหมาย
อยากจะทราบเรื่องราวความเป็นไป
รักของเราจะได้อุ่นใจครัน

ในคืนนั้นมองไปทางด้านเหนือ
ช่างงามเหลือกระทงน้อยลอยเป็นสาย
แสงระยิบระยับตามาแต่ไกล
ช่างสุขใจล้นเหลือลอยกระทง

มีกระทงหลายลูกเกาะกลุ่มมา
เป็นสัญญาบอกให้ดั่งใจหมาย
ชีวิตคู่ของเขาไม่กลับกลาย
กระทงน้อยลอยไปคู่เคียงกัน

ส่วนของฉันและเธอนั้นแยกห่าง
กระทงน้อยลอยคว้างนั้นเห็นๆ
ช่วงชีวิตต่อไปอาจลำเค็ญ
มันจะเป็นดั่งเช่นคำทำนาย

จริงหรือใครคนไหนช่างคิดไว้
กระทงน้อยลอยไปจะเกี่ยวหรือ
ไม่อยากเชื่อน้ำคำที่ร่ำลือ
รักแน่นเหนียวขึ้นอยู่กับผู้คน

ถ้อยทีถ้อยอาศัยน้ำใจรัก
ผูกสมัครรักใคร่มากมายเหลือ
หาเงินทองของใช้มาจุนเจือ
อย่าไปเชื่อกับการอันเสี่ยงทาย

ลอยกระทงนั้นหนาขมาเขา
ที่พวกเรานำ (น้ำ) มาใช้ทุกแห่งหน
ถึงปีหนึ่งพวกเราทุกทุกคน
อย่าสับสนกับการลอยกระทง

อย่างนี้แล้วจงสบายในใจเถิด
เรื่องที่เกิดไม่เกี่ยวนะท่านเอ๋ย
กระทงคู่หรือแยกไม่แปลกเลย
รักกันไว้ดั่งเคย คู่ครองกัน .......

นายแก้ว หัดเขียนกลอน  เนื่องในวันลอยกระทงเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๒

 

นายแก้ว

 

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้153
เมื่อวานนี้485
สัปดาห์นี้2127
เดือนนี้8294
ทั้งหมด1338178

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online