งานบวชเมืองกรุง ๓

 เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ  

    การแห่นาครอบๆโบสถ์ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆนะครับ เพราะว่ายังต้องแห่ไปรอบๆโบสถ์ให้ครบ ๓ รอบเสียก่อน แล้วจึงเข้าโบสถ์เพื่อทำพิธีบวชต่อไป

 เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าครับว่า ทำไมจึงต้องแห่นาคไปวนทางด้านขวารอบโบสถ์ถึง ๓ รอบ พร้อมทั้งโปรยทานไปด้วยเสียก่อนแล้วจึงส่งตัวเข้าโบสถ์ได้ สำหรับผมนั้นคิดเดาเอาว่า การที่ต้องแห่กันถึง ๓ รอบนั้นก็เพื่อให้เจ้านาคตั้งสมาธิสำรวมจิตใจให้พร้อม ในการที่จะตั้งใจบวชครั้งนี้ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ คล้ายๆกับการเีวียนเทียนนั่นเอง

วยกันแห่นาคเข้าโบสถ์ น้าเลิศ(ซ้ายสุด) ปีนี้อายุ ๘๔ แล้วน่าจะเป็นเครือญาติที่มีอายุมากที่สุด ยังช่วยมาเดินแห่ด้วยกันตั้ง ๓ รอบ น้าเลิศผู้นี้ที่ผมเรียกแกว่าน้าก็เพราะว่า น้าเลิศเป็นน้องคนหนึ่งของป้าละม่อม เมื่อสมัยผมเป็นเด็กอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียน บรรดาน้องๆของป้าม่อมก็มักจะแวะมาเยี่ยมเยียนพี่สาวของเขาที่ตลาดเจ็ดเสมียนเสมอ

 เท่าที่จำได้ก็มีน้าหล่อ น้าเลิศ แล้วก็น้าสันต์ นานๆครั้งป้าเนื่องจะมาที่ตลาดเจ็ดเสมียนด้วย สำหรับน้าสันต์นั้นนานๆจะมาสักครั้งหนึ่งเพราะว่าน้าสันต์ไปทำงานที่กรุงเทพฯแล้ว ในตอนนั้นน้าสันต์ยังเป็นทหารอากาศอยู่และเรียนหนังสือไปด้วย น่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อน้าสันต์เรียนจบแล้วจึงได้ลาออกจากทหาร ไปทำงานที่กระทรวงแรงงานจนกระทั้งเกษียณอายุ

  ( เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ )

 

กียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

  

  สามสาวที่อุ้มของเพื่อไปถวายพระในโบสถ์นี้ เป็นพี่น้องกันจริงๆคือเป็นลูกสาวของพี่สมศักดิ์พี่องุ่นทั้งสามคน ในขณะที่เดินรอบโบสถ์นั้นคงจะคุยกันแก้เมื่อยบ้าง แต่จะคุยกันเรื่องอะไรถึงใครผู้บรรยายไม่ทราบ เพราะว่าไม่ได้ยิน แต่ที่แน่ๆสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่อยู่ขวามือของภาพคือน้องเนม คงจะกำลังคิดถึงพ่อ โน ที่ไม่ได้มาร่วมงานด้วยเพราะว่ากำลังไปราชการอยู่ในประเทศเยอรมันนี คุณโน หรือคุณกนก คุ้มประวัติ เป็นน้าแท้ๆของเจ้านาค เพราะว่าเป็นน้องคนสุดท้องของพี่องุ่น ไงล่ะครับ  ...

 กียรติศักดิ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

 เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

        ภาพนี้บังเอิญเห็นพี่น้อง ๒ คู่ คือ ที่เห็นชัดๆอยู่ด้านหน้านั้นคือ คุณขุนกับคุณจุ๊ฟ เป็นลูกของคุณจุ้ย ส่วนที่เห็นอยู่ข้างหลังนั้นคนขวาเป็นพี่คือน้องเนม อีกคนหนื่งตัดผมทรงนักเรียนใส่เสื้อสีชมภูนั้นคือน้องเน เป็นน้อง  ทั้งสองนี้เป็นลูกสุดรักของคุณ กนก คุ้มประวัติ ซึ่งเป็นน้องชายของคุณจุ้ยอีกทีหนึ่ง (อย่างนี้เข้าใจหรือเปล่าครับ)

   เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา  ถ่ายภาพ

นสูงอายุข้างหน้าหลายคนนี้มีอาการเดินเอียงๆเสียแล้ว ยิ่งคนที่อุ้มไตรจีวรนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ดูๆแล้วคงจะมีน้ำหนักไม่ใช่น้อยเลย แต่ด้วยคิดว่าบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งปวงที่จะได้ ท่านก็จึงพยายามแห่นาคกันให้ครบ ๓ รอบละครับ   ที่จริงในงานบวชตามประเพณีนิยมนั้น บิดาของนาคจะเป็นคนอุ้มบาตรและถือตาลปัตร มารดาจะเป็นคนอุ้มไตรจีวร ส่วนญาติพี่น้องและคนอื่นๆที่มาร่วมงานกันนั้น จะช่วยถือเครื่องอัฐบริขารเครื่องไทยธรรมและสิ่งของอื่นๆ  แต่ในความเป็นจริงนั้นบิดามารดาของนาคจะอุ้มกันรวดเดียวนั้นเห็นถ้าจะไม่ไหวแน่ จึงต้องผลัดๆกันไป ผู้บรรยายว่าถึงแม้ไม่ได้อุ้มอะไรเลยเพียงแต่ได้มาร่วมงานกัน ก็ได้บุญมากพอๆกันแล้วแหละครับ...

   เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

 

           ผู้ที่อุ้มของในขบวนแห่นี้ส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องแท้ๆทั้งนั้น อย่างเช่นในภาพนี้จากทางซ้าย คุณจอย เป็นพี่สาวของนาค ต่อมาคุณจุ๊ฟ และคุณขุน (คนสูง) เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนาค ส่วนอีกคนถัดมาใส่เสื้อลายมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ผู้บรรยายอยากจะออกชื่อเธอจริงๆ แต่ไม่ทราบว่ามากับกลุ่มไหน เพราะว่าผู้บรรยายไม่ได้รู้จักผู้ที่มาเป็นเกียรติในงานนี้ทั้งหมดครับ   (ท่านผู้ใดทราบส่งข่าวเข้ามาทาง เฟสบุ๊คด้วยครับ)    เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

 

 

        ผู้ชายสูงอายุที่มาในงานนี้มีมากมายหลานคน บางคนไม่ค่อยแข็งแรงแต่ก็อยากจะมาจึงต้องนั่งรถเข็นมาร่วมงานด้วยก็มี ส่วนชายสูงอายุที่ใส่เสื้อยืดเขียวอมฟ้านั้น คือคุณสาธร วงษ์วานิช อดีตคนเจ็ดเสมียน มีฐานะเป็นน้าเขยของนาค ส่วนคนที่ใส่ชุดซาฟารีเอามือล้วงกระเป๋านั้นคือ คุณคนึง คุ้มประวัติ (จุ้ย) มีฐานะเป็นน้าของนาค คุณจุ้ยนี้เกิดที่บ้านห้องแถวในตลาดเจ็ดเสมียน เป็นเด็กตลาดเจ็ดเสมียนรุ่นเดียวกับ ศักดา วงษ์ยะรา (ศัก) สุเมธ วงษ์วานิช (เมธ) ระฆัง สุวรรณมัจฉา (บี้) นิพนธ์ ชาญชาติณรงค์ (พี่มาก) และอีกหลายๆคน

คุณจุ้ย เรียนหนังสือระดับอาชีวะศึกษาที่ วิทยาลัยเทคนิค นครราชสีมา จบแล้วมาเข้ารับราชการทหารอากาศ ที่สนามบินกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และก็ทำงานที่สนามบินนี้เรื่อยมาจนกระทั่งเกษียณอายุราชการเมื่อ ๒ ปีมานี่เอง ปัจจุบันคุณจุ้ย ปลูกบ้านในที่ดินที่กว้างใหญ่ของภรรยา และอยู่กับครอบครัวประกอบด้วย ภรรยา ลูกๆหญิงชายรวม ๓ คนอย่างมีความสุขที่บ้านกำแพงแสน ผู้บรรยายเคยคุยกับนายจุ้ย ที่ในงานคนเจ็ดเสมียนพบกันเมื่อหลายปีก่อนที่ตลาดเจ็ดเสมียน นายจุ้ยบอกว่า " ผมปักหลักอยู่ที่กำแพงแสนมานานแล้วครับ ว่างๆไปเที่ยวบ้านผมบ้างนะครับ พี่ " 

   เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา  ถ่ายภาพ

 

  กลุ่มของพี่ติ๋ม ที่มาจากบ้านบางโตนดมีใครกันบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะครับผู้บรรยายไม่ทราบชื่อจริงๆ สุภาพสตรีร่างท้วมนั้นน่าจะเป็นกลุ่มของอาเอ็นครับ

   เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

 โค้งนี้ก็ครบแล้วครับ คุณพี่ใหญ่เมื่อยมากแล้วให้คุณน้องอุ้มมั่ง นึกว่าแบ่งๆกันไป

   เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

 หนุ่มๆสาวๆยังไม่มีอาการเมื่อย อีก ๑๐ รอบก็ยังไหว ยิ่งคนตัวสูงยิ่งแล้วเลย กี่รอบก็ได้ขอให้บอกมา

 (เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ)

         กลุ่มนี้น่าจะเป็นเพื่อนๆของนาค ผู้บรรยายไม่ทราบชื่อเลย ขออภัยด้วยที่ไม่ได้ออกชื่อให้

กียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

  เดินรอบโบสถ์กันอย่างเงียบๆ เกือบครบ ๓ รอบแล้ว ได้บุญกันทุกๆคน เฉพาะอาเอ็นยิ้มแก้มปริเลยที่ได้มาร่วมบวชพระหลานขายในวันนี้

นายแก้ว  ถ่ายภาพ

  ยิ่งจะครบ ๓ รอบแล้ว คุณน้องเกาะติดคุณพี่โดยไม่ปล่อย

  นายแก้ว ถ่ายภาพ

 มองด้านหน้าขบวนกันมากแล้ว มามองท้ายขบวนกันสักรูปหนึ่งเปลี่ยนบรรยากาศกันมั่ง

     นายแก้ว  ถ่ายภาพ

  เมื่อแห่นาครอบๆโบสถ์ครบ ๓ รอบแล้ว ก่อนที่นาคจะเข้าโบสถ์นาคจะนำดอกไม้ธูปเทียนที่นำมาด้วย เข้าไปบูชาพัทธสีมาหน้าโบสถ์เป็นการสักการะพระประธานในโบสถ์เสียก่อน พัทธสีมานี้เป็นเสมือนเขตแดนต่อกัน ระหว่างพระกับฆาราวาส และเป็นการแสดงความเคารพต่อสถา่นที่ด้วย

 

  นาคกำลังจุดธูปเทียนและถวายดอกไม้สักการะแก่พัทธสีมาหน้าโบสถ์

    นายแก้ว ถ่ายภาพ

เกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา ถ่ายภาพ

เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่นาคจะเข้าประตูโบสถ์ไป จะมีการโปรยทานอีกครั้งหนึ่งเสร็จแล้วญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงก็จะอุ้มนาค มีญาติมิตรคนเฒ่าคนแก่เกาะติดตรงที่นาคถูกอุ้มนั้นเป็นพรวน เหมือนกับว่าขอเกาะชายผ้าเหลืองไปด้วย

   ก่อนจะเข้าโบสถ์นาคก็โปรยทานอีกครั้งหนึ่งจนหมดทานที่เตรียมมา ตอนโปรยทานนี้ชุลมุนวุ่นวายกันดี

 ทางนี้ ทางนี้  ผมขอสักเหรียญหนึ่งเถิดครับ ผมแย่งกับเด็กๆผมสู้เด็กไม่ได้หัวขนกันกับเด็กหัวแทบแตก สรุปแล้วยังไม่ได้เลย 

  โปรยกันให้ทั่วถึงนะครับท่าน ทางนี้ยังไม่ได้กันสักเหรียญหนึ่งเลย

 เมื่อจะเข้าประตูไปนั้นกลุ่มผู้อุ้มก็ยกนาคชูขึ้นไปสูงๆ ให้นาคเอื้อมมือไปแตะขอบประตูด้านบน อันนี้ผมก็ยังไม่ได้ค้นคว้าว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ผมคิดเล่นๆว่า ประตูโบสถ์บางแห่งอาจจะเตี้ย ถ้าคนแบกนาคชูนาคขึ้นไปสูงๆ หัวนาคอาจจะโขกกับขอบประตูด้านบนได้ จึงให้นาคชูมือกันเอาไว้

 และก่อนนาคจะเข้าประตูโบสถ์ไปนั้น ถ้ามีกองเชียร์ก็จะบรรเลงเพลงเชิด นางรำที่อยู่ด้านนอกก็จะรำกันสุดเหวี่ยงเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อนาคเข้าประตูไปแล้วกองเชียร์ก็จะหยุดบรรเลง นางรำก็จะหยุดแล้วก็จะไชโยโห่ร้องกันเป็นการใหญ่

   ฝ่ายนาคเมื่อเข้าไปในโบสถ์โดยพ่อแม่จะจูงนาคเข้าไป  นาครับผ้าไตรจีวรอุ้มเข้าขอ     พรรพชา  เป็นสามเณรต่อพระอุปัชฌาย์แล้ว ออกมาครองผ้า แล้วจึงเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุต่อไป

ยในพระอุโบสถ นาครับผ้าจีวรจากพ่อและแม่เพื่อบวชเป็นสามเณรก่อน เสร็จแล้วจึงครองผ้าจีวรนี้

  นาคขอบวชเป็นสามเณรต่อพระอุปัจฌาย์

บวชเป็นสามเณรเรียบร้อยแล้วก็รับผ้าจีวรจากพระอุปัจฌาย์ เพื่อนำไปครองผ้า (แต่งเครื่องแบบพระ) เพื่อทำพิธ๊บวช

พระพี่เลี้ยงกำลังช่วยกันจัดแต่งผ้าจีวรให้เข้าที่ เสร็จแล้วเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์เพื่อทำพิธีบวชต่อไป

พิธ๊บวชต่างๆมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ก็จะเป็นพระโดยสมบูรณ์

       พิธีบวชพระของนาคโจก็เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยการเสนอภาพอย่างคร่าวๆเท่านั้น ที่จริงยังมีภาพในพิธีการบวชโดยละเอียดอีกมาก ซึ่งไม่สามารถลงภาพอย่างละเอียดทั้งหมดได้เพราะว่าเนื้อที่มีจำกัด

เมื่อบวชเป็นพระเสร็จแล้วก็นิมนต์พระบวชใหม่และพระอีกหลายรูปทั้งวัด ไปฉันเพลที่หอฉันเพื่อเป็นการฉลองพระใหม่ไปในตัวด้วยเลย

และท่านผู้มีเกียรติที่มาในวันนี้ ก็จะได้รับประทานอาหารร่วมกันด้วย หลังจากฉลองพระบวชใหม่เรียบร้อยแล้ว....

ย้อนกลับไปตอน ๑  คลิ๊ก

 

ยแก้ว รายงาน ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้321
เมื่อวานนี้736
สัปดาห์นี้1057
เดือนนี้10304
ทั้งหมด1340188

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online