นกเอ๋ยนกน้อย

ฤดูฝนมาถึงอีกแล้ว ต้นไม้ใบหญ้าที่ทำท่าจะแห้งตายพอได้รับน้ำฝนเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง แม้แต่ต้นไม้ที่ปลูกในกระถางรอบบ้าน แม้จะรดน้ำทุกวันก็ไม่สดชื่นงอกงามเท่ากับได้รับน้ำฝน เนื่องจากบ้านของผู้เขียนอยู่นอกเมืองออกมาและมีเนื้อที่พอที่จะปลูกต้นไม้ได้ จึงมีทั้งไม้ดอกไม้ใบรอบบ้านรวมทั้งมะม่วงสองต้นที่อยู่ริมรั้วนอกกำแพงบ้าน
แต่หลังๆมานี้มักจะมีงูเข้ามาในบ้านหลายครั้ง เพราะที่ดินแปลงหน้าบ้านผู้เขียนยังเป็นที่รกร้าง เจ้าของคงจะซื้อทิ้งไว้เฉยๆ ผู้เขียนจึงได้ปลูกต้นไม้ให้น้อยลง ต้นที่รกๆก็ตัดทิ้งไปบ้าง ต้นที่เหี่ยวแห้งตายไปก็ไม่ปลูกเพิ่มอีก
ดอนญ่า มีดอกทั้งปี
ต้นไม้ในกระถางหลายต้นปลูกตั้งแต่มาอยู่บ้านนี้ อายุก็หลายปีทีเดียวเช่น ต้นโมก ยางอินเดีย ต้นจั๋ง ต้นไม้พวกนี้จะไม่ใหญ่เพราะถูกจำกัดด้วยเนื้อที่ เพราะอยู่นอกเมืองรถราก็ไม่ค่อยมีวิ่งผ่าน สภาพแวดล้อมจึงยังค่อนข้างร่มรื่น
ต้นไม้กับสุนัขชื่อ การ์ตูน
ทุกเช้าจะได้ยินเสียงนกนานาพันธุ์ส่งเสียงร้องทักทายกันให้เซ็งแซ่ จนบางครั้งผู้เขียนอยากจะถามนกพวกนี้ว่า ไม่เจอกันมานานแล้วหรือไงถึงได้เมาท์กันให้แซดขนาดนี้ เหตุที่พูดถึงต้นไม้ใบหญ้าและนกก็เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลุงจำรัส (หลานชายของผู้เขียน) ได้พาครอบครัวจากกรุงเทพมาเยี่ยมบ้านราชบุรี ความที่เป็นคนชอบถ่ายรูป ลุงจำรัสมักจะถ่ายรูปตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างไปเรื่อยๆ ตามสุมทุมพุ่มไม้ แล้วก็พบว่ามีนกมาทำรังไว้ที่ต้นโมกที่ปลูกไว้ในกระถางหน้าบ้านใกล้หน้าต่าง
ต้นโมก ที่นกกระจิบมาวางไข่
.ในรังมีไข่นกสีน้ำตาลลายๆ อยู่สองฟอง ลุงจำรัสคาดว่าน่าจะเป็นนกกระจิบเพราะเท่าที่สังเกตดู แถวนี้มีนกกระจิบเยอะมาก ทุกคนตื่นเต้นที่เห็นรังนกและไข่นกใกล้ชิดขนาดนี้ เคยเห็นแต่รังนกที่มักจะอยู่บนต้นไม้สูงๆ
หลังจากนั้นผู้เขียนได้แอบดูแม่นกทุกวัน (ใช้คำว่าแอบดูเพราะถ้าแม่นกเห็นคน อาจจะกลัวแล้วไม่กลับมาฟักไข่อีก) ดูจากรังนกที่แม่นกทำไว้ ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง
มีไข่นก 2 ฟอง
แม่นกใช้เศษไม้เล็กๆมาสอดประสานกันจนเป็นรังสำหรับลูกน้อยได้เป็นอย่างดี ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านกตัวเล็กๆจะทำได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ขนาดของรังเล็กกะทัดรัดพอเหมาะกับไข่ทั้งสองฟองของแม่นกพอดิบพอดี ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์เหลือเกิน
ผู้เขียนได้สังเกตพฤติกรรมของแม่นกทุกวัน แม่นกจะมากกไข่ตลอดวัน เว้นแต่ตอนไปหาอาหาร (เดาเอา ) แต่เดี๋ยวก็กลับมากกไข่ต่อ พอแม่นกไม่อยู่ ผู้เขียนจะไปดูว่าไข่ฟักแล้วหรือยัง คิดว่าตอนแรกแม่นกยังกลัวอยู่ เวลาที่ผู้เขียนเดินผ่านรัง ก็จะบินหนีไป แต่ต่อมาหลายวันเข้าแม้จะเดินผ่าน แม่นกก็ไม่หนี ยังกกไข่ต่อไป
ฟักไข่เป็นตัวแล้ว
จนเข้าวันที่ 10 ของการกกไข่ เราก็ได้เห็นลูกนกเป็นครั้งแรก ดูแม่นกจะหวงและเป็นห่วงลูกนกมากตามสัญชาติญาณของความเป็นแม่ เพราะมีหลายครั้งที่พอเห็นแม่นกไม่อยู่ ผู้เขียนก็มักจะไปดูลูกนก ทันใดจะได้ยินเสียงแม่นกร้องเสียงแหลม แกร๊กๆๆ อยู่บนกิ่งมะม่วงหน้าบ้าน แล้วสักครู่ก็บินกลับมาหาลูกที่รังตามเดิม
เหลือลูกนกตัวเดียว
ผ่านมาอีกห้าวัน ผู้เขียนก็ต้องตกใจที่ลูกนกที่ฟักเป็นตัวแล้วเหลือแค่ตัวเดียว อีกตัวไม่รู้อยู่ไหน หารอบๆต้นโมกก็ไม่มี เป็นไปได้ที่อาจจะพลัดตกจากรังแล้วถูกตัวอะไรกินไปหรือมีงูเข้ามากินก็ไม่อาจรู้ได้
ผู้เขียนได้เก็บภาพการเติบโตของลูกนกมาเป็นลำดับ แต่เนื่องจากกล้องที่มีอยู่เป็นกล้องปัญญาอ่อน ภาพที่ได้จึงมักไม่คมชัดเท่าไรนัก หลายวันต่อมาลูกนกเริ่มมีขนขึ้นตามตัว และขึ้นทั้งตัวหลังจากฟักเป็นตัวได้ 10 วัน เป็นลูกนกที่สวยงามมาก
ขนขึ้นเกือบเต็มตัวแล้ว
แล้ววันที่ลูกนกจากไปเผชิญโลกกว้างก็มาถึง เพราะผู้เขียนออกไปดูลูกนกเหมือนเคย แต่ไม่มีลูกนกอยู่ในรังเสียแล้ว รวมเวลาตั้งแต่เจอไข่นกจนถึงวันที่นกน้อยจากไป เป็นเวลา 20 วันพอดี ก็ขอให้นกน้อยอยู่รอดปลอดภัยเถิดนะ อยู่เพื่อประดับโลกใบนี้ให้น่าอยู่และสวยงามต่อไป
ลูกนกโตเต็มที่ พร้อมบินสู่โลกกว้าง
แว่วเสียงเพลงของสุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ “ โบกบินไปแล้วหรือคีรีบูน อาดูรสิ้นสูญเสียดายใจปอง โอ้คีรีบูนเสียงทอง เจ้าลืมหอห้องกรงทองสิ้นแล้วหรือนี่ ..... “ ทำให้คิดถึงเจ้านกน้อยขึ้นมาทันที..
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า โชคดีทุกท่าน สวัสดี.
อ. ปลาทอง
3 มิถุนายน 2557