รถมาสด้าเก่า ปรับปรุงใหม่
มาสด้า รุ่นปี 2519 ปรับปรุงใหม่
รถยนต์มาสด้า รุ่นปี 2519 คันนี้จนถึงวันนี้ก็มีอายุได้ 38 ปีแล้วครับ รถคันนี้พ่อผมใช้รับจ้างรับส่งนักเรียนเช้าเย็นตั้งแต่พ่อยังหนุ่มๆ ปัจจุบันพ่อเกษียณตัวเองเพราะอายุมากแล้ว พอดีกับรถคันนี้ก็ถึงเวลาปลดระวาง สภาพล่าสุดของรถคือเครื่องยนต์ที่ทรุดโทรมมากจนวิ่งไม่ได้ ตัวถังรถโดยรอบผุอย่างมาก สีกะเทาะไปทั่วทั้งคัน เบาะนั่ง ประตูรถชำรุด
สภาพของรถ ก่อนเข้าซ่อม
ผมบอกพ่อว่าผมขอนะรถคันนี้ จะเอาไปซ่อมทำใหม่ผมชอบมากรถรุ่นเก่าแบบนี้ ยิ่งเก่ายิ่งเลอค่า พ่อบอกว่าไปซ่อมจะคุ้มหรือ คงต้องใช้เงินพอสมควร ไหนจะทำเครื่องใหม่ ไหนจะต้องปะผุและทำสีอีก ที่ว่าคุ้มหรือไม่หมายความว่าเสียเงินซ่อมแล้วจะยังวิ่งได้อีกเท่าไรเชียว แต่ก็ตามใจนะ อยากทำก็ทำไป
สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือหาอู่ซ่อม ผมจึงขอให้พี่ชายช่วยเป็นธุระให้เพราะผมทำงานอยู่ กทม. คงไม่สะดวกนัก อีกอย่างก็คิดว่าทำที่บ้านนอก ค่าจ้างค่าแรงต้องถูกกว่าใน กทม.เป็นแน่ ในที่สุดก็ได้อู่ในท้องถิ่นนั่นแหละ เป็นอู่เล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมที่ต่างจังหวัดไม่เท่าไร
ช่างมาลากรถไปอู่
เจ้าของอู่เป็นช่างเก่าแก่ ชื่อนายเชิด เป็นอู่เล็กๆ แกรับซ่อมรถมากว่ายี่สิบปีแล้ว ดูเป็นคนซื่อๆ ตอนนี้แกได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน เลยรับงานน้อยลงเพราะไม่ค่อยมีเวลา แกบอกว่าถ้ารีบคงรับไม่ได้ แต่ถ้าไม่รีบก็พอได้ ผมเลยบอกว่าไม่รีบร้อนหรอก แต่เสร็จเร็วก็จะดี เพราะผมอยากโชว์รถคันนี้มาก
สภาพของอู่ซ่อมรถเก่าแก่ไม่แพ้รถที่จะเข้าซ่อมเลยนะเนี่ย
อาทิตย์ต่อมา ผมและพี่ชายได้ไปที่อู่เพื่อติดตามผลการซ่อมรถ ช่างเชิดบอกว่า ดูแล้วเครื่องยนต์ยังอยู่ในสภาพดี ใช้งานได้ แกบอกว่าเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ถ้าไม่มีควันขาวออกมาจากท่อไอเสีย แสดงว่าเครื่องยังไม่หลวม ตอนแรกที่ว่าสตาร์ทไม่ติด แกเช็คแล้วปรากฏว่าแบตเตอรี่ใช้งานไม่ได้ ต้องเปลี่ยนใหม่ ท่อปั้มลมไม่ดีแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนใหม่
ช่างเชิดกำลังตรวจดูสภาพรถ
การที่จะไปฟิตเครื่องหรือยกเครื่องใหม่ยังไม่จำเป็น เอาไว้ใช้ไปเป็นอะไรค่อยมาทำตรงจุดนั้นดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเงินมาก เรื่องของท่อไอเสีย ผุมาก ทำให้เวลาวิ่งมีเสียงดัง ต้องรุใหม่เปลี่ยนทั้งอัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปทำที่ร้านท่อไอเสีย ส่วนอื่นๆ เช่น ระบบสายไฟต้องเดินใหม่หมด เมื่อปะผุทำสีใหม่ให้เรียบร้อยแล้วจึงค่อยทำ
ในส่วนนี้ผมเสียค่าใช้จ่ายไปเพียง 4,000 บาทเป็นค่าแบตเตอรี่ ปั้มลมรวมตลอดถึงค่าแรงค่าลากรถเบ็ดเสร็จ ขั้นตอนต่อไปคือปะผุและทำสีรถ ช่างเชิดแนะนำว่ามีอู่รับทำที่แกรู้จักดี เจ้าของอู่ชื่อนายพงษ์ ฝีมือใช้ได้และราคาไม่สูงมาก เราจึงนำรถไปที่อู่ช่างพงษ์เพื่อให้ตีราคาการปะผุทำสี อู่ช่างพงษ์อยู่ริมคลองชลประทาน ใกล้บ้านผม จึงสะดวกที่ผมจะได้ไปดูรถได้ง่าย
ลุงจำรัสกำลังเจรจากับช่างพงษ์ ซึ่งเป็นช่างเก่าแก่ประจำอู่
ช่างพงษ์เป็นคนพูดเก่ง ท่าทางเป็นคนอารมณ์ดี แกเล่าให้ฟังว่ารถที่แกทำส่วนใหญ่เป็นรถเต็นท์ที่ชนมา เอามาซ่อมทำสีใหม่ให้ดูดีเพื่อจะได้นำไปขายต่อไป ดังนั้นงานที่ออกมาก็เพียงให้ลูกค้าเต็นท์สนใจและขายรถได้เท่านั้น แต่สำหรับรถที่เอาไปใช้เองแบบรถของเรา แกจะทำให้คนละอย่างกับรถเต็นท์ ใช้วัสดุอย่างดี ไม่ให้มาต่อว่าได้ภายหลังและรับประกันให้ว่าถ้าทำไปสีบวมหรือพอง แกจะแก้ไขให้ทันที
ก่อนที่จะทำช่างพงษ์ ดูรายละเอียดที่จะปะผุ
ว่าแล้วช่างพงษ์ก็สำรวจไปทั่วคันรถ ดูข้างนอกข้างในรถ ใต้ท้องรถ เรียกว่าดูทุกจุดที่แกจะต้องทำ แล้วสรุปออกมาว่า ขอคิดเบ็ดเสร็จทั้งปะผุทำสีใหม่ รวม 30,000 บาท พอแกบอกราคา ผมแอบคิดในใจอย่างลิงโลดว่าถูกมากๆ เพราะผมเคยไปสืบราคาที่ กทม. เฉพาะทำสีใหม่ก็ตกเกือบสี่หมื่นเข้าไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าการใช้วัสดุและฝีมือจะแตกต่างกันอย่างไร ช่างที่ กทม.ก็น่าจะเป็นคนมาจากต่างจังหวัดทั้งนั้น
ดูรายละเอียดที่จะปะผุ ดูแล้วจะปะกันไหวหรือเปล่านะเนี่ย
ตอนนี้ผมคิดว่าทำไปก่อนละกัน ถ้าใช้ไปปีสองปีเป็นอะไรค่อยว่ากันใหม่ ประกอบกับผมมีงบจำกัด นอกจากการปะผุพ่นสี ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องทำเกี่ยวกับรถคันนี้ ผมไม่ต่อรองราคาแต่ขอให้หุ้มเบาะหุ้มคอนโซลให้ใหม่ ทำกุญแจรถใหม่เพราะกุญแจเดิมสภาพไม่ดีแล้วค่อนข้างหลวมทำให้สตาร์ทรถยาก ช่างพงษ์ก็ตกลง แกบอกว่าคงใช้เวลาประมาณเดือนกว่าๆ น่าจะเสร็จ ระหว่างนี้ไปดูรถได้ที่อู่ตลอดเวลา
รถระหว่างปะผุ
อีกสองอาทิตย์ต่อมาผมได้ไปที่อู่เพื่อพูดคุยกับช่างพงษ์และติดตามผลการทำงาน ปรากฏว่างานปะผุยังไม่เสร็จ เสร็จเฉพาะช่วงหน้ารถที่ผุมากหน่อย ช่างพงษ์บอกว่าดูแล้วรถคันนี้ผุไม่มาก ที่ผุส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องโดยสาร
แกยังคุยให้ฟังว่างานซ่อมรถเก่าเป็นงานที่ค่อนข้างยาก เป็นงานจุกจิก ต้องหาจุดที่ผุจึงใช้เวลามาก ช่างใหม่ๆมักไม่มีความอดทนและทำงานไม่ละเอียด ช่างปะผุคนนี้เป็นช่างเก่าแก่ ทำงานกับแกมานานแล้ว หมดรุ่นนี้แล้วคงจะหาช่างที่ชำนาญแบบนี้ยาก
ช่างเก่าแก่ประจำอู่ทำงานอย่างขมักขะเม่น พลางภาวนาว่า ไม่ท้อ ไม่ท้อ ไม่ท้อ
หลังจากนั้นช่างได้ชี้ให้ดูว่าจะทำอะไรบ้าง ตรงไหนยังสภาพดี ตรงไหนต้องทำ ก่อนอื่นช่างต้องขัดสีหารอยสนิมก่อนจึงจะรู้ว่าผุแค่ไหน
ปะผุแล้ว มองเห็นหนทางข้างหน้าที่สดใสแล้ว
โป๊วสี ขัดสีลงไปเห็นแววว่าจะสวยงามละนะ
ตกลงผมจะหาชิ้นส่วนอะไหล่มาให้ช่างคือ ไฟเลี้ยวหน้า ไฟเลี้ยวแก้ม ไฟหรี่ ยางกันชน เป็นต้น ผมตั้งใจว่าจะพยายามหาของเดิมๆ อาจจะเป็นที่วรจักรหรือตามสุสานรถต่างๆ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็คงต้องใช้ของเทียมที่ใกล้เคียง ปัจจุบันคนหันมาเล่นรถเก่ากันมากขึ้น ผมจึงคิดว่าอะไหล่เทียมน่าจะหาได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นของแท้คงหายากอยู่ ซึ่งในเวลาต่อมา ผมก็ได้อะไหล่ครบตามต้องการ อะไหล่แท้หาไม่ได้ จึงต้องใช้อะไหล่เทียมทั้งหมดซึ่งผมคิดว่าก็ใช้ได้อยู่
เรื่องสีรถที่จะทำ ใจผมอยากได้สีแดงมาสด้าหรือสีเหลืองเชฟ สีใดสีหนึ่ง เพราะเห็นว่ามันดูโดดเด่นกว่าสีเรียบๆ ในที่สุดตกลงผมเลือกสีเหลืองเชฟ ช่างบอกว่าถ้ากลัวสีจะเพี้ยน จะนัดให้ไปดูสีที่ร้านก่อนทำสี โดยร้านจะผสมสีให้เราดูก่อนว่าเราพอใจหรือไม่ แต่หลังจากไปดูสีที่ร้านปรากฏว่าร้านบอกว่าเหลืองเชฟ ยังไม่มี ผมจึงเลือกสีเหลืองมุกแทน ซึ่งทำออกมาแล้ว ก็เป็นที่พอใจทีเดียว
ทำสีแล้วมองดูก็งดงามไม่เบาเลยเชียวนะ
ทำสีแล้วดูเอาก็แล้วกันว่างามขนาดไหน
หลังจากนั้นอีกสองสัปดาห์ช่างก็ได้แจ้งผมว่ารถเสร็จแล้วให้ไปตรวจสอบและรับรถได้เลย ซึ่งเมื่อดูทั้งหมดแล้วก็เป็นที่พอใจ
เสร็จแล้วก็ถึงขั้นตอนการตรวจรับงานกันละ
ดูความเรียบร้อยของงานแล้วไม่มีที่ติเลย
ขั้นตอนต่อไปที่จะทำคือ ทำท่อไอเสียใหม่ เดินสายไฟใหม่หมด ติดแก๊ส ( เดิมใช้เบนซิน ) และไปดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องแจ้งขนส่งเกี่ยวกับเปลี่ยนประเภทรถจากรถรับจ้างเป็นรถนั่งส่วนบุคคล แจ้งเปลี่ยนสีรถ รวมถึงต่อภาษีประจำปีด้วย
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย มาสด้า ปี 2519 ปรับปรุงใหม่ ก็พร้อมลุยบนท้องถนนได้เลย
MAZDA : ผมพร้อมแล้ว คุณล่ะพร้อมหรือยัง !!
ลุงจำรัส : ผมก็พร้อมแล้ว
MAZDA : ถ้าอย่างนั้น เราไปกัน เล้ยยยย ........
ลุงจำรัส
เขียนโดย ลุงจำรัส
10 พฤศจิกายน 2557