นายชุ่ม คนตัดผมแห่งตลาดเจ็ดเสมียน

นายชุ่ม คนตัดผมแห่งตลาดเจ็ดเสมียน (ภาพโดยคุณสมเกียรติ อารีย์)

      ใครๆที่ในตลาดเจ็ดเสมียนเรียกชายสูงอายุผู้นี้ว่า ตาชุ่ม ใช่แล้วครับคนๆนี้คือนายชุ่ม ผู้อาวุโสแห่งตลาดเจ็ดเสมียน และเป็นช่างตัดผมที่แทบทุกคนในเจ็ดเสมียนต้องรู้จัก เพราะว่าตาชุ่มตัดผมคนในตลาดเจ็ดเสมียนมาช้านาน เพิ่งจะเลิกกิจการไปเมื่อไม่นานมานี้เอง

       เมื่อครั้งที่ตลาดเจ็ดเสมียนแถวที่สองคือแถวใหม่ปลูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๒ นั้น ตลาดแถวใหม่ที่สร้างขึ้นนี้มีเพียง ๑๑ ห้องเท่านั้น และหนึ่งในห้องเหล่านี้มีชายหนุ่มหน้าตาเข้มและหญิงสาวคนหนึ่งได้พากันเข้ามาอยู่อาศัย เมื่อห้องต่างๆเหล่านี้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วในปลายปี พ.ศ.๒๔๙๒

   ทั้งสองคนนี้คือนายชุ่มและนางมั่น สองสามีภรรยา ที่เมื่อแรกๆนั้นก็ยังไม่มีใครรู้ว่าแกมาจากที่ไหน เมื่อมาอยู่เข้าที่เข้าทางกันเรียบร้อยแล้ว นายชุ่มก็ได้ประกอบอาชีพตั้งเป็นร้านตัดผมขึ้นมา ส่วนนางมั่นก็ไม่ได้ทำอะไรเพียงแต่เป็นแม่บ้านเฉยๆ อยู่กันอย่างมีความสุข พออยู่พอกินกันไปตามอัตภาพ

   ไม่นานนักร้านตัดผมตาชุ่มก็ได้รับความนิยมจากคนเจ็ดเสมียนและตำบลใกล้เคียงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นตาชุ่มยังเป็นนักเตะตะกร้อลอดบ่วงฝีมือ (ตีน) ดีอีกด้วย

ร้านค้าของนายเค่งนางน้อยเมื่อ ๓๐ ปีมาแล้ว ในภาพนี้จะเห็นนายเค่ง เจ้าของร้านยืนเท้าเอวอยู่ข้างหลัง นายจำเนียร คุ้มประวัติ  และริมซ้ายของภาพจะเห็นเด็กคนหนึ่ง เขาคือ เด็กชาย วรรโณ คุ้มประวัติ ร้านค้าของนายเค่งนี้อยู่ใกล้กับห้องของนายชุ่ม มีร้านถ่ายรูปและห้องของนางสละคั่นอยู่เท่านั้น

     ที่ตลาดเจ็ดเสมียนเวลานั้น นายเค่งสามีของนางน้อย หยู่เอี่ยมซึ่งตั้งร้านขายของเครื่องใช้จิปาถะ ได้รวบรวมผู้ที่รักการเตะตะกร้อ ได้ ๕ - ๖ คน ในจำนวนนี้มีลุงพานคนหนึ่งที่อยู่ในจำนวนนี้ด้วย มาเตะตะกร้อกันในตอนเย็นๆที่กลางตลาดเจ็ดเสมียนเสมอๆ

     บ่วงที่จะเตะให้เข้าไปนั้นก็นำบ่วงมาแขวน โดยเอาปลายเชือกโยนคล้องขึ้นไปที่กิ่งต้นจามจุรีที่หน้าบ้าน ป้าสละ (แม่นายแก้ว) แล้วชักลอกบ่วงอันนั้นขึ้นไปจนสูงได้ที่ เอาปลายเชือกไปผูกไว้ที่ชายคาบ้านนายชุ่ม

    ดังนั้นนายชุ่มก็เป็นนักเตะคนหนึ่งที่อยู่ในตะกร้อลอดบ่วงของวงนี้ ในตอนเดือนมีนาคม - เมษายนซึ่งเป็นหน้าร้อน จึงมีการเตะตะกร้อลอดบ่วงกันที่กลางตลาดเจ็ดเสมียนทุกวัน มีคนที่สนใจและชาวตลาดเจ็ดเสมียนออกมาจากบ้านมาล้อมวงดูกันอย่างสนุกสนาน ส่วนในเดือนอื่นๆนั้นก็มีเตะกันบ้างในบางวัน ยิ่งในหน้าฝนนั้นก็แทบจะหยุดเตะกันไปเลย

เมื่อวันคล้ายวันเกิดของนายเค่ง มีลูกหลานและญาติพี่น้อง มาอวยพรกันคับคั้ง ที่บ้านตลาดเจ็ดเสมียน

   ในอดีตของนายชุ่มนั้นไม่มีใครรู้ว่าเป็นมาอย่างไร แต่ก็พอจะเดาเอาได้ว่า นายชุ่มนั้นก่อนจะมายึดอาชีพตัดผม ก็คงจะเป็นทหารประจำการที่ใดที่หนึ่งอย่างแน่นอน เพราะว่าในสมัยนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรกันเมื่อใด จะมีนายทหารนอกราชการคนหนึ่ง

    คือ ร้อยเอก ประลอง บูชา เข้าสมัครรับการเลือกตั้งอยู่ทุกครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับเลือกสักครั้งเดียวเลย โดยในเขตตำบลเจ็ดเสมียนนั้นนายชุ่มคนนี้จะทำหน้าที่หาเสียงให้ ร้อยเอกประลอง บูชา อย่างขมักเขม้น

   ที่เป็นอย่างนี้นายชุ่มบอกว่า ผู้กองประลอง เป็นเจ้านายของเขามาก่อนก็เลยต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เมื่อผลการรับเลือกตั้งประกาศออกมาผู้ที่ได้เป็นผู้แทนประจำจังหวัดราชบุรี ก็จะเป็นนายเทียม ณ สงขลา คนหน้าเดิมทุกครั้งไป

เด็กหญิงกัลยา (คาดผม) บุตรสาวคนโตของนายชุ่ม อยู่ในหมู่เพื่อนรุ่นพี่ ที่หลังห้องแถวตลาดเจ็ดเสมียน ติดกับกัลยาทางด้านซ้ายนั้น คือ คุณสำรวย โตพฤกษา ผู้มีหมาจรจัดในหัวใจ สำหรับกัลยานั้นปัจจุบันนี้มีครอบครัวแล้ว และก็ยังอยู่ที่เจ็ดเสมียนนั่นเองครับ

ปัจจุบันนี้แม้จะเลิกกิจการไปแล้ว อุปกรณ์ต่างๆในการตัดผมบางอย่างก็ยังอยู่ กระจกเงา เคาเตอร์ลิ้นชักหน้ากระจกเงาก็ยังอยู่ที่เดิม

      นายชุ่มอยู่ที่เจ็ดเสมียนมาเก่าแก่นานเต็มที ไม่เคยมีเรื่องมีปัญหากับใคร อยู่อย่างเงียบๆกับยายมั่นจนในปัจจุบันนี้ มีลูกมีหลาน ลูกๆมีเหย้ามีเรือนแยกกันไปอยู่ที่อื่นกันเกือบหมด นายชุ่มกับนางมั่นก็ยังอยู่ที่ห้องแถวเดิมนั้น แต่กิจการร้านตัดผมก็ได้เลิกไปแล้ว

    ในรูปข้างบนนั้นน่าจะไปช่วยงานอะไรสักอย่าง ผู้ที่ส่งรูปมาไม่ได้บอกด้วย (ภาพข้างบนคุณสมเกียรติ อารีย์ ส่งมา) แต่ถ้าเจ้าของรูปมีข้อมูลบอกมาก็ออกความเห็นมาได้นะครับที่ข้างล่าง ผู้เขียนก็รู้สึกดีใจนะที่ได้เห็นผู้อาวุโส แห่งตลาดเจ็ดเสมียนคนหนึ่ง อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ไม่ได้เห็นกันมาช้านานแล้ว

นำเรื่องราวมาให้ทราบกันโดย นายแก้ว ๖ มิถุนายน ๒๕๕๓

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้267
เมื่อวานนี้746
สัปดาห์นี้2628
เดือนนี้8886
ทั้งหมด1328220

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

4
Online