ขอต้อนรับผู้มาเยือน (เจ๊กวย เจ็ดเสมียน)

     

      เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่เที่ยงวันผมไม่ได้รับการติดต่อจากใครเลย ที่เป็นดังนี้เพราะว่า โทรศัพท์ของผมบังเอิญแบตฯหมดโทรออกหรือรับเข้าก็ไม่ได้ จึงได้เสียบสายเอาไว้แล้วก็ลืมไปเลย

เจ๊กวยใส่เสื้อสีม่วง มาเยี่ยมผมถึงบ้านเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๒

 

เจ๊กวยแกมาที่บ้านผมตอนกลางคืน ด้านหลังตรงนอกชานที่นั่งคุยกันนั้นจะมืดมองไม่เห็นอะไรเลย ถ้าเป็นตอนกลางวันมานั่งตรงนี้จะเห็นทิวทัศน์ด้านหลัง เป็นอย่างภาพนี้

     ตกตอนค่ำประมาณทุ่มหนึ่งเห็นจะได้ แม่บ้านของผมบอกผมว่า เจ๊กวย (หัวไช้โป๊วแม่ตังกวย)โทรศัพท์มาบอกว่า จะมาหา มาเยี่ยมที่บ้าน ผมถามว่าทำไมเจ๊กวยจึงจะมาเที่ยวที่บ้านเราเสียมืดค่ำอย่างนี้ เขาบอกว่า เจ๊กวยติดต่อมาตั้งแต่ตอนบ่ายๆแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ ให้ผมอาบน้ำเร็วๆเถอะประเดี๋ยวเขาคงมาถึง

     ประมาณทุ่มครึ่ง ผมติดต่อกลับไปหาเจ๊กวยอีกที อาจารย์สุธีรา ลูกสาวคนโตของเจ๊กวยเป็นคนรับ  บอกว่าเวลานี้กำลังวิ่งมาใกล้จะถึงบ้านผมแล้ว แล้วก็ถามลักษณะของประตูบ้าน ให้ผมออกมายืนรอรับด้วย

     ผมเปิดไฟสปอร์ตไลท์ ที่ติดไว้ตรงชายคาบ้าน ส่องตรงไปยังประตูให้สว่างเข้าไว้ แล้วเดินออกไปรอที่ประตูหน้าบ้าน ไม่นานนักรถของเจ๊กวยก็มาถึง ผมบอกให้เข้ามาจอดในบ้าน เรียบร้อยแล้ว เจ๊กวยลงมาเป็นคนแรกแล้วทุกคนก็ลงมาจากรถกันหมด

     หลังจากทักทาย สวัสดีกันแล้ว เจ๊กวย (เจ้าของหัวไช้โป๊วแม่ตังกวย) อันลือลั่น ในวัย ๗๕ ปี ยังกระฉับกระเฉงแข็งแรง เหมือนกับเมื่อตอนแกยังสาวๆอยู่ และเมื่อตอนผมเด็กๆเป็นเพื่อนของนายทวี และยุพา น้องของเขา ก้าวเดิน ฉับๆนำหน้าผู้ที่มาด้วยอีก ๓ คน ในมือถือถุงกระดาษใบหนึ่ง เดินเข้าบ้านที่ภรรยาของผมเชื้อเชิญอยู่

    ทีแรกกะว่าจะเชิญเจ๊กวยและคนที่มาด้วยนั่งคุยกันที่ภายในบ้าน แต่ในวันนั้นอากาศร้อนเหลือเกิน ก็เลยบอกเจ๊กวยว่า ขอเชิญไปคุยกันตรงหลังบ้านซึ่งมีชานยื่นออกไป แล้วปูกระเบื้องลายๆเอาไว้ อากาศจะเย็นดีกว่า

     เมื่อได้ที่นั่งกันแล้ว ผมก็ถามว่า เจ๊กวยมาหาผมกลางค่ำกลางคืนอย่างนี้ มีธุระอะไรเป็นพิเศษกับผมหรือ เจ๊กวยบอกว่า ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก พอดีมาหาหลานๆที่อยู่สามชุก พร้อมกับชี้มือไปที่สุภาพสตรี อีกสองท่านที่นั่งถัดออกไป

“นึกถึงเก้ว ได้ว่าเคยบอกเจ๊ว่า มาอยู่ที่สามชุกก็เลยอยากมาหา”

    แล้วเจ๊กวยก็แนะนำผู้ที่มาด้วยอีก ๓ คน สองในสามคนนั้นผมรู้จักแล้ว คนแรกคือ อาจารย์ สุธีรา หรือคุณสุ เป็นลูกสาวคนโตของเจ๊กวย ได้ลาออกจากราชการครูแล้วมาประกอบอาชีพส่วนตัว

    ตั้งร้านขายขนมต่างๆอยู่ริมถนน ชื่อว่าร้าน “น้องทราย” อยู่ใกล้จะถึงทางรถไฟที่เข้าตลาดเจ็ดเสมียน แต่ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาที่สุดในจำนวนสินค้าของร้านน้องทรายนั้นคือ เค้กมะพร้าวอ่อน ซึ่งในวันนี้อาจารย์สุธีราก็เอามาฝากให้ผมและครอบครัวลองรับประทานดู ๑ กล่องด้วย

     คนที่นั่งถัดไปอีกคนหนึ่งนั้น ผมก็เคยเห็นและรู้จักแล้ว ได้พูดคุยกันที่ วันงานคนเจ็ดเสมียนพบกัน เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๒ ที่ตลาดเจ็ดเสมียน แต่ก็ได้พูดคุยกันเดี๋ยวเดียวจึงไม่ได้ทราบอะไรมากนัก แม้แต่ว่าชื่ออะไรผมก็ไม่ได้ถาม รู้เพียงคร่าวๆว่าเป็นลูกสาว เจ๊จวน ซึ่งเป็นพี่สาวของเจ๊ กวย เคยอยู่ที่เจ็ดเสมียนมาระยะหนึ่ง น่าจะเป็นรุ่นๆเดียวกับพวกน้องชายหรือน้องสาวของผม (ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะครับ) แต่คงไม่ใช่เด็กเจ็ดเสมียนรุ่นเดียวกับพวกผมแน่ๆ

    ไปอยู่ที่รัฐ  California สหรัฐอเมริกา นานมาแล้วแต่เดินทางไปมาระหว่างไทยกับสหรัฐบ่อยๆ  เพราะว่ามีบุตรสาวอยู่คนหนึ่ง มีครอบครัวแล้วอยู่ที่เมืองไทย และอยู่ที่ สามชุกนี่เอง

    คนที่นั่งริมสุดทางซ้ายมือนั้นก็คือบุตรสาวของ คนที่ผมกล่าวถึงมาแล้ว คือผู้ที่อยู่ที่สามชุก มีบ้านพักอยู่ในโรงพยาบาลสามชุก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า โรงพยาบาลหนองปลาดุก ใกล้ๆกับบ้านผม ซึ่งเป็นผู้รู้ทางจึงได้พาเจ๊กวยมาที่บ้านผม รวดเดียวโดยไม่ต้องโทรมาถามหลายหนเลย

    มาทำอะไรที่โรงพยาบาลสามชุกหรือ อาจจะมีท่านผู้อ่านสงสัย ก็ท่านผู้นี้คือ หมอปู ครับ เป็นทันตแพทย์ชื่อดังของโรงพยาบาลสามชุก ใครๆที่สามชุกและใกล้เคียงก็รู้จักทั้งนั้น

    หมอปูไม่ค่อยคุยอะไรมาก ได้แต่นั่งฟังผู้ใหญ่เขาคุยกันด้วยความสนใจ นานๆจึงจะพูดจะถามขึ้นมาสักที

     เรานั่งพูดคุยกันด้วยความสนุกสนาน โดยเฉพาะเจ๊กวย ยิ่งเป็นคนเสียงดังฟังชัดอยู่แล้วด้วย คุยไม่มีหยุดโดยมากมักจะเป็นเรื่องเก่าๆที่เจ็ดเสมียนเสียเป็นส่วนใหญ่ ใครเป็นใครเป็นญาติกับใครเจ๊กวยคุยออกมาหมด แม้แต่ผมเองพูดไปพูดมาก็เลยเป็นญาติห่างๆกับเจ๊กวยจนได้

    ผมมีอาอยู่คนหนึ่ง ชื่อกรรณิกา (ผมเรียกว่าอาซึง) เป็นน้องแท้ๆของพ่อผมคือนายหิรัญ เจ๊กวยบอกว่า อาซึงนี่แหละได้มาแต่งงานกับ นายเม้ง ซึ่งเป็นพี่ชายของเจ๊กวย อ้าวแค่นี้ผมก็เป็นพี่น้องห่างๆของเจ๊กวยแกแล้ว
เจ๊กวยบอกว่า “ เก้ว เราเป็นเหมือนพี่น้องกันนะ ”

    ก็ดีเหมือนกัน มีคนบอกว่า “มีเงินทองนับเป็นน้องเป็นพี่ ไปไหนก็มีมิตรไมตรีนิยม ” ผมนี่ก็โชคดีแท้ๆ ที่เป็นคนไม่มีเงินมีทอง แต่เจ๊กวย ซึ่งเป็นคนมีเงินมีทอง มีบารมี ยังแถมเป็นแม่ดีเด่นแห่งชาติอีกเสียด้วย ก็ยังมานับเป็นน้องเป็นพี่ แล้วก็อยู่ๆก็ยังมาเยี่ยมถึงบ้าน แล้วอย่างนี้ผมจะไม่เป็นคนโชคดีได้อย่างไร

    คุยกันจนถึงเกือบ ๔ ทุ่ม เจ๊กวยก็ยังคุยเสียงดัง นานเท่าไรเสียงก็ยังไม่มีตก  แกถามผมว่า ไปยังไงมายังไงจึงได้มาอยู่ที่นี่  มีลูกกี่คน ทำอะไร อยู่ที่ไหนกันบ้าง ผมก็เล่าให้แกฟังคร่าวๆ แกก็บอกว่าขอยินดีด้วยที่ทำตัวเองได้เจริญก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้

    ผมก็บอกว่าเจ๊กวยซิเป็นคนที่เก่งที่สุด แถมมีลูกที่เก่งๆหลายคนด้วย  เช่นหนูปัท เป็นต้น เจ๊กวยก็เลยคุยให้ฟังเรื่องหนูปัท อีกมากมาย เล่าถึงขั้นที่ไปทำงานอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพฯ ฝ่ายสินเชื่อ แต่ผมก็ไม่ขอเล่าต่อให้ท่านผู้อ่านทราบนะครับ ประเดี๋ยวจะยาวเกินไป

    เมื่อคราวที่ผมไปเจอกับเจ๊กวยที่ เจ็ดเสมียน เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๒ ที่ผ่านมาเจ๊กวยสั่งผมว่าตอนจะกลับให้ไปหาเจ๊ก่อน เจ๊จะมีของฝากกลับไปบ้านนิดหน่อยด้วย แต่วันนั้นตอนขากลับผมก็ลืมไป ก่อนกลับจึงไม่ได้ไปหาแก

    มาวันนี้เจ๊กวยอุตส่าห์หิ้ว ของฝากของแกมาด้วย คือ ผักกาดหวาน ที่แพคใส่ถุงอย่างดีแล้ว มีโลโก้แม่ตังกวย แม่ดีเด่นแห่งชาติอยู่ด้านหน้า หลายถุง หลายชนิด ที่ชอบใจมากที่สุดก็คือ หัวไช้โป๊วหวาน เป็นเส้นๆผัดกับไข่  ที่เจ๊กวยผัดมาให้สำเร็จแล้ว ถึง ๒ ถุงใหญ่ๆ  (ไม่ใช่ถุงที่แพคมาแล้ว)  รสชาติอร่อยมากๆ รับประทานเสีย ๒ มื้อซ้อนๆ

    จึงอยากจะถามว่า แบบที่ผัดกับไข่สำเร็จแล้ว แพคใส่ถุงมีขายที่ไหนบ้าง จะรีบตามไปซื้อเลยทีเดียว
   เมื่อถึงเวลาพอสมควร เจ๊กวยและผู้ที่ติดตามมาจึงลากลับเมื่อ ๔ ทุ่มกว่าๆ คุณแม่ของ   หมอปู  บอกว่านี่ถ้าให้อี๊ กวย คุยต่อไปเรื่อยๆคงถึงสว่างคาตาแน่ๆ

    ขอขอบคุณ เจ๊กวย ที่นึกถึงเด็กเจ็ดเสมียนในอดีต ที่ยากจนคนหนึ่งเมื่อตอนอาศัยอยู่ในตลาด ตรงกันข้ามกับบ้านเจ๊กวย ที่เคยโดยเจ๊กวย ว๊าก...!  เอาบ่อยๆ เมื่อผมไปรอ ไอ้วี แล้วเกะกะเจ๊กวยที่กำลังทำผมแต่งหน้าให้ลูกค้าอยู่

    ขอขอบคุณที่มีน้ำใจให้แก่กัน  แล้วก็อย่าลืมนะครับถ้ามาสามชุกอีกเมื่อไร มีเวลาเหลือละก็แวะเข้ามาด้วยนะ

บ้านเลขที่ ๒๒๒ ยินดีต้อนรับ ทุกเวลาครับ

 

เจ๊กวยสมัยเมื่อยังสาวๆกับเพื่อนหญิงคนหนึ่งเวลาผ่านมากว่า ๕๐ ปีแล้ว

นายแก้ว ผู้เขียน

 www.chetsamian.org ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อมูลและรูปภาพบนเว็บไซต์ทั้งหมด โดยไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ ทำซ้ำ แก้ไข หรือ ดัดแปลง ไม่ว่าจะเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด หากท่านใดต้องการข้อมูลบนเว็บไซต์ www.chetsamian.org กรุณาติดต่อ นายแก้ว โดยส่ง email ไปที่  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.   เพื่อขออนุญาติเสียก่อน เนื่องจากข้อมูลและรูปภาพบางเรื่องและบางชิ้น เป็นของท่านผู้เขียนและท่านสมาชิกที่ได้เขียนเรื่องต่างๆ และให้ขอยืมภาพต่างๆมาลงไว้ ซึ่งทางผู้จัดทำเว็บไซต์จำเป็นจะต้องขออนุญาตจากทางเจ้าของผลงานก่อนทุกครั้ง จึงเรียนมาเพื่อทราบ.

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้730
เมื่อวานนี้746
สัปดาห์นี้3091
เดือนนี้9349
ทั้งหมด1328683

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online