งานคนเจ็ดเสมียนพบกัน ครั้งที่ ๒ / ๓

          เมื่อพิธีกรกล่าวเกริ่นเรื่อง ที่มาที่ไปในงานคนเจ็ดเสมียนพบกันในครั้งนี้แล้ว จึงได้เชิญคุณ รังสฤษดิ์  ลักษิตานนท์ ผู้สนุบสนุนให้มีการจัดงานในครั้งนี้ ขึ้นมากล่าวเรื่องอะไรดีๆแก่คนเจ็ดเสมียน และเป็นผู้เปิดงานกันอย่างเป็นทางการด้วย  ผมไม่ต้องนำเอาคำกล่าวของคุณรังสฤษดิ์ มาลงตรงนี้อีกครั้งหนึ่งหรอกนะครับ เพราะว่าก็ได้ยินได้ฟังกันทุกคนแล้ว 

     คุณรังสฤษดิ์ ผู้นี้ท่านที่ได้มาชุมนุม ณ ที่นี้ก็คงจะทราบแล้วนะครับ ว่าเป็นใคร มาจากไหน เหตุใดจึงต้องมายุ่งอะไรกับ เรื่องของเจ็ดเสมียนด้วย  แต่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ หรือทราบเพียงนิดหน่อย ผมในฐานะเป็นเด็กเจ็ดเสมียนรุ่นพี่ของเขา จึงอยากจะเล่าให้ท่านได้ทราบบ้างนิดหน่อยนะครับ

    คุณรังสฤษดิ์นี้เป็นชาวเจ็ดเสมียนโดยกำเนิด เหมือนพวกผมและเด็กตลาดเจ็ดเสมียนอีกหลายๆคน ที่วิ่งเล่นอยู่ใน ตำบลเจ็ดเสมียนแห่งนี้ โดยเป็นบุตรของคุณพ่อ เกษม (ลุงเบี้ยว) และ คุณแม่ปราณีต ลักษิตานนท์ (วันนี้ก็มาด้วย) 
    บ้านหรือห้องแถวของท่านนั้นก็ติดๆกันกับห้องของแป๊ะอู๋ ขายกาแฟ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังขายอยู่  ครอบครัวของลุงเบี้ยวประกอบอาชีพ ก็คือเปิดเป็นร้านขายยาสมุนไพร และขายยาแก้ปวดหัวปวดท้อง เป็นยาที่ขายได้ทั่วไปไม่ได้เป็นยาควบคุม หรืออีกนัยหนึ่งก็คือร้านขายยาประเภท ค.นั่นเอง 

   คุณรังสฤษดิ์เมื่อตอนเด็กๆนั้น เป็นเด็กน่ารัก อ้วนท้วนสมบูรณ์  เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กอยู่นั้นผมเคยเห็นบ่อยๆ ที่ป้าเอ็งแม่ของเขาขยำข้าวกับไข่ต้มหรือบางทีก็ปลาทู แล้วรังสฤษดิ์ก็ออกมานั่งกินที่หน้าบ้านบ่อยๆ แม่ของผมก็ยังเคยขยำข้าวกับไข่ต้มเหยาะๆน้ำปลาลงไปหน่อย ให้ผมเดินไปนั่งกินกับคุณรังสฤษดิ์ถึงฝั่งทางโน้น นับว่าคุณรังสฤษดิ์นี้ก็เป็นคนเจ็ดเสมียนอย่างแท้จริง

 

          คุณรังสฤษดิ์ กล่าวจบแล้ว พิธีกรก็ดำเนินการต่อไป ตามแผนที่ได้คิดขึ้นไว้แล้ว ลำดับแรกนี้คือ การเชิญชวนกันขึ้นมาเล่นเกมส์ เล็กๆน้อยๆ กัน โดยคุณ รังสฤษดิ์ เป็นผู้มอบรางวัล คนใส่เสื้อยืดสีแดงนี้คือ คุณสุเมธ วงษ์วานิช เด็กเจ็ดเสมียนรุ่นเดียวกับคุณรังสฤษดิ์

          ในช่วงการเล่นเกมส์ กัน ใครเป็นใครดูกันเอาเองนะครับ (patipat ถ่ายภาพ)

     ในระหว่างนี้มีสาวเจ็ดเสมียน คนหนึ่ง ซึ่งผมเคยเอาเรื่องและรูปของเขา มาลงในเรื่องเก่าๆของชาวเจ็ดเสมียน บ่อยๆ คุณเจ๊ประนอม คนสวยแห่งตลาดเจ็ดเสมียน ในอดีตนั่นเองครับ  แต่งกายนุ่งผ้านุ่งยาว ใส่เสื้อสีแดงสดทีเดียว มาทักทายกับผม โอบกอดผมด้วยความดีใจที่ได้พบกัน เรื่องต่างๆของเจ๊ประนอมนั้น คิดว่าท่านผู้อ่านที่ติดตามเรื่องของผมตลอดมา คงจะรู้เรื่องของเจ๊ประนอมได้ดีแล้ว จึงไม่ต้องมากล่าวในที่นี้อีก

  คุณเจ๊ประนอม กำลังทักทายคนสูงอายุคนหนึ่งคือคุณปราณีต ลักษิตานนท์ และทักทายกันอย่างสนิทสนม  (patipat ถ่ายภาพ)

      ที่คุณเจ๊ประนอมกำลังคุยอยู่นั้น ท่านผู้นี้แหละครับ น่าจะเป็นคนเจ็ดเสมียนที่สูงอายุที่สุดของ เจ็ดเสมียนในเวลานี้ท่านคือ คุณแม่ประณีต ลักษิตานนท์ (ป้าเอ็ง) คุณแม่ของคนตระกูล ลักษิตานนท์ ไงล่ะครับ ผมอยากจะคุยถึงท่านสักหน่อย  เมื่อหลายเดือนก่อนผมได้คุยกับคุณอาภรณ์บุตรสาวคนหนึ่งของ ป้าเอ็ง ทางโทรศัพท์ คุณอาภรณ์บอกผมว่า คนสูงอายุในเจ็ดเสมียนเฮียเก้วเขียนมาหลายคนแล้ว แต่แม่ของ ภรณ์ เฮียเก้วยังไม่ได้เขียนเลยนะ ผมก็บอกคุณอาภรณ์ว่า ใจเย็นๆให้ถึงเวลาเสียก่อน

  จากซ้าย เจ๊ประนอม (สาวเจ็ดเสมียน) นายแก้ว  คุณแม่ปราณีต ลักษิตานนท์ (ป้าเอ็ง) คนขวาสุดนั้นคือ คุณบุปผา  ลักษิตานนท์   (Ai Pha Deg Chetsamian)  (patipat ถ่ายภาพ)

ดูภาพในอดีตระลึกความจำกันหน่อยนะครับ จากซ้าย ซ้อดั่ว คุณป้าละม่อม คุณแม่ปราณีต (ป้าเอ็ง) และซ้ายสุดนั้นเป็นคนรุ่นหลังอีกทีหนึ่ง คือน้าสะไภ้ของผมเองชื่อ คุณนิตยา ภาพนี้ถ่ายวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๑๑ กว่า ๔๐ ปีมาแล้วครับ (คุณจำเนียร คุ้มประวัติ ถ่ายภาพ)

 Sor Dua, Pa Mhom and my mother "Pa Eng", I can't remember the last person's name

Ai Pha from Chet Samian .

     ท่านผู้อ่านถ้าได้ติดตามเข้ามาอ่านเรื่อยๆ คงได้เคยเห็นภาพข้างล่างนี้ เป็นภาพที่สุภาพสตรีวัยรุ่น ของตลาดเจ็ดเสมียน ๒ คนซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน ถ่ายรูปร่วมกันที่เสาธงหน้าโรงเรียน วัดเจ็ดเสมียน เนื่องในงานสงกรานต์ประมาณกว่า ๕๐ ปีมาแล้ว สองคนนี้คือ เจ๊แดง และเจ๊แด๊ว ๆนี้เป็นบุตรสาวของนายซุ่ย นางอิน เจ้าของร้านทอง ง่วนหลีเฮง ในตลาดเจ็ดเสมียน ในภายหลังได้เลิกร้านทองไป เป็นตำนานของเจ็ดเสมียนจนทุกวันนี้ จนบัดนี้ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่

     เวลาผ่านมานานกว่า ๕๐ ปี แล้วเมื่อในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๒ นี้ เราได้พบกันอีกครั้งหนึ่งในวันคนเจ็ดเสมียนพบกัน กาลเวลาผ่านไปสิ่งต่างๆก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ทั้งสองคนนี้ก็ยัง มีใจที่จะต้องมาพบกับเพื่อนๆให้ได้ แม้ร่างกายในปัจจุบันนี้จะไม่ค่อยแข็งแรงนัก ปัจจุบันนี้ ทั้งสองคนนี้ไม่ได้อยู่ที่บ้านห้องแถวในตลาดเจ็ดเสมียนที่เดิมแล้ว ได้ย้ายไปอยู่ทางนอกๆแถวๆ โรงพยาบาลเจ็ดเสมียน เมื่อพวกเราได้พบกัน ต่างคนต่างก็ดีใจ และได้คุยกันถึงเมื่อสมัยตอนที่เป็นเด็กๆอยู่ที่เจ็ดเสมียนแห่งนี้ ขอให้ เจ๊แดงและเจ๊แด๊ว สุขภาพดี คราวหน้าพบกันอีกนะครับ

 เหมือนเดิมเลยครับ แม้เวลาจะผ่านมาตั้ง กว่า ๕๐ ปีแล้ว เจ๊แดงและเจ๊แด๋วก็ยังคุยกับพวกเราอย่างสนุกเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๒  (patipat ถ่ายภาพ)

 ทางด้านบนเวที ก็ยังดำเนินการไปเรื่อยๆ การเล่นเกมส์ต่างๆยังไม่จบ มีคนที่ได้รับรางวัลไปจากคุณรังสฤษดิ์ ไปแทบทุกคนแล้ว รางวัลที่คุณรังสฤษดิ์ได้มอบให้กับผู้ที่เล่นเกมส์ สนุกๆของเราในวันนี้นั้น จัดมาได้เหมาะสมกับพวกเราจริงๆ คือ   ร่มคันใหญ่ ของ เบียร์สิงห์  

และพิธีกรบนเวที (คุณจินตนา แววทอง)  ก็ทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งจริงๆ เหนื่อยหน่อยนะหนูนะ  (patipat ถ่ายภาพ)

         ในขณะที่ข้างบนเวทีมีการเล่นเกมส์กัน ผู้ที่อยู่ข้างล่างก็คุยกัน เป็นกลุ่มๆ ย้อนอดีตเรื่องความหลังกัน หัวเราะกัน ฮา ฮา อย่างสนุกสุขใจ พร้อมกับรับประทานอาหาร ที่มีผู้ที่ช่วยเหลือเอาอาหาร มาออกซุ้มอาหารในวันนี้ให้รับประทานกันอย่างไม่อั้นด้วย เช่นเจ๊ประนอม เจ๊กวย เจ๊ติ๋ว คุณนิตยา เจ๊แป๊ว  ท่านนายกเทศมนตร๊คุณสุทธิเดช ด้วย 

         เมื่อลำดับแรกคือการเล่นเกมส์จบลงไป พร้อมกับได้รับรางวัลกันทุกคนแล้ว ต่อไปก็เป็นการเปิดโอกาศให้ คนเจ็ดเสมียนที่มาในงานของพวกเราทุกคน ได้ออกมาแสดงความสามารถในการร้องเพลง ผมเดินไปถาม เจ๊ประนอมว่า เจ๊วันนี้จะร้องเพลงอะไร เจ๊บอกว่า เดี๋ยวคิดดูก่อน ผมเดาเอาว่า เจ๊ประนอมจะต้องร้องเพลง ประเภท อ่อนหวานมักจะเป็นเพลงของคุณรวงทอง (ศิลปินแห่งชาติคนหนึ่ง)  เพราะผมได้ทราบว่าเจ๊ประนอมชอบร้องเพลงของรวงทองมาตั้งนานแล้ว และน้ำเสียงก็ให้เสียด้วย

       เจ๊ประนอม (คนสวยแห่งตลาดเจ็ดเสมียนในอดีต) ขึ้นไปบนเวที เพื่อซักซ้อมกับนักดนตรีถึงเพลงที่ เจ๊แกจะร้อง โชว์ให้เพื่อนๆ น้องๆฟังในคืนนี้ (patipat ถ่ายภาพ)

         สิ่งที่จะลืมบอกพวกท่านไปไม่ได้เลยคือ ดนตรีที่มาทำเพลงเพื่อให้ท่านได้ร้องเพลงเพราะๆนี้ เป็นคนตรี  (karaoke ) เล็กๆ  ของสินค้าคุณภาพ ตราสิงห์ ซึ่งคุณรังสฤษดิ์ เป็นผู้นำมาเพื่อให้พวกเราได้สนุกสนานกันเต็มที่ แต่อันนี้ตามความเห็นของผมคนเดียวนะครับ เมื่อเราไปจัดตั้งในหอประชุมนี้ ไม่ถูกที่ถูกทาง หรือว่าลำโพงของเครื่องเล่นนั้นใหญ่เกินไป เสียงจึงก้อง และอู้ไปหมด ได้รับฟังเสียงคนที่ขึ้นไปพูดหรือคนที่ขึ้นไปร้องเพลง ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้คนข้างล่างไม่สนใจเท่าที่ควร

        ในตอนที่ผมได้รับเขิญให้ขึ้นไปพูดและร้องเพลงนั้น ผมมีความเห็นว่าเวลาร้องเพลงจะต้องมีดนตรีขึ้นให้ และจะมีตัวหนังสือเนื้อเพลงขึ้นที่แสตนด์ ให้ด้วย แต่ผมร้องไม่ค่อยได้เท่าไรเพราะผมฟังเสียงจังหวะและ คนตรีไม่ถนัด จึงร้องคร่อมจังหวะบ้าง เร็วไปช้าไปบ้าง ผมต้องขอโทษคนที่เรียกผมไปร้องเพลงด้วยครับ ผมทำไม่ได้ดีเลย จะโทษอะไรก็ไม่ถนัดนัก โทษตัวผมเองนั่นแหละปีนี้กำลังตกลงไปมากแล้ว  ขอโทษด้วยครับ

       ดังนั้นในโอกาสนี้ผมจึงขอแก้ตัวเอาเพลงเก่าๆของคุณ สุเทพ วงศ์กำแหง ที่ท่านได้ร้องเอาไว้นานมาแล้ว เพลงนี้ชื่อว่า  "อนุทินชีวิต " ครับ  นำมาร้องให้เพื่อนๆได้ฟังสักเพลงหนึ่ง เพื่อเป็นการพักสายตาสัก ๓ นาทีนะครับ แล้วจึงชมภาพของเจ๊ประนอมร้องเพลงต่อไป

  เจ๊ประนอมร้องเพลงให้พวกเราฟัง ภาพนี้เป็นเพลงแรกนะครับ ภาพนี้ถ่ายไม่ได้ดีเลยเพราะเฟลชของกล้องสาดไปไม่ถึง ขอประกาศว่า ใครที่ได้ถ่ายภาพเจ๊ประนอมร้องเพลงอย่างนี้ได้ชัดๆบ้าง ก็ขอให้ส่งมาเปลี่ยนภาพนี้ออกได้ครับ (patipat ถ่ายภาพ)

 ทีมพิธีกรของเรา ลงมาพักเหนื่อยและรับประทานอาหาร ในขณะที่บนเวทีก็มีการร้องเพลงกันอยู่เรื่อยๆ ใครจะร้องเพลงอะไร ก็ไปตกลงกับนักดนตรีของเรา อย่างเป็นกันเอง บุตรของเฮียโห้ ทั้งสองคนบอกว่าจะหารูปเก่าบ้างใหม่บ้างส่งมาให้ แล้วก็อย่าลืมเสียล่ะ (patipat ถ่ายภาพ)

    การพบปะสังสรรค์ในระหว่างคนเจ็ดเสมียนด้วยกันนี้ เป็นไปอย่างสนุกสนานสมกับที่พวกเราตั้งใจรอคอยกันมานาน ๒ ปี เต็มๆ งานเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรค์อันใด จนในที่สุดประมาณ ๔ ทุ่มครึ่งจึงได้แยกย้ายกันกลับด้วยความอิ่มเอมใจ และคิดว่าอีกนานเท่าไรจึงจะได้พบกันอีกหน

ชาวเจ็ดเสมียนโต๊ะนี้กำลังสนใจหนังสือที่ คุณรังสฤษดิ์ นำมามอบให้กับทุกคนที่มาในงานนี้

   แต่ยังมีภาพที่จะเสนอไปเรื่อยๆนะครับ และยังรอภาพจากอีกบางคนที่รับปากว่าจะส่งมาให้อยู่ เรื่องของเราก็จะยังเสนอไปเรื่อยๆครับ ถึงในตอนสุดท้าย ที่ได้รำวงกันสนุกสนานนั่นแหละ จึงได้ทยอยกันกลับ

        เสียดายเพื่อนๆบางคนที่ไม่สามารถจะมาร่วมงานกันได้ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง พวกเราพูดถึงและระลึกถึงเสมอครับ อโนทัย ไทยสวัสดิ์ (โล) จรินต์ ไทยสวัสดิ์ (จุ่น) พร้อมด้วยน้องๆ สุพจน์ ไพทูรย์ ตระกูลไทยสวัสดิ์ไปไหนกันหมด ไม่มีใครว่างมากันเลยสักคนเลยหรือครับ เพื่อนๆอุส่าห์คิดถึงแย่เลย

    ยุพา เมื่อปีที่แล้วก็เจอกัน แต่ปีนี้ไม่มาคงติดธุระที่สำคัญมาก หนุ่ย ก็ไม่ได้มาเสียดาย ศักดา วงษ์ยะรา คงไม่ได้ทราบข่าว อยู่ไกลถึงระยองเมื่อปีที่แล้วก็มา แต่ปีนี้ไม่เห็น

    พี่องุ่นทราบข่าวตั้งแต่ก่อนถึงวันงานแล้ว ว่ามาไม่ได้มีธุระที่ต้องเคลียร์ เรื่องงานในวันนั้นเสียด้วยหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ก็ไม่เป็นไรครับคงมีโอกาสได้พบกันบ้างละน่า เห็นพี่กัญญาบ่นคิดถึงนะครับ คุณนวลปรางค์ ไม่ได้มาพบกับเพื่อนๆเลยทั้งสองครั้งแล้ว โทรไปชวนก็มีอุปสรรคทั้งสองครั้ง 

    ส่วนคนที่ไม่ได้มาที่น่าเสียดายมากก็คือ คุณคนึง คุ้มประวัติ (จุ้ย) เตรียมตัวไว้แล้วเชียวจะพาภรรยาและลูกๆมาด้วย ก่อนจะถึงวันงานหนึ่งวันในตอนเย็นๆ บ้านที่อยู่กำแพงแสนซึ่งเป็นที่อยู่ในปัจจุบันนี้ ได้ถูกลมพายุฤดูร้อนพัดมาถล่มบ้าน หลังคาเปิดไปเสียหายพอสมควร จุ้ยจึงส่งข่าวมาให้ทราบว่า เสียดายจริงๆพรรรคพวกเอ๋ย มาไม่ได้ว่ะ

   วรรโณ  คุ้มประวัติ  รีบมาแต่วันเลยตั้งใจมาช่วยอาจารย์ กรรณิกา จัดทำทะเบียนของคนเจ็ดเสมียนที่มากันในวันนี้ กับเพื่อนที่เคยเป็นคนเจ็ดเสมียนด้วยกัน บอกผมว่าก็จะกลับในคืนวันนี้เหมือนกัน ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้คุยกันมาก ผมถูกลากไปลากมาระหว่างเพื่อนหลายรุ่น คุยกับใครไม่จบเรื่องสักคน เอ้อ..! สนุกดี โอกาศหน้าพบกันใหม่นะ วรรโนนะ

  นายแอด เด็กเจ็ดเสมียน ของแท้แน่นอน ทายาทรุ่นที่สองของผักกาดหวาน แม่กิมฮวย (น้องชายของสุรพงษ์ แววทอง) ที่เมื่อตอนเด็กๆในอดีต ขึ้นรถไฟแล้วนิ้วมือไปติดในรูเหล็ก บนรถไปจนเกิดการโกลาหลขึ้น นายสถานีลำไย โสภาพันธ์ เกาหัวยิกๆ เมื่อ ๔๐ ปีมาแล้ว (อ่านเรื่องนี้ได้ "คลิก" )   (patipat ถ่ายภาพ)

      โปรดติดตามตอนสุดท้ายของ งานคนเจ็ดเสมียนพบกัน ตอนสรุป  ได้ที่นี่ที่เดียว เร็วๆนี้

 

                                                                                                        

 

 

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้57
เมื่อวานนี้746
สัปดาห์นี้2418
เดือนนี้8676
ทั้งหมด1328010

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online