ไปสัมมนาที่เขื่อน ๓
บำเพ็ญประโยชน์
วันนี้เป็นวันที่สองของเราที่เขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) ตามกำหนดการเราจะมีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในช่วงเช้า ช่วงบ่ายเราจึงจะมาเข้าห้องสัมมนากันต่อ
เช้าวันนี้เราตื่นกันแต่เช้าแสงแดดในยามเช้าที่นี่เจิดจ้ามาก หลายๆคนเมื่อทำธุระกิจส่วนตัว และแต่งตัวเสร็จแล้วต่างก็ถือโอกาสถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกมื้อเช้านี้พวกเรารับประทานอาหารเช้าในสโมสรของการไฟฟ้ากัน ก่อนออกเดินทางไปโรงเรียนบ้านดงโคร่ง ซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้ไปอีกหลายกิโลเมตร แต่ละคนดูเหมือนตื่นเต้นที่จะได้ไปบำเพ็ญประโยชน์กันในครั้งนี้ีที่่โรงเรียน บ้านดงโคร่ง
เช้าๆอากาศดีอย่างนี้ แถมวิวก็สวยด้วยอีกต่างหาก จึงต้องถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระลึกอีกภาพหนึ่ง
ภาพนี้ขอให้ดูที่คนนะจ๊ะ ถ้าจะดูวิวก็มีวิวให้ดูโดยเฉพาะที่ภาพถัดไปจ้า...
ภาพนี้จะเป็นภาพประวัติศาสตร์ ในอีก ๖๐ ปี ข้างหน้า ไม่มีใครจะแสดงได้อย่างนี้อีกแล้ว
เราจงมารวมพลังสามัคคีกัน ยกมือขึ้น แล้วปรบมือพร้อมๆกัน เอ้า สาม สอง หนึ่ง .........!
โรงเรียนบ้านดงโคร่งอยู่ห่างจากเขื่อนประมาณ ๒๐ กิโลเมตร รถวิ่งย้อนไปตามเส้นทางที่เรามาจากกาญจนบุรีแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปเป็นถนนเล็กๆอีกประมาณ ๓ กิโลเมตร สองข้างทางเป็นไร่ข้าวโพดไร่มันสำปะหลัง มีบ้านคนประปราย พอใกล้จะถึงโรงเรียนจึงเริ่มเห็นบ้านคนหนาแน่นขึ้น
โรงเรียนบ้านดงโคร่ง แต่เดิมนั้นตั้งอยู่ที่หมู่บ้านดงโคร่ง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในสมัยนั้นมีนายสมาน อมรเอนกบุญ เป็นครูใหญ่
ต่อมาได้มีการก่อสร้างเขื่อนเขาแหลมขึ้น โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และพื้นที่ของโรงเรียนบ้านดงโคร่ง อยู่ในบริเวณที่น้ำท่วมด้วยทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จึงได้ จัดหาที่อยู่ใหม่ให้กับโรงเรียนที่จะถูกน้ำท่วม เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๖
ป้ายชื่อโรงเรียน สร้างอย่างทันสมัยและสวยงาม
โดยได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านดงโคร่ง หมู่ที่ ๗ ต.หินดาด อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มีเนื้อที่โดยประมาณ ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๕๐ ตารางวา
ในครั้งนั้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้สร้างอาคารเรียน ๒ หลัง บ้านพักครู ๓ หลัง ส้วมของนักเรียน ๑ หลัง พร้อมทั้งสนามฟุตบอล ๑ สนาม
โรงเรียนบ้านดงโคร่งได้เปิดการสอน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ รวม ๘ ห้องเรียน มีนักเรียนชายหญิงประมาณ ๑๘๐ คนมีข้าราชการครูทั้งหมด ๗ คน นักการภารโรง ๑ คน ปัจจุบันมีนาย สุชาติ เกริกชัยศรี เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดงโคร่ง ตั้งแต่ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ จนถึงปัจจุบันนี้
มาถึงครบแล้วก็มาถ่ายรูปกันก่อนที่สนามหน้าโรงเรียน ใครเป็นใครดูกันเองนะจ๊ะ
เมื่อพวกเราเดินทางไปถึงจึงขอเชิญชวนทุกคนที่มา บำเพ็ญประโยชน์กันในครั้งนี้ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกเสียก่อน เสร็จแล้วต่อจากนั้นใครมีหน้าที่อย่างไร ก็ไปทำตามหน้าที่ๆได้อาสามา
เช่นน้องๆคณะทำงานเกี่ยวกับของแจกเด็กๆนักเรียน ก็ช่วยกันลำเลียงสิ่งของต่างๆที่จะแจก มาจัดเตรียมไว้ที่ระเบียงหน้าห้องเรียน ในตอนนี้เด็กนักเรียนยังอยู่ในห้องเรียนกัน ครูยังไม่ได้ปล่อยออกมา แต่มีหลายคนเริ่มออกมาเมียงมองพวกเราแล้วในตอนนี้
ทีมงานของเรากำลังจัดเรียงของที่จะมอบให้แก่เด็กๆอย่างขมักเขม้น เพราะเวลามีน้อย
ท็อปและคณะ ช่วยกันจัดเตรียมเครื่องเสียงเพราะจะต้องมีการร้องการเต้นด้วยเพื่อความสนุกสนาน ฝ่ายด้าน อั๋น ก็เตรียมเกี่ยวกับการบันทึกภาพกิจกรรมต่างๆของพวกเรา
ผู้เขียนเดินสำรวจไปรอบๆโรงเรียน เห็นมีต้นไม้ที่เขาปลูกไว้เป็นแถวหน้าระเบียงห้องเรียน ออกดอกเต็มต้น สวยมาก มีชื่อติดไว้ที่ต้นว่า “ดอลยาลูเปีย” เจ้าหน้าที่ กฟผ.ที่มากับพวกเราด้วย บอกว่าต้นดอลยาลูเปียนี้ กฟผ.นำมาปลูกให้ เรียกอีกชื่อว่า “ต้นเข็มฟิลลิปปินส์” โดยเอาพันธุ์มาจากประเทศฟิลิปปินส์ ออกดอกทั้งปีและจะเห็นว่าดอกของมันเหมือนดอกเข็มบ้านเรา ซึ่งดูแล้วก็เหมือนดอกเข็มจริงๆด้วย
พอได้เวลา คุณครูก็ปล่อยเด็กๆออกมาร่วมกิจกรรมกับเรา เครื่องเสียงเริ่มบรรเลงให้เด็กๆได้ร้องเพลงได้เต้นกันร่วมกับพี่ๆ (ก็คือพวกเรา) เป็นที่สนุกสนาน มีเด็กนักเรียนชายตัวเล็กๆ ๒ คนเต้นเป็นหางเครื่อง
ลีลาการเต้นที่เร้าใจสุดๆของหนูน้อยสองคนนี้ ทำให้คุณขนุนอดใจไม่ได้ ก็เลยควักกระเป๋าส่วนตัวให้รางวัลเป็นใบแดงคนละใบ (คนละ ๑๐๐ บาท) เด็กๆสองคนนี้ดีใจกันมาก
เด็กอีกหลายคนเห็นเข้าก็อยากจะได้รางวัลบ้าง เลยเข้ามาเต้นกันใหญ่ คุณขนุนเธอทำหน้ากลัดกลุ้ม และอุทานออกมาว่า “ โอ.. พระเจ้า ถ้ามันมาเตันกันทั้งโรงเรียนจะทำไงกันดีละเนี่ย ข้าพเจ้า! "
ก่อนถึงกิจกรรมแจกของและเลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก ผู้อำนวยการสำนักงานได้ทำพิธืมอบสิ่งของต่างๆที่ได้รับบริจาคมาเช่น อุปกรณ์กีฬา หนังสือต่างๆ ของเล่นเด็ก เป็นต้น ให้แก่ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน (ผู้เขียนจำชื่อท่านไม่ได้) ซึ่งเป็นผู้รับมอบแทน ผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งไม่สามารถมารับได้เพราะว่าติดราชการ
พวกเราได้บุญกันคนละเยอะๆเลยนะเธอ ที่ได้มาร่วมบำเพ็ญประโยชน์ในครั้งนี้
เอ้า สี่คนนี่รีบไปเข้าแถวเร้ว ....!
ของที่แจกก็เป็นสมุดดินสอ ขนม ของขบเคี้ยว นมและตุ๊กตาอีกหลายตัว โดยแจกเด็กชั้นอนุบาลก่อนแล้วจึงจะแจกเด็กโต
เด็กๆเหล่านี้ต่างก็ดีใจและซาบซึ้งต่อการ มีน้ำใจของท่านเหล่านี้นานๆหรอกนะที่เด็กๆเหล่านี้จะเบิกบานสำราญใจอย่างวันนี้สักครั้งหนึ่ง
น่าจะแจกบอลล์ให้ผม แล้วผมจะบอกแม่ว่าอย่างไรดี ขออีกรอบได้ไหมคุณน้า
การแจกของกิน ของเล่นก็ได้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แต่รายการยังไม่จบ เพื่อไม่ให้เสียเวลา คณะทำงานของเราจึงประกาศว่าต่อไปนี้เป็นการเล่นเกมส์กันก่อนที่จะมีการเลี้ยงอาหาร มีเด็กๆชั้นโตหน่อยมาสมัครเล่นเกมส์กันในครั้งนี้ มากพอสมควร
เมื่อเสร็จจากการล่นเกมส์ของเด็กๆกันแล้ว ลำดับต่อไปก็เป็นกิจกรรมสุดท้ายของพวกเราคือ เลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก รายการอาหารคือก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมู เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ แล้วแต่ชอบ กิจกรรมนี้ดูแล้วพวกเราตั้งใจทำกันจริงจัง แต่บอกให้นะอาหารนี่เราไม่ได้ขนอุปกรณ์ มาจากสำนักงานหรอก มาให้แม่ครัวที่นี่เหมาทำไปเลย เด็กๆชอบใจกันใหญ่ เพราะว่าเป็นฝีมือของแม่ครัวที่คุ้นเคยรสชาดกันเป็นอย่างดีแล้ว
ในขณะเดียวกันพวกที่จะต้องไปทาสีแท้งค์ปูนซิเมนต์เก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มีถึง ๒ ถัง ก็ไปเตรียมกันที่ถังน้ำนั้นแล้ว ได้ยินว่าจะทาสีแท้งค์น้ำใหญ่นี้เพียง แท้งค์เดียวเท่านั้น เพราะเวลาไม่พอที่จะทาสีทั้งหมดได้
ในตอนนี้เรามาชมการเลี้ยงอาหารให้เด็กๆกันก่อนนะจ๊ะ แล้วค่อยไปดูช่างทาสีสมัครเล่นทาสีแท้งค์น้ำกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามกำหนดการพวกเราจะกลับไปรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ สโมสรของการไฟฟ้า (ที่เดิมตั้งแต่มาที่นี่)
แล้วต่อจากนั้นก็จะเป็นการเข้าอบรมสัมมนาตามกำหนดการต่อไป
เรียงกันเข้ามาเลยนะหนู ใจเย็นๆได้กินกันอิ่มทุกคนแหละนะ อร่อยราดหน้ากันละซี
อีกนิดนึงซี่...! ติดผักไปเยอะๆหน่อย เด็กเรียกร้องมาแน่ะ
รอบสองละซีเนี่ย อร่อยใช่ไม๊ล่า พี่จำได้
กิจกรรมของเราที่เกี่ยวข้องกับเด็กนักเรียน ตัวน้อยๆนั้นก็เสร็จเรียบร้อยไปด้วยดี พวกที่จะต้องทาสีถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ของโรงเรียนนั้นเตรียมพร้อมอยู่ทางโน้นแล้ว เราตามไปดูกัน ไปกันเลยนะจ๊ะ
ขยายให้เห็นกันชัดๆอีกที นี่คือกลุ่มผู้ให้กำลังใจอยู่แนวหลัง จะไม่ค่อยเลอะสีเท่าไรหรอก
การทาสีแท้งค์น้ำใหญ่ ๑ ลูก ในที่สุดก็สำเร็จไปด้วยดีสมกับความตั้งใจของพวกเราที่ใด้ตั้งใจมา ในตอนนี้เราจึงต้องจำใจจากโรงเรียน บ้านดงโคร่ง และเด็กน้อยนักเรียนผู้น่ารักทั้งหลายไปก่อน หากว่าปีต่อๆไปถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาอีก
ก่อนกลับขออีกสักรูปหนึ่งเถอะ
พวกเราต่างทยอยเดินขึ้นรถ เพื่อเดินทางกลับไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่สโมสร ณ ที่ทำการการไฟฟ้าที่เดิมที่เรามากันวันแรกนั่นเอง
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันกันแล้ว จากนี้ไปก็เป็นการสัมมนากันว่ากันด้วยเรื่องของวิชาการล้วนๆ ในห้องประชุม
ทุกคนตั้งใจนั่งฟังผู้บรรยายกันเป็นอย่างดี สังเกตุดูให้ดีไม่มีใครนั่งหลับเลย
สำหรับกิจกรรมในวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ ถัดจากนี้ไปก็เข้าพักผ่อนกันตามอัธยาศัย พรุ่งนี้เช้าเราจึงจะไปที่เขื่อนกัน มาสัมมนาที่เขื่อนทั้งทียังไม่ได้เห็นเขื่อนเลยว่าเป็นอย่างไร
ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายที่การสัมมนาในปีนี้จะเสร็จสิ้นลงแล้วเราก็จะได้กลับบ้านกัน
ขอเชิญติดตามตอนที่ ๔ นะคะ ตอนสุดท้ายแน่นอนค่ะ
ตามไปดูกันเลยค่ะ สนุกกัน...! เหมือนเดิมค่ะ
ผู้เขียน
โปรดติดตามตอนต่อไป