ไปเชียงใหม่ ๑

        

ลำใยที่ปลูกเอาไว้เกือบ ๑๐ ปีแล้ว

   เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เวลาประมาณ ๔ โมงเช้า ลูกชายคนกลางซึ่งทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้โทรมาบอกผมว่า อยากชวนไปเชียงใหม่ ผมก็ถามว่าจะไปธุระอะไร

   เขาบอกว่าก็ไม่มีธุระอะไร อยากขับรถไปเรื่อยๆ เพราะว่านานแล้ว ไม่เคยไปดูที่สักที (ที่นี้คือที่ซึ่งซื้อไว้กว่า ๑๐ ปีมาแล้ว อยู่หลัง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปลูกลำใย เอาไว้) ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็จริงของเขาเพราะระยะหลังๆมานี้ ลูกชายคนนี้มีงานมากจึงไม่ค่อยได้ไปไหนเลย ผมจึงบอกว่าตามใจถ้าอยากให้ไปด้วยก็มารับที่บ้านก็แล้วกัน เขาก็บอกว่าประมาณเที่ยงก็จะมารับ บอกแม่ด้วย

         นี่เป็นการกะทันหันจริงๆ ไม่ได้คิดล่วงหน้ามาก่อนเลย ปกติจะไปไหนกันทีก็จะต้องวางแผนล่วงหน้ากันตั้งหลายวัน จึงจะลงตัวได้แล้วก็ไปกัน แต่ครั้งนี้ก็ไม่เป็นไรลูกชายเขาอยากไปก็ตามใจเขา 

        จากนั้นผมก็คุยปรึกษากับคุณหวาน ภรรยาแล้วเล่าให้เขาฟังว่า โหน่ง (ลูกชายคนกลางมีชื่อเล่นว่าโหน่ง ต่อจากนี้ไป จะเรียกชื่อนี้ไปเรื่อยๆในเรื่องนี้) เขาโทรมาบอกว่าจะมารับเรานั่งรถกันไปเรื่อยๆ ภรรยาถามว่าเขาจะไปถึงไหน ผมบอกว่าเขาอยากไปดูที่ ที่เชียงใหม่ จะมารับก่อนเที่ยงนี้แหละให้เตรียมตัวจัดแจงจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋า แล้วก็ยาที่กินกันเป็นประจำด้วย คงจะค้างสักคืนเดียวมั๊ง

     เกือบเที่ยงลูกชายก็ขับรถของเขามารับ ซึ่งผมจัดเสื้อผ้าและของที่จำเป็นเสร็จแล้วและก็รออยู่ โหน่งบอกว่า เขาได้ชวน ดวงพร (ภรรยาของโหน่ง ซึ่งทำงานเป็นครูอยู่ที่โรงเรียน พันธะศึกษา ถนนติวานนท์) ให้ไปเที่ยวด้วยกัน แต่มันกะทันหันไม่ได้บอกล่วงหน้ากันเลย ดวงพรไม่ว่างจึงไม่ไปด้วย

     ดังนั้นสรุปแล้วไปเชียงใหม่แบบกะทันหันเที่ยวนี้ จึงมีไปกันแค่ ๓ คนเท่านั้น  จริงๆแล้วในช่วงหลังๆนี้ผมกับภรรยาคือคุณหวาน พออายุมากๆกันขึ้นมาแล้วก็ไม่อยากจะไปไหนกันเลย มันขี้เกียจอย่างไรชอบกล ถ้าไม่จำเป็นจริงๆแล้วไม่ไปไหนเลย ผิดกับเมื่อสมัยก่อนๆนั้น  ใครจะชวนไปไหนกันเป็นไม่ได้เลย รีบรับปากทันที

     ส่วนใหญ่แล้วก็จะขับรถไปเอง ถ้าไปกันหลายคนก็จะมีรถขับตามกันไปหลายคัน มีหลายครั้งทีเดียวที่ขับตามกันไปเป็นขบวนถึง ๑๐ กว่าคันก็เคยมี โดยมากมักจะไปสุโขทัย มีเทศกาลอะไรก็ไปกัน เพราะว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่น ชื่อ  คุณบุญมา สวยงาม เป็นปรมาจารย์ในด้านช่างศิลป์ มีร้านรับทำพระ ปั้นพระ หล่อพระ 

หน้าร้านบุญมาศิลป์ อยู่ติดถนนสายตัวเมือง - ตลาดเมืองเก่า

       ร้านและโรงงานอยู่ทางซ้ายมือถ้ามาจากในตัวเมืองสุโขทัย ไปทางเมืองเก่า (อุทยานประวัติศาสตร์) เลยโรงแรมไพลินไปหน่อยทางซ้าย ชื่อว่า ร้านบุญมาศิลป์  พี่บุญมานี้เคยได้รับการถ่ายทำสารคดีต่างๆ ออกโทรทัศน์หลายครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายเมื่อเร็วๆมานี้เอง รายการ กบนอกกะลา ก็ไปถ่ายทำการสร้างพระของพี่บุญมา กันเป็นเดือน ออกอากาศ ๒ ตอนจึงจบ

ภายในร้านบุญมาศิลป์ มีทั้งของเก่าของใหม่ โชว์อยู่เต็มร้าน 

        นอกจากนั้นก็ไปอีกหลายๆจังหวัดใกล้บ้างไกลบ้างแล้วแต่จะคิดกันว่าจะไปไหน มีหลายครั้งที่ไปไกลๆก็มี เช่นไปเที่ยวทางใต้กันก็หลายครั้ง โดยมากมักจะไปกันเป็นขบวนเหมือนทุกๆครั้ง ดังที่ได้บอกแล้ว ปัจจุบันนี้ไม่อยากจะไปไหนเลย ขับรถไม่ค่อยได้แล้วหูตาไม่ค่อยจะดี แต่ครั้งนี้ลูกชายบอกว่าให้นั่งรถไปเที่ยวกันก็เลยตกลง

     ออกจากบ้านที่สุพรรณเที่ยงพอดี อาหารกลางวันยังไม่ได้รับประทาน ลูกชายบอกว่าไปกินกันข้างหน้าก็แล้วกัน เอาง่ายๆก็แวะกินกันตามปั๊ม กินกันพออิ่มไม่ต้องเสียเวลาเลือกหาร้านที่อร่อยหรอก กินกันแล้วก็อย่าบ่นว่าอาหารไม่อร่อยก็แล้วกัน ลูกชายผมเขาว่าอย่างนี้ ผ่านบึงฉวากไปได้หน่อยหนึ่ง ก็แวะเข้าปั๊มใหญ่ปั๊มหนึ่ง เห็นมีรถจอดกันแน่นไปหมด ลงไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วก็ กินข้าวกลางวันกันที่ปั๊มนี้

      เรียบร้อยเรื่องอาหารกลางวันกันแล้ว ลูกชายเขาก็ขับรถเรื่อยไป คุยกันไปมีเรื่องอะไรก็คุยกัน โหน่งเขามักจะมี เรื่องเกี่ยวกับการทำงานของเขา มาคุยให้ฟังเสมอๆ โดยมีผมกับภรรยานั่งมาด้วยคุยกันไปด้วย  ผ่านชัยนาท เข้านครสวรรค์ แล้วก็เลยไปกำแพงเพชร ถึงจังหวัดตากก็บ่ายสามโมงกว่าๆแล้ว

      ในครั้งนี้ผมมีเรื่องที่จะต้องบ่นต้องเล่าให้ท่านผู้อ่านทราบด้วย เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เหลืออดจริงๆ คือว่าคนที่ขับรถขึ้นลงโดยที่จะต้องผ่านเส้นทาง นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง นั้นจะคิดเหมือนผมบ้างหรือเปล่าว่า ถนนทำไมมันจึงเละเสียหายมากขนาดนี้

       ถ้ามันเสียนิดหน่อยก็ยังพอขับผ่านไปโดยที่ไม่คิดอะไรได้ แต่นี่ถนนมันเสียหายมากมาย เป็นหลุมเป็นบ่อ แล้วที่เสียนั้นมันไม่ใช่ใกล้ๆเลย ระยะทางเป็นร้อยๆกิโลเมตร  มีบางตอนเท่านั้นที่เทยางเอาไว้บ้างแล้วเป็นช่วงๆแต่ก็ส่วนน้อยเหลือเกิน รถวิ่งกันฝุ่นกลบ

    จากนครสวรรค์ ถึงกำแพงเพชร แต่ก่อนนั้นถนนเรียบกริบ รถวิ่งไม่มีกระเทือนเลย เที่ยวนี้ไปเมื่อวันพฤหัสบดีนี้เอง มันพังเละไปหมดแย่มากขนาดไหนบอกไม่ถูก ท่านก็ลองไปเองก็แล้วกัน จากกำแพงเพชรถึง ตาก เจ้าประคุณเอ๋ยถนนเสียยับไม่รู้ว่าจะวิ่งหลบหลุมบ่อ กรวดทรายไปทางไหน

     จากกำแพงเพชรไปตาก ถนนก็เสียยับไปหมด มีแต่ป้ายใหญ่ๆบอกเป็นระยะว่า ขับช้าๆ พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย มีคนบ้าที่ไหนบ้างจะขับเร็วให้รถมันพังเล่นได้ นี่ดีแต่ว่าลูกชายเขาตั้งใจแน่แน่วว่าจะไปดูที่ของเขาที่เชียงใหม่ จึงไม่ได้หันรถกลับบ้าน ยังคงฟันฝ่าต่อไป

ถ้าท่านต้องการอ่านตอนที่ ๒ ต่อไปเดี๋ยวนี้เลย คลิ๊กที่     เชียงใหม่ ๒    ครับ

นายแก้ว ผู้เขียน

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้686
เมื่อวานนี้746
สัปดาห์นี้3047
เดือนนี้9305
ทั้งหมด1328639

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

2
Online