8 ชั่วโมงเดินเดี่ยวเที่ยวสิงคโปร์

กรุณาอ่าน  "เที่ยวมาเลเซีย ๑ และ ๒" เสียก่อนจะรู้เรื่องดียิ่งขึ้น

   ตามที่ผมได้เกริ่นไว้ใน เที่ยวมาเลเซีย ในตอนที่ 1 ว่าวันที่ 6 กรกฎาคม 2553 ผมตั้งใจจะไปเที่ยวสิงคโปร์ เนื่องจากมาเลเซียและสิงคโปร์อยู่ใกล้กัน

   ผมสามารถไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้ ขอย้ำนะครับว่าผมไปแบบซำเหมาทัวร์ ไม่ได้ไปกับบริษัททัวร์ ความตั้งใจเดิมของผมคือจะไปเที่ยวลังกาวี แต่บังเอิญว่าผมจองตั๋วเครื่องบินไปลังกาวีไม่ได้ เลยต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เข้าเวบแอร์เอเชียเช็คราคาตั๋วจากมาเลเซียไปสิงคโปร์ ไป-กลับ  รวมทุกอย่างแล้วแค่สองพันบาทเอง ก็เลยเอาซะเลย  แต่มันติดปัญหาเรื่องเวลาและการเดินทาง (อีกแล้วครับท่าน) 

     ลืมบอกไปว่าเวลาในมาเลเซียและสิงคโปร์ต่างจากบ้านเรา 1 ชั่วโมง คือ ของเขาจะเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง บ้านเค้าทุ่มนึงพระอาทิตย์ยังส่งแสงจ้าอยู่เลยครับ ถ้าใครคิดจะหัดเที่ยวแบบผม คำนวณเวลาให้ดีนะครับ มิเช่นนั้นมีสิทธิตกเครื่องได้
 
    หลังจากที่ผมเข้าพักที่ Berjaya Time Square Hotel ในมาเลเซียแล้ว ผมได้สอบถามกับทางพนักงานโรงแรมเกี่ยวกับการเดินทางไปสนามบินในช่วงเช้า (มากๆ) ว่าจะเดินทางกันยังไง

   กว่าจะรู้เรื่องและได้คำตอบ เพราะผมไม่เอาไหนเรื่องภาษาจริงๆ แต่ก็พอสรุปกับตัวเองได้ว่า Taxi สถานเดียวครับ

    เพราะว่าระบบการคมนาคมของมาเลเซียนั้น เริ่ม 6 โมงเช้าโน่นล่ะครับ ซึ่งถ้าคนที่เคยไปคงคิดว่าอาจจะทันขึ้นเครื่อง แต่สำหรับผมไม่เสี่ยงดีกว่า เครื่องจะขึ้นตอน 7.45 น.

   เผื่อเวลาไว้ดีกว่า เพราะไม่เคยเดินทางไปสนามบิน (จำได้ไม๊ครับว่าผมลงเครื่องที่สนามบิน LCCT แต่ผมไม่ได้เข้ากัวลาลัมเปอร์ ฉะนั้นการเดินทางช่วงนี้จะค่อนข้างสับสน) Taxi คิดค่าใช้จ่ายจากที่พักไปยัง KL Sentral 20 RM ( 1 RM ประมาณ 10 บาท) ถือว่าโหดทีเดียว แต่เอาเถอะ คิดว่าเป็นค่าครูละกัน

  พอถึง KL Sentral แล้ว ผมต่อรถไฟความเร็วสูงไปยังจุดหมายคือ สนามบิน LCCT อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ ว่ามันต้องต่อรถบัส เอาล่ะสิ ผมนั่งไปลงที่สนามบิน Klia ซึ่งบัตรโดยสารมันไม่ผ่าน ออกจากสถานีไม่ได้ (ผมออกจากที่พักตอนตี 5 นะครับ ไปถึงสนามบิน Klia ประมาณ ตี 5 ครึ่งนิดๆ)

   จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่มาถาม ผมก็บอกว่าจะไปสนามบิน LCCT เค้าบอกว่า คุณมาผิดแล้วล่ะ ต้องย้อนไป 1 สถานี แล้วต่อรถบัสไป เวรกรรมแท้ๆ มันเป็นความผิดพลาดที่พออภัยกันได้

   เนื่องจากเวลาของผม(น่าจะ) เหลือเฟือ ผมจำชื่อสถานีที่ลงไม่ได้ ตอนนั่งพิมพ์อยู่นี่ไม่ได้เอาตั๋วมาดูว่าลงที่ไหน เอาเป็นว่า ถึงก่อนสถานี Klia  หนึ่งสถานีละกัน หลังจากขึ้นรถบัสเพื่อไปสนามบินแล้ว ค่อยโล่งขึ้นมาหน่อยว่าได้ขึ้นเครื่องแล้วละ

ทิวทัศน์ประเทศสิงคโปร์                

   ข้ามกันไปเลยละกัน (ขอโทษที่ไม่ใช่นักเล่าเรื่อง มีอะไรก็ใส่ไปหมดเลย บางอันก็ข้ามไป) หลังจากที่เครื่องลงที่สนามบิน Changi ในประเทศสิงคโปร์แล้ว ก็ต้องผ่าน ตม. เช่นทุกๆ ประเทศ

    ขอบอกว่าที่นี่ information ดีมากครับ ให้คำแนะนำสำหรับมือใหม่อย่างผมซะละเอียดเชียวละ สาเหตุที่ต้องละเอียดน่ะเหรอครับ  First Time for Me  อ่ะอ่ะ

 

ภายในสนามบิน Changi

     หลังจากที่ผ่านทางเดินอันแสนยาวไกลและกว้างใหญ่ของสนามบิน Changi แล้ว ก็มาเดินงง อยู่ในสนามบินนั่นล่ะครับ 1 ชั่วโมงเต็ม (เครื่องลง 9.00 น.)

   โปรดอย่าได้เลียนแบบวิธีการเที่ยวแบบผมนะครับ ขอให้ศึกษาให้ดีก่อนเดินทาง ศึกษาเส้นทางไว้บ้างก็ดี กว่าผมจะหาทางออกจากสนามบินได้ เล่นเอา information เค้าเหนื่อยละกัน (ขอโต้ดค๊าบ)

    ก่อนหน้าที่ผมจะเจอกับ information ผมอวดเก่งไปรอบนึงแล้ว เดินไปเดินมาเจอรถบัสเข้าเมือง แต่ไม่รู้ระบบการจ่ายเงินของเค้า ไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น เลยไม่กล้าขึ้นเพราะในตำราที่ผ่านตามา เค้าบอกว่ามีรถไฟฟ้านี่นา ก็นั่นล่ะครับ กว่าจะหาเจอ เล่นเอาแย่เลย

    พอขึ้นรถไฟฟ้ารับส่งระหว่างอาคาร  แม่เจ้า.. รถไฟอะไรไม่มีคนขับ  เท่ห์ชะมัด พอถึงจุดหมายก็ต้องลงเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าเข้าเมือง อ้อ..!! เจ้าหน้าที่บอกเส้นทางการท่องเที่ยวตามที่ผมต้องการให้แล้วนะครับ

   แต่เขาลืมบอกไปอย่าง "เสียเที่ยวจริงๆ" ผมต้องการมาถ่ายภาพสิงห์โตพ่อ แม่ ลูก  แต่ปรากฏว่า เซนโตซ่า ปิดครับ สิงห์โตตัวที่อยู่กับลูก (คงเป็นแม่มันน่ะ) ปิดเหมือนกันครับ เค้าบอกว่า Close for Clean แม่น ! แล้ววันอื่นทำไมไม่ทำกันล่ะเนี่ย เลยต้องเปลี่ยนแผนกันอีกยกใหญ่ แต่ก็เอาเหอะ ยังมีอีกหลายอย่างให้ชมนี่นา..

 

สิงห์โตตัวแม่อยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม

   ผมขึ้นรถไฟฟ้าเที่ยวแรกไปลงที่สถานี CityHall หรือ CityMall นี่แหละ แล้วเดินลุยกันเลย (วางกำหนดการไว้แล้วว่าราวๆ บ่าย 2 ถึงจะไปย่านช้อปปิ้ง) พอลงจากรถไฟฟ้าก็หาทางขึ้นไปบนดิน เล่นเอาเหนื่อยอีกแล้วเพราะไม่รู้จะไปทางไหนดีนี่นะ

   แผนที่มันช่วยอะไรผมไม่ได้มากนัก แต่ผ่านทางออกหลายทางอยู่นะ ไชโย.. เห็นแล้ว สิงคโปร์ ฟลายเออ (Singapore Flyer) เห็นแต่ไกลสะดุดสายตายิ่งนัก

   แต่เดินเท่าไหร่มันก็ไม่ถึงซะทีแฮะ ไกลดีจริงๆ เลย พอเดินไปซักระยะก็เห็นป้ายเป็นที่เรียบร้อย อ๋อ อยู่ตรงนี้น่ะเอง แต่เกรงว่าเข้าใกล้คงจะไม่เหมาะ ขอดูอยู่ห่างๆ อย่างนี้ดีกว่า

สิงคโปร์ ฟลายเออ  (Singapore Flyer)
 
   เหลือบขวาไปเห็น เอ๊ะ นั่นอะไร โอ้.. อาคารมารีน่าแซนด์ อันลือชื่อน่ะเอง อาคารที่ได้ชื่อว่ามีสระว่ายน้ำที่กว้างที่สุดใน...(ไหนก็ไม่รู้ล่ะ รู้แค่ว่ามันมีบ่อนด้วยสิ) เดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำไปเรื่อยๆ  เขาทำสวยงามมาก

 

อาคารมารีน่าแซนด์
 
   มองย้อนกลับมาเห็นสถานที่แห่งหนึ่ง สงสัยจะมีคอนเสิร์ต ทำเวทีซะใหญ่โต สวยงามทีเดียว ด้านหลังยังมองเห็น เอสปรานาดหรืออาคารหนามทุเรียนนี่ล่ะ แลขวาไป อ๊ะ สิงห์โตแม่ ลูก อยู่นั่นเอง เดี๋ยวค่อยไป ขอไปเคลียร์ในบ่อนก่อน

 

อาคารโรงละครเอสปรานาด (Esplanade)

   หลังจากที่เดินถึงอาคารมาลีนนท์ เอ้ย มารีน่า แล้ว เค้ามีสองฝั่งครับ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโรงแรม ซึ่งถ้าข้ามไปผมว่าถ่ายภาพสิงคโปร์ ฟลายเออ คงจะสวยน่าดูเลยแต่ยังก่อนดีกว่า

   อีกฝั่งเป็นห้างและบ่อน เดินเข้าไปภายในแอร์เย็นฉ่ำ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเค้าบอกว่า ขาสั้น ห้ามเข้า  แต่ไม่เป็นไรหรอก มองอยู่ห่างๆ ก็ได้ (ทีแรกคิดจะซื้อขายาวมาใส่ แต่มันคงไม่คุ้ม) ก็เลยเดินเล่นพักหนึ่ง ในนี้ดีแฮะ มีนั่งเรือในห้างด้วย ที่ด้านหลังของห้าง ออกไปถ่ายรูปสิงห์โตแม่ ลูก กับอาคารเอสปรานาดได้ด้วย ดีจริงๆ (ถ้ามันไม่ปิด) 


อายุต่ำกว่า 21 ปี กางเกงขาสั้น ห้ามเข้า...!

  หลังจากนั้นผมก็เดินย้อนกลับมา เพื่อไปเก็บภาพสถานที่ต่างๆตามใจอยาก น่าดีใจแทนลูกสิงห์โตนะครับ มีคนมารุมล้อมเยอะเลย นี่ถ้าพ่อกะแม่มันเปิด มันก็คงจะเหงาตามเดิมอย่างที่ตำราว่าไว้

ตึกรามใหญ่โต  สิงคโปร์อีกมุมหนึ่ง
 
  ผมใช้เวลาเดินแถวๆนี้อยู่นานพอสมควร ดูโน่นนี่เรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเริ่มจะไม่ไหวแล้วละ เพราะว่ามันร้อนเหลือเกิน ลงไปมุดดูห้างใต้ดินดีกว่าแอร์เย็นสบาย แล้วค่อยย้ายตัวเองไปแหล่งช็อป ION Orchard โฮะๆๆ ที่นี่ระบบคมนาคมเค้าเยี่ยมจริงๆ (อยากให้คนในบ้านเมืองเราไปดูนะครับ มาเลเซีย สิงคโปร์ ใกล้แค่นี้เอง)

ถนนชอปปิ้ง

    เดินเล่นกันจนสุดถนนเลย แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเพราะไม่รู้จะซื้ออะไร ขนาดจะหาของกินยังไม่รู้จะกินอะไรดี สุดท้ายไปจบที่ทาโกยากิ เดินกินเรื่อยเปื่อยพร้อมไอติมรสอร่อยอีก 1 อัน

ขายของริมทาง ก็เหมือนๆที่บ้านเรา

   หลังจากที่เดินไปเดินมาอย่างไร้จุดหมาย ขากลับที่จะขึ้นรถไฟไปยังสนามบิน Changi ผมก็ไปสะดุดตากับบางอย่างที่ Lucky Plaza ไม่แวะไม่ได้ด้วยสิ  Sex shop ครับ ขอเข้าไปชมหน่อยเหอะ!

  "เฮ้ มิสเตอร์ แคนนอท เทก อะ โฟโต้" ไอซี ๆ ข้างในเป็นไง เอาไว้มีโอกาสลองแวะไปดูเองนะครับ แล้วจะรู้ว่าโลกเรายังมีอะไรอีกเยอะที่เราไม่รู้ ไม่เคยเห็น

   วันนี้เดินทนมากครับใช้เวลาเดินร่วมๆ 6 ชั่วโมง ผมนับเวลาที่นั่งได้เลย รวมแล้วไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพราะนั่งแค่ตอนอยู่สนามบิน หลุดจากสนามบินขนาดกินยังไม่ได้นั่งเลย กลับมาถึงมาเลเซียถึงกับเท้าพองเลยงานนี้

  หลังจากที่เพลิดเพลินเจริญใจ แล้วก็ได้เวลากลับแล้วละ ก็ไม่ยากครับนั่งรถไฟฟ้าย้อนกลับทางเดิมเป็นอันสิ้นเรื่อง แต่มางงเอาสถานีสุดท้ายที่จะเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าเพื่อเข้าสนามบินนี่ล่ะครับ

   แฮ่ะๆๆ ก็ตอนขาออก เค้าบอกให้เปลี่ยนรถที่สถานีนี้ แต่เค้าไม่ได้บอกว่าไอ้ขบวนที่นั่งออกมามันจะกลับไปที่เดิมทันทีนี่นา

    ระหว่างที่รอรถไฟฟ้าเข้าสนามบินก็มีขบวนนึงออกมาจอด ผมก็ไม่กล้าขึ้นเพราะมันคงต้องไปต่อ แต่ประทานโทษมันย้อนกลับเข้าสนามบิน เฮ้อ..ให้มันได้งี้สิ หลังจากนั้นผมกลับสู่สนามบิน Check in เรียบร้อย รอขึ้นเครื่องตอน 20.55 น.

    ผมไม่กล้าเสี่ยงรอถ่ายรูปสิงคโปร์ ฟลายเออ ตอนค่ำ กลัวกลับไม่ทันเครื่อง แต่รอบหน้าคงมีภาพกลางคืนมาฝากครับ

    ระหว่างรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน ก็มีเนทให้เล่นฟรี มีซุ้มบอลโลกให้นั่งดู แสนจะสบายใจจริงๆ สนุกมาทั้งวันดูไปได้แป๊บเดียวหลับซะงั้น จนเค้าประกาศขึ้นเครื่องถึงได้สะดุ้งตื่น วิ่งๆๆ ถึงเวลาบ๊ายบายสิงคโปร์แล้ว กลับเข้ามาเลเซียเตรียมลุยต่อครับ

   อ้อ..ทริปสิงคโปร์ครั้งนี้ค่าเครื่องบินบวกค่าใช้จ่ายใน 1 วัน ผมหมดงบไปประมาณ 3 พันบาทครับ งวดหน้าผมคงมีโอกาสได้ใช้บริการตั๋วเหมาจ่ายแบบรายวัน เพราะคราวนี้นอกจากเซนโตซ่า สิงห์โตพ่อ แม่ จะปิดปรับปรุงแล้ว ระบบซื้อตั๋วแบบเหมาจ่ายยังปิดอีกต่างหาก นี่มันวันอะไรกันเนี่ย...!!

  *ปล. ขาดตกไปหลายอย่าง เพราะมันยาวมากๆเลยครับ กลัวจะเหนื่อยกัน ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ดีๆของผมครั้งหนึ่ง สนุกมากจริงๆทั้งที่มาเลเซียและสิงคโปร์ ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมายเชียวละ

    ได้เห็นความเจริญในหลายๆ มุม ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น ได้รู้ว่าเมืองมะละกาในมาเลเซีย สถานที่ท่องเที่ยวมันกระจุกอยู่ใกล้ๆกัน ในสิงคโปร์ก็พอๆกัน ขอจบเพียงเท่านี้โอกาสหน้าเจอกันใหม่ นะคร๊าบ.. สวัสดีครับ..!

 

 ลุงจำรัส  ผู้เขียน / ถ่ายภาพ

ข้อมูลของ "ลุงจำรัส" ผู้เขียนเรื่องนี้

      เป็นคนเจ็ดเสมียนโดยกำเนิดแท้ๆทีเดียว เป็นหลานคนหนึ่งของครูหิรัญ สุวรรณมัจฉา คนเก่าแก่ของตลาดเจ็ดเสมียน  เมื่อเป็นเด็กๆอยู่กับพ่อแม่และยายในห้องแถวตลาดเจ็ดเสมียน จนกระทั่งเรียนจบชั้นประถมปีที่ ๔ จากเจ็ดเสมียนแล้ว ได้ไปอยู่ที่กรุงเทพฯกับป้าของเขา และเรียนหนังสือจนจบปริญาตรี จึงได้เข้ารับราชการ ต่อมาได้เรียนต่อจนจบปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในสาขาสื่อสารมวลชน และยังรับราชการอยู่จนปัจจุบันนี้.

ลุงจำรัส เมื่อเป็นเด็กอยู่ที่ตลาดเจ็ดเสมียน ด้านซ้ายของภาพคือตึกริมน้ำ ตรงกลางคือโรงสูบน้ำ ริมขวาห้องแถวตลาดเจ็ดเสมียนห้องสุดท้ายคือ    ห้องลุงโหงวป้าทองคำ บ้านเครื่องไฟ.

 

อ่านหนังสือพิมพ์ให้แม่ฟัง ที่หน้าบ้านห้องแถวในตลาดเจ็ดเสมียน

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้37
เมื่อวานนี้706
สัปดาห์นี้2593
เดือนนี้11840
ทั้งหมด1341724

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

2
Online