คนกับหมา ๔ (มะยมจากไป)

 

 

alt

  ะยม (ด้านซ้ายของภาพ) กำลังยืนดูปลาที่หลังบ้านในขณะที่ผู้เขียน โปรยอาหารปลาอยู่ทางด้านซ้ายมือถัดไป

     ังได้กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วว่า บ้านของผมนี้ประตูรั้วบ้านติดกับถนนใหญ่ ถนนสายนี้วันๆหนึ่งมีรถวิ่งมากมายพอสมควร รถที่วิ่งกันอยู่ประจำก็มีหลายชนิด ตั้งแต่รถเทรลเล่อร์ ๒๐ ล้อของโรงงานอาหารกระป๋อง บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ใส่สินค้าไปลงเรือที่ท่าเรือไหนสักแห่ง เพื่อส่งสินค้าออกนอก

 

 alt

นสายระหว่างอำเภอมีรถวิ่งผ่านไปมาไม่ได้หยุด ที่เห็นเป็นดินด้านซ้ายของภาพนั้นเป็นทางเชื่อมเข้าบ้าน

     รถสิบล้อบรรทุกอ้อยเวลาหน้าหีบอ้อย รถสิบล้อบรรทุกข้าวเปลือกมุ่งตรงไปเข้าโรงสี สมบูรณ์พืชผล ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเราไป ๑ กิโลเมตรพอดี ไปจนถึงรถเก๋งรถปิ๊กอัพรถมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานถีบของชาวบ้าน

 

alt

าที่เลี้ยงไว้มักจะลอดรั้วลวดหนาม ออกมาเดินเล่นบนถนนรถยนต์

alt alt

ที่เห็นนี้คือถนนหน้าบ้าน หมาเก่าเก๋ากึกอย่างนายโต มองซ้ายมองขวาก่อนแล้วจึงเดินข้ามถนน จึงรอดปลอดภัยจนบัดนี้

    สรุปแล้วถนนหน้าบ้านผมนี้ มีรถวิ่งกันขวักไขว่ผมจึงคิดว่า สักวันหนึ่งเถอะหมาที่บ้านผมหลายตัวนั้นคงจะต้องถูกรถเฉี่ยว รถทับเอาบ้างถ้ามันยังขืนเดินออกมาโชว์ลีลาของมันอยู่บนถนนอย่างนี้ คงไม่นานหรอก แล้วก็คอยดูก็แล้วกัน

    แล้ววันนั้นก็มาถึง ตั้งแต่ตอนเช้าๆผมและทุกคนในบ้านก็ต้องออกไปจากบ้าน เพื่อไปทำงาน (ที่ทำงานและบ้านอยู่ห่างกัน ๒ กิโลเมตร) หลานผมก็ต้องไปโรงเรียน ส่วนใหญ่แล้วในเวลากลางวันผมจะไม่ได้ย้อนกลับมาบ้านเลยจนกว่าจะเลิกงานในตอนเย็นๆ

     แต่ในวันนั้นผมจำเป็นจะต้องกลับมาที่บ้านในตอนเที่ยง พอมาถึงบ้านนายบูนก็บอกผมทันทีว่า  มะพร้าว  ตายเสียแล้ว ผมร้อง อ้าว...!  แล้วผมก็ถามนายบูนว่ามันเป็นอะไรตาย เมื่อเช้ามันก็ยังมากินข้าวร่วมกับพวกมันอยู่

 

alt

างๆประตูตรงต้นมะยม หมามันจะมุดรั้วลวดหนาม ออกมาตรงนี้กันเป็นประจำ มะพร้าวออกมาถูกรถยนต์ชนก็ลอดจากตรงนี้

   นายบูนบอกว่ามันกินข้าวเสร็จแล้ว มันก็มุดรั้วลวดหนามออกไปที่ถนน มีรถปิ๊คอัพคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว ชนมะพร้าวเข้าอย่างจังตายคาถนนทันที นี่ยังดีนะที่รถเขาไม่พลิกคว่ำตกถนน มิเช่นนั้นเราจะเดือดร้อนมากเลย

   ผมก็ถามนายบูนว่า แล้วตอนนี้นายบูนเอามันไปไว้ที่ไหนล่ะ นายบูนบอกว่า ใส่กระสอบเอาไปฝังแล้ว ผมถามว่าเอาไปฝังที่ไหน นายบูนบอกว่า เอาไปฝังในทุ่งนาโน้น นายบูนปฏิบัติการได้ฉับไว ทันใจดีเหลือเกิน  ผมก็เลยบ่นนายบูนว่า ทำไมไม่บอกเสียก่อน ที่จริงอยากจะให้เอามันฝังไว้ในเขตรั้วบ้านเราดีกว่า ที่ท้ายๆไร่ก็ยังดี อย่างน้อยมันก็เป็นหมาที่เราเคยเลี้ยงดูมันมา นายบูนนิ่งเงียบเมื่อเห็นผมบ่น

   แล้วผมก็บอกอีกว่า เอาละฝังแล้วก็แล้วไป แล้วก็หันหลังทำท่าจะเดินขึ้นบ้านไป ได้ยินนายบูนพูดขึ้นอีกว่า มันเป็นหมาตายโหงถูกรถชนตายนะ เอาเข้าบ้านเห็นท่าจะไม่ค่อยดีแน่ ดีไม่ดีมันจะมาหลอกเอาหมาที่ยังอยู่อยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ เออ..! เอาเข้าไปนายบูนนะนายบูน เป็นไปได้

   พูดถึงนายบูนคนนี้ ก็มีแปลกๆหลายอย่าง ยกกันมาสักอย่างนะครับ ในเรื่องปลวก ในไร่นั้นมักจะมีตัวปลวกก่อตัวขึ้นเป็นจอมปลวกอยู่มากเหมือนกัน ผมเห็นแล้วผมก็สั่งนายบูนให้เอาจอบมาขุดทำลายมันเสีย ถ้าหากว่าปล่อยมันไปเรื่อยๆมันก็จะโตขึ้นเกะกะ นายบูนก็รับปากว่า ครับๆๆ

   ต่อมาอีกหลายวัน ผมเข้าไปเดินดูต้นไม้ในสวนอีก เห็นดินพูนขึ้นมาเป็นจอมปลวกเพิ่มขึ้นอีกมากกว่าเดิม จึงมาถามนายบูนว่า ทำไมจึงไม่ขุดจอมปลวกพวกนี้ทิ้งไปเสีย นายบูนบอกว่าไม่กล้าหรอก เพราะว่าเมื่อสองสามวันที่ผ่านมานี้ให้หมอดูข้างบ้านดูให้ ในเรื่องที่เกี่ยวกับจะทำลายจอมปลวกนี้

 

alt

นายบูนไม่กล้าทำลายจอมปลวก หมอดูบอกแกว่า ไม่มีบารมีพอที่จะทำลายจอมปลวกได้ ถ้าทำอาจมีอันตรายใหญ่หลวง

   หมอดูบอกว่าอย่าเชียวนะเรามีบุญบารมีไม่ถึง แล้วปลวกตรงนี้เป็นทางเดินของปลวกแดงด้วย ถ้าไปทำอาจจะมีเหตุเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุถึงตายได้ หมอดูๆมาอย่างนี้ผมจึงไม่กล้าทำ ผมว่าจะบอกนายให้รู้พอดีก็มาถามผมเสียก่อน เมื่อนายบูนบอกมาอย่างนี้ผมถึงกับอึ้งไป

   ต่อมาผมมาคิดว่า เราเป็นเจ้าของที่ดินอันนี้ หรือว่าปลวกเป็นเจ้าของที่กันแน่ ถ้าเราเป็นเจ้าของที่ปลวกตัวเล็กๆแค่นี้จะมีฤทธิ์เดชหรือมีอำนาจมาทำอะไรเราได้ คิดได้ดังนั้นในตอนเย็น ผมกับลูกชายที่อยู่ด้วยกันแบกจอบเสียมลงไปลุยกับมันทันที เอาเสียเตียนเรียบราบไปเลย นายบูนยืนมองตาปริบๆ คงคิดว่าผมนี้คงเป็นคนมีบุญบารมีมากแน่ๆ จึงได้จัดการกับปลวกได้ โดยที่ไม่เป็นอะไร

  หลังจากมะพร้าวตายไปหลายวันแล้ว ผมก็ยังคิดถึงมันและสงสารมันไม่หาย เวลาหมาทั้งหลายมันทำท่าจะออกไปข้างนอกรั้ว ถ้าผมเห็นผมก็จะถือไม้ไล่กวดตีมัน และทำเสียงเอ็ดตะโร มันก็จะพากันวิ่งหางจุกตูดกลับเข้าหลังบ้านไป

  เหตุการณ์ต่างๆก็ดีขึ้น หมาก็ไม่ค่อยออกมานอกรั้วแล้ว นอกจากมะตูมตัวเดียวเท่านั้นเพราะว่าไอ้ตัวนี้มันดื้อๆอย่างไรชอบกล ผมเลยคิดว่าไอ้มะตูมนี้ก็เถอะคาดว่าคงไม่นานหรอก มันก็คงจะตามน้องมะพร้าวของมันไป   (มะตูม มะพร้าว ลูกนังต่ายครอกเดียวกัน) ซึ่งบางครั้งก็เห็นออกมาโชว์ลีลาไล่กวดคนอยู่บ้าง แต่มันยังรอดอยู่เหตุการณ์ก็เป็นปกติอยู่ตลอดมา

  เมื่อก่อนจะเข้าหน้าหนาวนี้หน่อยหนึ่ง ในตอนบ่ายและเย็นมืดครึ้มไปหมด พอค่ำลงฝนตกหนักตกตลอดทั้งคืน ในตอนค่ำๆนั้นเจ้ามะยมซึ่งเป็นหมาตัวเมีย อายุ ๑ ขวบ    (ลูกนังต่ายครอกแรก น้องของเจ้ามะขาม)ได้เดินฝ่าสายฝนออกไปนอกรั้วบ้าน  ไม่ทราบว่ามันออกไปทำไม ในตอนนั้นประมาณ ๑ ทุ่มแล้วเห็นจะได้ ทั้งๆที่เวลากลางคืนแล้วเจ้ามะยมจะไม่ออกไปนอกบ้านเลย เป็นหมาที่ประพฤติดีตลอด

   ต่อมาประมาณสัก ๓ ทุ่มเศษๆฝนกำลังตกยังไม่หยุด คนในบ้านทั้งหมดมานั่งรวมกันดู โทรทัศน์อยู่ยังไม่เข้านอนกัน ได้ยินเสียงโครมใหญ่ดังฝ่าสายฝน มาจากถนนถัดจากหน้าบ้านไปหน่อย เสียงรถยนต์เบรคดังสนั่น เสียงหมาร้องลั่นโหยหวนผสมกับเสียงฝนที่กำลังตกหนัก สักพักใหญ่เสียงก็เงียบไป ผมและคนในบ้านได้ยินแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ได้พูดกันว่าสงสัยรถยนต์คงจะชนหมา เพราะว่าหมาแถวนี้มีเยอะมาก เลี้ยงกันทุกบ้าน

   รุ่งเช้าเมื่อเราเปิดประตูบ้านออกมา(ประตูบ้านมิใช่ประตูรั้ว) เราจะเห็นหมาทุกตัวนอนกันอยู่แถวหน้าบ้าน แต่ไม่เห็นเจ้ามะยมจึงได้ช่วยกันตะโกนเรียก ปกติแล้วถ้ามันกำลังทำอะไรอยู่ หรืออยู่ตรงไหนในเขตบ้านมันก็จะรีบมาหาทันที แต่คราวนี้ไม่มี

   ใจก็เลยนึกไปถึงเมื่อคืนนี้ที่ได้ยินเสียงรถชนหมา แล้วคิดว่าหรือว่าจะเป็น เจ้ามะยม ใจก็หายวาบคิดว่าคงเป็นเจ้ามะยมแน่แล้วที่โดนรถชนเอา จึงได้รีบบอกนายบูนคนทำสวน ให้เดินออกไปนอกบ้านไปตามถนนซิ ถ้ามะยมโดนรถชนจริงก็คงจะนอนตายอยู่ริมถนนนั่นเอง ช่วยมองๆหาดูหน่อย ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ในใจก็ภาวนาอย่าให้เป็นมะยมเลย

alt

ยมผู้จากไป ด้วยความชะล่าใจที่ออกไปอยู่บนถนน ในคืนฝนตก

    พคนทำสวนคือนายบูนเลื่อนประตูออกไป (ประตูเป็นแบบเหล็กที่มีล้อเลื่อนบานใหญ่ ) ก็เห็นเจ้ามะยมนอนหายใจรวยรินอยู่ตรง ข้างๆเสาประตูนั่นเอง มันยังไม่ตาย มันอุตส่าห์ตะเกียกตะกายจากจุดที่ มันโดนรถยนต์ชนมาถึงรั้วประตูบ้าน ซึ่งไม่ใช่ใกล้ๆ นายบูนรีบเรียกผมให้ไปดูและจะให้ทำอย่างไรต่อไป ผมรีบบอกนายบูนให้อุ้มมันไปนอนที่ตรงโรงจอดรถด้านหลังบ้าน

   แล้วผมก็รีบเดินตามไปที่โรงรถ เจ้ามะยมมีร่องรอยของการโดนรถยนต์ชน เข้าที่ช่วงกลางลำตัวค้อนข้างไปทางขาหลัง ตรงท้องบวมเป่งเขียวปี๋ ขาหลังทั้งสองข้างไม่หักแต่โคนขาบวมมาก หรือจะหักก็ไม่รู้มองเห็นว่าขาหลังมันใช้การไม่ได้ มันผงกหน้าขึ้นมองผมด้วยดวงตาอันเจ็บปวด เหมือนจะบอกว่าให้ช่วยฉันด้วย ผมให้คนที่บ้านรีบโทรไปบอกสัตว์แพทย์คนหนึ่ง ซึ่งมาที่บ้านผมเรื่องเกี่ยวกับหมาที่บ้านเป็นประจำ

   หมอคนนั้นก็รีบขับรถมอเตอร์ไซค์ มาภายในไม่กี่นาทีเพราะว่าอยู่ไม่ไกลกันนัก มามองๆจับๆตรวจๆดูแล้วบอกว่า จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะว่ากระดูกสันหลังหักไปเสียแล้ว ถ้ารอดขึ้นมาก็จะเป็นอัมพาตเดินขาลากไปตลอดชีวิต หมอพูดแค่นี้ผมก็แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะสงสารมันเห็นมันดีๆอยู่เมื่อวานนี้แท้ๆ ผมบอกหมอให้ช่วยมันอย่างสุดความสามารถด้วย รอดหรือไม่รอดนั้นก็เป็นเวรกรรมของมันเอง..

   ในที่สุดหมอก็ฉีดยาให้(เห็นฉีดสองเข็ม)แล้วบอกว่าถ้าคืนนี้รอดไปได้ ก็คงจะไม่ตายหรอก แล้ววันนั้นทั้งวันอาการของมันก็ไม่ดีขึ้นเลย นอนซมอยู่อย่างนั้น ถ้าเราไปดูมันๆก็ได้แค่เหลือบตามองดูเราเท่านั้นเอง เอาน้ำเอานมมาให้มันๆก็ไม่กิน อยากจะถามอาการมันดู ผมก็พูดภาษาหมาไม่เป็นเสียด้วย

  ในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้ามืดเพื่อจะมาดูมัน เจ้ามะยมมันก็ได้จากไปเสียแล้วโดยนอนสิ้นลมอยู่ตรงนั้น ผมไปบอกทุกคนในบ้าน ทุกคนก็เสียใจโดยเฉพาะหลานของผม สำหรับซากศพของมันนั้น ผมให้นายบูนเอามันไปฝังไว้ที่ท้ายไร่ ซึ่งนายบูนก็ไม่ได้คัดค้านอะไร คงจะเป็นเพราะว่าเจ้ามะยมไม่ได้ตายนอกบ้าน

   ซึ่งที่ท้ายไร่สถานที่ตรงนี้ผมเคยเดินมา และเจ้ามะยมก็เดินตามผมมาด้วยทุกครั้ง เจ้ามะยมจะนั่งเฝ้าผมจนกระทั่งผมเดินกลับเข้าบ้าน มันจึงเดินตามผมกลับไป

   เมื่อมะยมมาจากไปอีกตัวหนึ่งเช่นนี้ หมาที่บ้านนี้ก็จะเหลือเพียง ๓ ตัวเท่านั้น ผมคิดว่าน่าจะไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงได้คุยกันว่าเราน่าจะหาลูกหมามาเลี้ยงใหม่กันอีกสัก ๓ ตัว เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ก็เริ่มถามใครต่อใครว่าเคยเห็นมีลูกหมาที่ไหนบ้าง ก็จะไปขอเขามาเลี้ยง(ไม่ได้คิดจะซื้อหมามาเลี้ยง)

   ยายกิมลี้ร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่เราเคยไปซื้อก๋วยเตี๋ยวบ่อยๆบอกว่า เห็นหมาที่วัดปากคลองบางขวาก (อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของผม) มีลูกหมาตัวเล็กๆวิ่งกันเป็นพรวน ถ้าสนใจก็ไปดูได้และถ้าถูกใจก็ไปอุ้มมันมาเลย มีคนไปอุ้มมาเลี้ยงเยอะแยะแล้ว ดูๆก็น่ารักดีหรอก ก็เลยบอกยายกิมลี้ว่าถ้าว่างแล้วจะแวะไปดู จากนั้นมาอีกหลายวันก็ไม่ได้ไปดูลูกหมาที่วัดสักทีเพราะไม่ว่าง

   จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนที่ทำงานในมหาวิทยาลัยราชมงคล (เรียกว่าแม่บ้าน) มาขอส่งแฟ๊กซ์ (ส่งโทรสารในที่ทำงานของผม)อาศัยที่รู้จักสนิทสนมกันก็เลยคุยกันเรื่องหมา ได้บอกแกว่าอยากได้ลูกหมาสัก ๓ ตัวถ้าเห็นตรงไหนให้บอกด้วยจะเป็นตัวเมียหรือตัวผู้ก็ได้

   แกบอกว่าก็เห็นอยู่เหมือนกัน มีแม่หมาอาศัยอยู่ในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย มันเพิ่งจะคลอดลูกออกมา ๓ ตัว สักอาทิตย์กว่าสองอาทิตย์ได้ เพิ่งลืมตาจะเอาไม๊ ถ้าเอาก็ไปกันเลยเตรียมกล่องไปด้วย เห็นมีคนมาเมียงมองอยู่หลายคนแล้ว ช้าเดี๋ยวอด

   ในบ่ายวันนั้นเองลูกหมา ๓ ตัว มีตัวผู้หนึ่งตัว ตัวเมียสองตัว ก็ไปอยู่ที่บ้าน ในความดูแลของพวกเราโดยเฉพาะหลานของผม ซึ่งจะเป็นคนที่ชอบเห่อแต่ก็เห่อเฉพาะในตอนแรกๆเท่านั้น เนื่องจากเป็นการกะทันหันที่อยู่ๆก็มีหมาเล็กๆ ๓ ตัวไปอยู่ด้วยจึงไม่ได้เตรียมกรงหรือที่อยู่ของมัน ในตอนแรกนี้เลยให้มันอยู่บนบ้านไปก่อน เลี้ยงมันด้วยนมกล่องตราวัวแดง (ไทย - เด็นมาร์ค) มันก็กินดีกินจุเสียด้วย

    ในหลายวันต่อมาจึงได้ช่วยกันต่อกรงกันขึ้น แล้วก็ให้มันอยู่ในกรงตรงใกล้ๆที่พักของนายบูน มันก็อยู่กันอย่างมีความสุข กินเก่ง อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี  โต มะขาม มะตูม หมาใหญ่ที่อยู่เก่า ๓ ตัว เดินเกร่เข้ามาเมียงมองที่กรงหมาเล็กเหมือนกัน มันคงจะคิดว่าพวกนี้มันลูกหลานใครกันวะ แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

alt alt

กรงที่ต่อกันเอาเองนี้ กันด้วยลวดตะแกรงตาข่าย แล้วบุด้วยมุ้งลวดพลาสติกอีกชั้นหนึ่งเพื่อกันยุง หลังคาปิดด้วยผ้าใบอาบน้ำมันอย่างดี กันแดดกันฝนให้มันอย่างสบาย พื้นเป็นไม้กระดาน ฉีดน้ำล้างสิ่งสกปรกให้กับมันทุกๆเย็น

    เวลานี้ล่วงเลยมาเกือบ ๓ เดือนแล้ว พวกผมยุ่งๆกันอยู่เลยลืมเรื่องการฉีดวัคซีนหมา เมื่อนึกได้ก็ให้ลูกชายโทรไปเรียกหมอหมามาด่วน แกก็รับปากว่าจะมาในวันสองวันนี้แหละ หมา ๓ ตัวนั้นมีตัวเมือ ๒ ตัวผู้ ๑ หลานของผมตั้งชื่อมันว่า แตงโม  มอม (ตัวผู้)  และแมม

 

alt alt

ให้เข้ากรงก็ไม่ค่อยอยากเข้าเสียแล้ว ตอนกลางวันก็ประชุมอะไรกันก็ไม่รู้ที่สนามหญ้าข้างบ่อน้ำ

 

alt alt

บางทีมันก็มาวิ่งเล่นกันที่สนามหญ้าด้านหน้าบ้าน อยู่ที่บ้านเราอย่างมีความสุข เพราะสถานที่กว้างขวาง และโดยเฉพาะมีรุ่นพี่เช่น มะตูม บางครั้งก็อยากมาเล่นด้วย

    ตนนี้มัน โตพอที่จะไม่อยากอยู่ในกรงแล้ว  ก็เลยปล่อยมันวิ่งเล่นกับหมารุ่นใหญ่โดยเฉพาะ มะตูม วิ่งกันคึ๊กๆในบริเวณหลังบ้านซึ่งเป็นสวนกันทั้งวัน (นายโตไม่ค่อยเล่น เพราะยังเหงาไม่หาย) กลางคืนก็อยากจะเอาไว้ในกรงตามเดิมก่อน เพราะว่ามันยังเล็กอยู่ แต่มันไม่ค่อยจะยอมเข้ากรงแล้ว ผมสงสารมันแค่คืนแรกที่ปล่อยมันยุงก็กัดท้องมันจะเป็นผื่นลายไปหมด

 

alt

โต นัยตาเซื่องซึม เหม่อลอยตั้งแต่นังต่ายจากไป ไม่อยากไปเล่นกับใคร

    ต่อไปเมื่อมันโตขึ้นสักหน่อยก็ยังไม่รู้ว่าตัวไหนจะออกไปโชว์ลีลาไล่กวดรถ บนถนนนอกบ้านให้รถชนเอาเป็นตัวแรก  ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นกรรมของมันก็แล้วกัน ผมบอกมันก็ไม่ได้ เพราะว่าผมพูดภาษาหมาไม่เป็น......!

     จบคนกับหมาภาค ๑ เพียงเท่านี้ ..  วันเวลาผ่านไป เกิดอะไรกันขึ้นกับหมาหลายๆตัวที่อยู่ที่บ้านผม  ยังมีเรื่องเกิดขึ้นอีกมากมายที่เกี่ยวกับหมาในบ้านของผม กรุณารออ่าน คนกับหมาภาค ๒ ในเร็วๆนี้ครับ..

   แต่ก่อนที่ผมจะนำเรื่อง หมาๆ มาลงต่อจากนี้นั้น ผมอยากจะถามความเห็นของท่านผู้อ่านบ้างว่า เมื่อท่านได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับหมาจบหมดทั้ง ๔ ตอนแล้วนั้น ท่านมีความรู้สึกอย่างไรกับเรื่องหมาๆของผมนี้บ้าง เป็นเรื่องมีสาระ เป็นเรื่องแค่อ่านกันเล่นๆ หรือว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเรื่องที่ต้องติ ต้องชม ในเรื่องที่ผมเขียนมานี้ 

ขอความกรุณาให้ท่านออกความเห็นกันมาหน่อยนะครับ ท่านสมาชิกและท่านผู้อ่านทุกท่านครับ ..!  

alt 

ายแก้ว เขียนคนกับหมา ๔ 

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้152
เมื่อวานนี้292
สัปดาห์นี้940
เดือนนี้152
ทั้งหมด1343742

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online