เหตุเกิดที่ริมรั้ว

รั้วของบ้านจัดสรรก็มักจะมีลักษณะอย่างนี้

    บ้านจัดสรรคือบ้านที่สร้างเหมือนๆกัน ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวจะใช้กำแพงร่วมกัน ยิ่งถ้าเป็นบ้านที่มีเนื้อที่น้อยเช่น ๔๐ ถึง ๕๐ ตารางวา  เขามักจะสร้างบ้านเกือบเต็มเนื้อที่ ทำให้ตัวบ้านแต่ละหลังดูจะใกล้กันมาก บ้านข้างเคียงมีกิจกรรมอะไร เพื่อนบ้านก็มักจะได้ยินได้ฟังด้วย

    บ้านของป้าเล็กก็เช่นกัน ถัดไปอีกสองบ้านเป็นบ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่มักจะมีการพบปะสังสรรค์กันระหว่างผู้ช่วยฯ (ตามที่เขาเรียกกัน)กับลูกบ้านชายแทบทุกวันในตอนหัวค่ำจนดึกดื่น เสียงพูดคุยเสียงหัวเราะเฮฮา บ่อยครั้งที่ทำให้ป้าเล็กรำคาญตามประสาคนอายุหกสิบต้นๆ

   วันนี้การสังสรรค์ได้เริ่มขึ้นแล้วเหมือนวันอื่นๆ ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ บริเวณโดยรอบหมู่บ้านเริ่มมืด ขณะที่ป้าเล็กกำลังกวาดลานหน้าบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆคล้ายคนยืนอยู่ชิดกำแพงรั้วบ้านของป้าเล็ก  เมื่อป้าเล็กเดินไปดูใกล้ๆจึงเห็นว่าเป็นคนจริงๆด้วยและเป็นผู้ชายเพราะเขากำลังยืนปัสสาวะที่โคนต้นมะม่วงที่ป้าเล็กปลูกไว้นอกรั้วบ้าน โดยอาศัยมุมมืดของต้นไม้เพื่อไม่ให้คนเห็น

   ป้าเล็กโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หนอยแน่ะ! มายืนฉี่ใส่ต้นไม้ของฉันได้ แกจึงตะโกนไปยังผู้ชายคนนั้นซึ่งป้าเล็กเดาว่าต้องเป็นพวกที่มาสังสรรค์ที่บ้านผู้ช่วยฯอย่างแน่นอน

   “นี่คุณ! ที่อื่นไม่มีแล้วหรือ ทำไมต้องมาฉี่ใส่ต้นไม้ของชั้นด้วย” ป้าเล็กตะโกนถามด้วยความโมโห
   “ขอโทษครับคุณป้า ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ “ ชายที่อยู่ในมุมมืดตอบด้วยเสียงคล้ายคนเมา

  “นี่คุณ! ชั้นถือนะที่มายืนฉี่หน้าบ้านแบบนี้ ทำไมคุณไม่ไปฉี่หน้าบ้านคนที่คุณมาหาล่ะ” ป้าเล็กไม่ยอมเลิกราง่ายๆ  “ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ เดี๋ยวฝนตกมันก็ล้างไปเองแหละ คุณป้า”

   แล้วชายคนนั้นก็เดินเข้ากลุ่มไปสังสรรค์ต่อไป ปล่อยให้ป้าเล็กบ่นด่าตามหลังด้วยความโกรธแค้นเป็นกำลัง

   ป้าเล็กแกเลี้ยงหมาไว้หลายตัว ปกติแกจะปล่อยหมาของแกให้ออกไปทำธุระส่วนตัวก็ต่อเมื่อมืดค่ำแล้วเพื่อตัดปัญหาการกระทบกระทั่งกับหมาข้างบ้าน

   แต่มีบางครั้งที่หมาบางตัวของแกสามารถเล็ดลอดออกไปนอกบ้านในตอนกลางวันได้ โดยเฉพาะเจ้าเบนหมาลูกครึ่งที่คอยจ้องจะออกนอกบ้านอยู่ร่ำไป เจ้าเบนเป็นหมาหนุ่มใจร้อนที่มักจะตั้งตัวเป็นใหญ่ในบ้านและนอกบ้านอยู่เสมอ

   “ป้าเล็ก ป้าเล็ก” เสียงเด็กข้างบ้านร้องเรียก “เจ้าเบนมันไปกัดหมาบ้านโน้นเลือดอาบเลย ป้าเล็กไปดูหน่อยสิ”
    ป้าเล็กรีบออกไปดูที่บ้านที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากบ้านป้าเล็กไปหลายหลัง พบว่าหมาที่ถูกกัดเป็นหมาเล็กพันธุ์ชิตสุชื่อ ข้าวตัง  เจ้าข้าวตังอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ขนตรงคอของมันมีเลือดเต็ม มันซุกอยู่ใต้ม้านั่งไม่ยอมออกมา

    ป้าเล็กให้สงสารมันยิ่งนักและถือว่าในฐานะเจ้าของหมาที่ไปกัดหมาของคนอื่น ป้าเล็กต้องรับผิดชอบ แกจึงโทรศัพท์เรียกสัตว์แพทย์ที่รักษาหมาของแกเป็นประจำให้ช่วยรีบมาดูให้หน่อย ส่วนเจ้าของเจ้าข้าวตังซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยดูค่อนข้างจะเกรงใจป้าเล็ก ได้แต่บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกป้า เดี๋ยวหนูพาไปหาหมอที่คลีนิคเอง”

   สักพักหมอก็มาถึง หลังจากทำแผลและฉีดยาให้ข้าวตังแล้ว หมอก็กลับไป ป้าเล็กค่อยโล่งใจที่ข้าวตังไม่เป็นอะไรมาก ก่อนกลับป้าเล็กบอกเจ้าของหมาว่า แล้วป้าจะมาดูมันอีกนะ มันน่าสงสารมาก

   อีกสองวันต่อมาป้าเล็กได้ไปเยี่ยมข้าวตังที่บ้านของมันอีก หญิงสาวเจ้าของบ้านพาป้าเล็กไปห้องที่อยู่ข้างตัวบ้านซึ่งมีกรงของข้าวตังตั้งอยู่และข้าวตังกำลังหลับอยู่ในกรงนั้น ป้าเล็กบอกหญิงสาวว่าป้าสบายใจแล้วที่ข้าวตังสบายดี ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ก็มีเสียงรถเข้ามาจอดในบ้าน

   หญิงสาวบอกป้าเล็กว่า “ป้า แฟนหนูกลับมาพอดี เดี๋ยวหนูจะเรียกให้มาขอบคุณป้าที่ช่วยเหลือข้าวตังเป็นอย่างดี”
แล้วเธอก็ตะโกนเรียกไปทางอีกด้านหนึ่งของตัวบ้าน “คุณ คุณ ออกมานี่หน่อย มารู้จักป้าเล็กหน่อย ป้าเขามาเยี่ยมข้าวตัง” แล้วก็มีเสียงตอบมาจากในบ้านว่า “ เดี๋ยวก่อน ไม่ไหวแล้วๆ ขอเข้าห้องน้ำก่อน”

   ทันใดนั้นป้าเล็กรีบผลุดลุกขึ้นยืนและบอกลาหญิงสาว “อ้าว! ป้าเล็ก อยู่รู้จักกับแฟนหนูหน่อยสิ เขาอยากจะขอบคุณป้าอยู่เหมือนกัน”
“ป้าลืมไปว่ามีธุระ ป้าไปก่อนนะ”

   แล้วป้าเล็กก็เดินตัวปลิวจากบ้านนั้นมา ใจป้าเล็กได้แต่คิดว่า เกือบแล้วเชียว ทำไมจะไม่เกือบแล้วเชียว ล่ะ! ก็ป้าจำได้นี่นาว่าเสียงเจ้าของบ้านชายคนนั้น วิธีการพูดแบบนั้น

   เขาคือคนที่ปัสสาวะรดต้นไม้ป้าเมื่อวันก่อนและป้าได้ด่าไปพอแรงนั่นเอง จะไม่ให้ป้ารีบกลับอย่างไรได้  จริงไหมคุณ...

จันทน์เทศ 
๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้22
เมื่อวานนี้485
สัปดาห์นี้1996
เดือนนี้8163
ทั้งหมด1338047

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

2
Online