ตามรอย "ป้าม่อม ขายปูน"

       เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมและคนที่ทำงานร่วมกัน ได้มาคุยและร่วมปรึกษาหารือกันว่า ในเรื่องคนเก่าๆ ของเจ็ดเสมียนนี้ ยังจะมีใครบ้างที่น่าสนใจ และเป็นที่รู้จักของชาว เจ็ดเสมียนโดยทั่วไป ที่ยังไม่ได้เสนอต่อท่านผู้ที่ติดตามอ่านมาโดยตลอด

        คิดกันไปคุยกันมาจึงมาสรุปกันได้ว่า มีคนอยู่คนหนึ่งอยู่ที่เจ็ดเสมียนมาช้านานมาก แกชื่อว่าละม่อม คนในเจ็ดเสมียนนี้ส่วนมากจะเรียกแกเสียติดปากว่า ป้าม่อมขายปูน 

       เหตุที่เป็นดังนี้เพราะว่าที่เจ็ดเสมียนนั้นมีคนชื่อละม่อมถึง ๒ คน ชาวเจ็ดเสมียนที่รู้จักจึงเรียกป้าม่อมคนนี้ว่า “ป้าม่อมขายปูน” ตั้งแต่ผมเด็กๆก็เห็นแกแล้ว รูปร่างสูงๆ ผอมๆ เดินโยกเยก ๆ มาหาแม่ผมที่บ้านบ่อยๆ จนเหมือนกับเป็นญาติสนิทกับแม่ของผมเลยก็ว่าได้  ส่วนอีกป้าละม่อมหนึ่งนั้น ก็คือแม่ของคุณคะนอง คุ้มประวัติ (ไอ้เหม่ง) ซึ่งอยู่ที่ร้านถ่ายรูป จำเนียรศิลป์ ในตลาดเจ็ดเสมียนนั่นเอง

        ผมบอกผู้ที่ร่วมมาปรึกษากับผมในวันนั้นว่า จะเป็นการดีมากเลย ถ้าเราจะหาประวัติ และกิจวัตรของแกในสมัยนั้นได้ มีอีกคนหนึ่งบอกว่า เรื่องนี้มันนานมามากแล้ว และแกก็เสียชีวิตไปนานมากแล้วด้วย ไม่รู้ว่าลูกสาวแกที่ชื่อว่าเจ๊ จรัส ไปอยู่เสียที่ไหนถ้ารู้ที่อยู่ที่ติดต่อจะได้ตามไปถามแกได้ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งบ้านที่ป้าม่อมแกอยู่นั้นก็ไม่มีแล้ว ที่ตรงริมน้ำนั้นเดี๋ยวนี้เป็นที่ตั้งของโรงสูบน้ำ ของสหกรณ์การประปาแห่งเจ็ดเสมียนไปหมดเลย

        ผมบอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้น เราควรไปเจ็ดเสมียนกันสักวันหนึ่ง ไปกันให้ถึงที่เลยสถานที่ป้าม่อมเคยอยู่นั้น น่าจะมีญาติพี่น้องสักคนหนึ่งหลงเหลืออยู่แถวๆนั้นบ้างก็ได้ ในวันนั้นเราก็คุยปรึกษากันอีกนาน ก็ได้บทสรุปว่าเราจะไปเจ็ดเสมียนกันในวันอาทิตย์ ที่ ๓๐ สิงหาคมนี้ พอใกล้ถึงวันจริงๆพวกนี้ก็ไม่ว่างเสียอีก ผมเลยต้องไปคนเดียวเพราะได้ตั้งใจไว้แล้ว

       เช้าวันอาทิตย์ ผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้าและไปกันสองคนกับคุณหวานภรรยาผมเท่านั้น และคิดว่าจะไปเจ็ดเสมียนกันทั้งที ก็ต้องไปพบใครต่อใครที่เป็นคนเก่าหรือเพื่อนเก่าที่เจ็ดเสมียนกันบ้างจะได้ไม่เสียเที่ยว ผมจึงได้ติดต่อ คุณสาธร วงษ์วานิช และภรรยา คุณสุชาติ สุขพันธ์และภรรยาและอีกหลายคน แต่มีว่างกันเพียงสองครอบครัวเท่านั้น ก็โอเคแล้ว  และให้ไปพบกันที่ตลาดเจ็ดเสมียน กะว่าพอตอนสัก ๑๑ โมงก็จะไปกินข้าวและจะได้คุยกัน เนื่องจากเป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้พบกันเลย  สองครอบครัวนี้ก็ตอบรับโดยเฉพาะคุณสาธรบอกว่า จะเลยไปดูที่ดินที่ยังมีอยู่ที่เจ็ดเสมียนด้วย

         ผมแวะไปหา ป้าอุ่นเรือน ที่บ้านไร่ริมคลองก่อน แต่แกไม่อยู่ ผมโทรตามแกๆบอกว่าเข้าจังหวัดไปซื้อของนิดหน่อย กลับมาประมาณเที่ยง ผมบอกว่ายังงั้นผมไปหาเพื่อนก่อน ผมก็เลยโทรไปหาเพื่อนทั้งสองครอบครัวนั้น ให้ไปพบกันที่ร้านอาหารเลย

         ร้านอาหารร้านนี้ อยู่ไกลออกไปจากเจ็ดเสมียนอีกหลายกิโลเมตร ชื่อร้าน “ดั่งแสงตะวัน”  ออกจากตลาดเจ็ดเสมียนไปทางพงสวาย ทะลุถนนเพชรเกษมสายเก่า ก่อนจะทะลุถนนเพชรเกษมนั้นจำได้ว่ามีคนรู้จักกันคนหนึ่ง ทำอุตสาหกรรมในครัวเรือนประเภท ผ้าต่างๆ เช่นผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน  ผ้าม่าน ฯลฯ ทั้งขายปลีกและขายส่ง ชื่อว่าร้าน พริ้มพัฒนา  ผมผ่านออกไปถนนเพชรเกษมแล้ว ก็ยังมองไม่เห็นโรงงานหรือร้านที่ว่านี้เลย ก็เลยอดเข้าไปชมสินค้า

  

รับประทานอาหาร

 

นานๆจึงพบกันครั้งหนึ่ง 
 

        นั่งรับประทานอาหารและคุยกันกับเพื่อนเก่าเจ็ดเสมียนเสียนาน จนเที่ยงเศษๆ จึงได้ออกจากร้านอาหารแล้วแวะไปหาน้องชายของคุณอโณทัย ไทยสวัสดิ์ ชื่อคุณสุพจน์  ไทยสวัสดิ์ ทำงานกรมทางเป็นหัวหน้าแขวงการทางราชบุรี ตอนนี้เกษียณอายุราชการมาได้ ๑ ปีแล้ว ออกมาทำรีสอร์ตอยู่แถวๆบ้านกล้วย
       เมื่อไปถึงรีสอร์ตของคุณสุพจน์ ซึ่งเข้าไปลึกพอสมควร ปรากฏว่าคุณสุพจน์ไม่อยู่ จึงได้คุยกับลูกชายของเขาซึ่งเป็นผู้ดูแลรีสอร์ตนี้ไม่นานนักจึงได้กลับออกไป

         คุณสุชาติและภรรยาแยกกันกับผมตรงนี้ ขอไปซื้อดินไปปลูกต้นไม้ที่เจดีย์หัก ผมกับคุณสาธรจึงย้อนไปเจ็ดเสมียนกันสองคันเท่านั้น เมื่อถึงเจ็ดเสมียนคุณสาธรขอแยกตัวไปดูที่ดินของเขา ผมก็เลยไปหาป้าอุ่นเรือนกับภรรยาคันเดียวเท่านั้น

 
        ไปถึงบ้านไร่เจ็ดเสมียนของป้าอุ่นเรือนที่ริมคลองชลประทาน ป้าอุ่นเรือนแกรออยู่ก่อนแล้ว ก็เลยคุยให้ฟังเรื่องที่ผมได้ตั้งใจมาในวันนี้ เมื่อเป็นดังนั้นป้าอุ่นเรือนแกก็ขอช่วยไปตามหาป้าละม่อมอีกแรงหนึ่ง จุดหมายก็คือที่บ้านเก่าของแกซึ่งอยู่ที่ริมแม่น้ำใกล้ๆโรงสีไฟเจ็ดเสมียนในสมัยก่อนนั้นนั่นเอง

 
      สถานที่อยู่ของป้าละม่อมดั้งเดิมนั้นไม่ไกลจากตลาดเจ็ดเสมียนเท่าไรนัก เดิมทีก็อยู่ติดกับโรงสีเจ็ดเสมียนซึ่งได้เลิกไปนานแล้ว เดี๋ยวนี้กลายเป็นสถานที่ตั้งโรงสูบน้ำของสหกรณ์เจ็ดเสมียนไปแล้ว

       เรา ๔ คนรวมทั้ง ครูแปบ น้องสาวของป้าอุ่นเรือน ด้วยนั่งรถกันมาถึงทางแยกเข้าโรงสีเก่า ซึ่งไม่มีโรงสีตรงนั้นแล้ว มองเข้าไปแต่ไกลเห็นหอถังน้ำประปาของสหกรณ์ ตั้งเด่นเป็นสง่า เข้าไปใกล้ๆอีกนิดหนึ่งก็เห็นหลังคาโรงสูบน้ำ โรงสูบน้ำนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทับที่บ้านของป้าละม่อมในสมัยก่อนนั้น ทั้งหมดเลย

  

 

ที่มองเห็นนี้ เป็นสถานที่ๆป้าม่อม แกเคยอยู่ ตั้งแต่หอถังน้ำเข้าไป ทางด้านซ้ายมือนั้นเป็นแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งมองไม่เห็นในภาพนี้

     ผมจึงคิดว่า แล้วเราจะมาหาร่องรอยของป้าม่อม กันได้อย่างไร เหตุการณ์สถานที่มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว     เห็นๆกันอยู่.... 

                                  

 

โปรดติดตามตอนต่อไป กรุณาคลิก " ตามรอยป้าม่อมขายปูน ตอนที่ ๒ " กันต่อไปได้เลย  พบร่องรอยหรือไม่พบ รู้กันตอนหน้าครับ..

  

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้272
เมื่อวานนี้549
สัปดาห์นี้272
เดือนนี้13190
ทั้งหมด1343074

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

4
Online