ละม่อม เทพหัส ๓ (ส้วมหลุม)

             

ละม่อม เทพหัส

        สิ่งที่ผมบอกให้ไอ้เหม่งดูนั้น มีลักษณะเป็นโรงเล็กๆสี่เหลี่ยม สักเมตรครึ่งคูณเมตรครึ่งเห็นจะได้ ทำเป็นเพิงหมาแหงนตีสังกะสีปิด ๓ ด้าน ส่วนด้านหน้าที่หันหน้าเข้าหาตัวบ้านป้าม่อมนั้น ทำเป็นประตูตีด้วยสังกะสีสำหรับปิดเปิด

    

หลังคามุงด้วยใบจากตับ ที่ใช้สำหรับมุงหลังคาบ้าน หลังคาสูงจากพื้นสัก ๒ เมตรเห็นจะได้  สังกะสีลอนใหญ่ที่ตีกั้นทำเป็นฝานั้นไม่ได้ตีทึบถึงหลังคา ยังคงเว้นช่องทั้งสี่ด้านเพื่อเอาไว้ระบายอากาศอยู่ โรงเล็กๆหรือส้วมหลุมหลังนี้หันหลังให้กับแม่น้ำ หันหน้ามาทางบ้านป้าม่อม อยู่ห่างจากบ้านป้าม่อมกว่า ๑๐ วา มันก็คือส้วมสำหรับถ่ายทุกข์นั่นเอง ในตอนนั้นเขาเรียกส้วมชนิดนี้ว่าส้วมหลุม หรือเว็จ... ถ้าเป็นของทางวัดสำหรับพระเขาเรียกกันว่า ฐาน

      เรื่องฐานนี้เมื่อหลายปีก่อนผมกับเพื่อนอีกหลายคน อุตริคิดไปเป็นเด็กวัดเฉพาะกาล    (ติดตามคอยอ่านเรื่องเป็นเด็กวัด ภาค ๒ มีฮากันไม่หยุด) ในตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่า ฐาน คืออะไรเลยครับ วันนั้นถึงเวลาพระฉันเช้า ในขณะที่พระทั้งหมดของวัดเจ็ดเสมียนกำลังฉันเช้ากันอยู่ที่หอฉันนั้น
      หลวงพี่องค์หนึ่งท่านเป็นอะไรก็ไม่รู้ ลุกพรวดพราดขึ้นมาหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วหันไปบอกพระที่นั่งอยู่ข้างๆว่า ผมต้องไปฐานสักประเดี๋ยวก่อนนะครับ พูดแค่นั้นแล้วก็รีบร้อนเดินลงบันไดวัดไป ผมได้ยินก็งงๆอยู่พยายามมองพระองค์นั้นลับตาไป

แล้วหันมาค่อยๆกระซิบถามพระองค์ที่นั่งข้างๆ  (ชื่อพระรึม) อยู่นั้นว่า ท่านครับหลวงพี่ ช่วย ท่านไปฐานอะไร ไปทำไมครับ พระองค์นั้นเหลียวมามองผม คงว่าไอ้นี่มันเป็นเด็กวัดอะไรกัน ทำไมมันจึงไม่รู้เรื่องเลย

      แล้วแกจึงบอกว่า  ฐานก็คือที่ขี้ซีวะ หลวงพี่ช่วยแกไปขี้   (ขออภัยหยาบไปหน่อย แต่ท่านพูดอย่างนี้จริงๆ) แกลากเสียงเสียยาวเชียว จนกระทั่งเจ้าอาวาสและหลวงตาเพชรต้องหันมามองทางผม ผมร้องอ๋อ...!แล้วพระรึมแกก็หันไปฉันอาหารเฉยเลย ปล่อยให้ผมได้กลิ่นไม่ดีติดจมูกไปหลายวัน

    ในระยะนั้นบ้านตามชนบทโดยทั่วไป ก็มักจะขุดหลุมทำเป็นที่ถ่ายหนักถ่ายเบาอย่างง่ายๆ ยังไม่ค่อยมีส้วมชนิดราดน้ำที่เรียกกันว่าส้วมซึมเหมือนสมัยนี้หรอกครับ 

     ย้อนไปในสมัยเก่ากว่านี้อีกหน่อย ในตอนนั้นยิ่งแย่กว่านี้ ตามบ้านในชนบทที่ยังเป็นป่าจะไม่มีส้วมเลยก็ว่าได้ พอปวดก็วิ่งเข้าป่าไปง่ายๆดี เรื่องของส้วมหลุมนี้ผมผู้เขียนจะไม่ขออธิบายมาก ไม่ต้องบอกก็ได้นะครับว่า เมื่อขุดหลุมแล้วจะต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ที่อยู่ภายในส้วมนั้น ขอให้เข้าใจกันเองก็แล้วกันนะครับ

      เมื่อป้าม่อมแกขุดส้วมหลังใหม่แล้ว เป็นส้วมแบบหลุมเหมือนเดิม ภายในส้วมของป้าม่อมนั้น  มีเพียงไม้กระดานขนาด ๘ นิ้วและคงจะหนาพอสมควร พาดไว้เหนือหลุมวางห่างกันสองแผ่น นอกนั้นไม่มีแผ่นอะไรปิดหลุมเลย มีถังสังกะสีเล็กๆมีหูหิ้ว ๑ ลูก ใส่ไม้ไผ่ที่เหลาแล้วอันเท่าตะเกียบที่จับอาหาร แล้วตัดสั้นๆประมาณอันละ ๑ คืบแขวนไว้กับตะปูที่ตอกไว้กับไม้โครงเคร่าด้านหลัง เวลาจะใช้ก็เอี้ยวตัวไปหยิบเอาง่ายๆ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรไม่มีโอ่งน้ำก๊อกน้ำ  สรุปแล้วก็เหมือนส้วมตามชนบททั่วไปนั่นเอง

      ป้าม่อมแกจ้างคนมาขุดส้วมใหม่ได้กว่า ๒ เดือนแล้วตามที่แกบอกผมในตอนหลัง ผมจึงเพิ่งจะเคยเห็นเพราะว่าไม่ได้สังเกตทั้งๆที่มาบ้านป้าม่อมแกหลายครั้งแล้ว ส้วมหลังเก่าของบ้านป้าม่อมนั้นอยู่ทางชายป่าคนละทิศกับส้วมใหม่นี้ อันนั้นผมเคยเห็นส้วมหลังเก่านั้นป้าม่อมแกขุดแล้วใช้มานานนับสิบปี อยู่ๆมาเมื่อ ๒ เดือนก่อนนั้นวันดีคืนดี แกก็จ้างคนมากลบหลุมเก่าเสีย แล้วก็มาสร้างใหม่ตามที่ผมกับไอ้เหม่งเห็นนี่แหละ

     ส้วมหลังใหม่นี้ป้าม่อมแกบอกว่าไม่ได้ขุดลงไปลึกเท่าไรหรอก เพราะว่าที่บ้านแกนี้มีคนน้อยมันคงไม่เต็มเร็ว มิน่าล่ะเมื่อตอนแรกที่ผมเดินไปสำรวจส้วมหลังใหม่นี้กับไอ้เหม่ง พอเดินเฉียดเข้าไปกลิ่นงี้ฉุยเข้าจมูกเลย กลิ่นมันหอมหวนยวนใจอย่างนี้นี่เอง มันจึงได้ล่อใจให้กระสือตัวนั้น หาช่องทางที่จะเข้ามาพิสูจน์เสียจริงๆ และป่านนี้มิพิสูจน์กันไปหลายครั้งแล้วรึ

      ผมบอกไอ้เหม่งว่า ป้าม่อมแกขุดส้วมหลังใหม่นี้ พี่ว่ามันต้องเป็นไอ้นี่เองที่เป็น ตัวเรียกผีกระสือตัวนั้นมาป้วนเปี้ยนวนเวียนที่บ้านป้าม่อมนี้ ของใหม่มันคงหอมหวนยวนใจสำหรับมันที่จะอดใจไม่ไหว มันจึงต้องหาช่องทางที่จะมาลิ้มลองของใหม่ให้ได้ มึงว่าไม๊ ผมหันไปมองหน้ามัน ไอ้เหม่งบอกว่า ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่คิดไปอีกทีที่อื่นก็มีถมเถทำไมมันจึงไม่ไป

      มึงรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ได้ไป พี่ว่ามันก็คงล่องลอยไปหากินทั่วไปหมดแหละ ในที่ๆมันเห็นว่าปลอดภัยสำหรับมัน  ไอ้เหม่งบอกว่าเมื่อเราสันนิษฐานว่ามันคือส้วมใหม่ของป้าม่อนนั่นเอง ที่เป็นตัวการให้ไอ้กระสือมันมาเยี่ยมอยู่เรื่อยๆ แล้วพี่เก้วจะทำยังไง
      ผมบอกไอ้เหม่งว่า ขั้นแรกนี้ก่อนเราจะกลับเราก็คุยกับป้าม่อมบอกเขาให้รู้เรื่องไปทีเดียว ว่าเรารู้แล้วและจะหาคนมาจัดการให้ ป้าม่อมแกก็คงจะเห็นดีด้วยเป็นแน่ คิดได้ดังนั้นแล้วผมกับไอ้เหม่งก็ไปหาป้าม่อม แกกำลังเอาไม้พายอันใหญ่กวนหินฝุ่นปูนผสมขมิ้นชันสีเหลืองๆในโอ่งอยู่ ผมกับไอ้เหม่งคุยบอกป้าม่อมเรียบร้อยแล้วถึงสิ่งที่พวกผมสังเกตเห็น 

     ป้าม่อมบอกว่าตามใจพวกมึง ถ้าพวกมึงช่วยกูก็ขอบใจ กูรำคาญพวกหมามันเห่ากันลั่นทุกคืน เมื่อคืนนี้มันก็มาเห็นแสงมันแวบๆ กูเอาก้อนดินขว้างมันๆก็เลยลอยหายไปทางริมตลิ่ง แต่อย่าลืมนะโว้ยบอกแม่มึงก่อน ไอ้เหม่งด้วยเดี๋ยวอีหละกับอีม่อม (คุณแม่ม่อมแม่ของไอ้เหม่ง) เล่นงานกูตาย

      ผมเดินกลับออกมาจากบ้านป้าม่อมทางด้านหลังโรงสี พอโผล่พ้นเรือนหุ่น อาคารเรียนชั้นเดียวของโรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน ซึ่งอาคารหลังนี้หลวงตาหุ่นเจ้าอาวาสวัดเจ็ดเสมียน ท่านได้สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๖  ก็ได้เดินสวนกับนายแดงลูกชายคนเล็กของป้าม่อม  เราหยุดยืนทักกันนิดหน่อย พอนายแดงรู้ว่าพวกผมไปที่บ้านเขามา เขาก็ยิ้มๆแล้วก็เดินผ่านเข้าบ้านไป ประเดี๋ยวป้าม่อมคงจะบอกเขาหรอกน่า ว่าพวกผมมาที่บ้านเขาทำไม 

 
คนที่ยืนข้างหน้านั้นคือ เจ๊จรัส เทพหัส ส่วนคนที่ป้าม่อมอุ้มอยู่นั้นคือนายแดง
 เป็นลูกชายคนเล็กของป้าม่อม

เด็กผู้ชายคนที่ยืนด้านขวามือนั้นไม่ทราบว่าเป็นใคร ภาพนี้นายแดงยังเล็กอยู่อายุประมาณ ขวบกว่าๆ ภาพที่นายแดงเป็นวัยรุ่นแล้ว หาไม่ได้ครับ     

        นายแดงคนนี้เป็นลูกชายและเป็นลูกคนเล็กของป้าม่อม อายุอานามก็คงจะไล่เลี่ยกับพวกผม แต่เขาก็ไม่เคยมาเข้ามาเป็นพวกผมเลย คงเล่นกับพวกไอ้โปรดซึ่งเป็นเด็กวัดและกับพวกเด็กวัดอีกหลายคนทุกวัน บางทีก็กินข้าวที่วัดเสียเลย เพราะมีอาหารสารพัดมากมายให้กินแถมยังมีของหวานด้วย ผมรู้เพราะว่าผมเคยเป็นเด็กวัดมาแล้ว เมื่อหลายปีก่อนนั้น 
  

       ผมก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรนายแดงจึงไม่ค่อย มาเล่นกับพวกเด็กตลาด ทั้งๆที่ เจ๊จรัสก็เป็นช่างเสริมสวยอยู่ที่ตลาด และพักอาศัยอยู่ที่ร้านเสริมสวยของเจ๊อยู่ ที่ห้องแถวใกล้ๆบ้านผมนั่นเลย จะว่าเพราะเขาไม่ใช่เด็กตลาดจึงไม่อาจเข้าพวกได้ ที่จริงแล้วไม่จริงหรอก พวกลูกนายตรวจทางหลายคนก็มาเล่นที่ตลาด

       และพวกที่อยู่ทางนอกๆออกไป ที่มาเรียนกันที่วัดสนามชัย ก็มาเล่นมาคบหาสมาคมกับพวกผม อย่างไอ้เหลือ ไอ้เหม็น (ประเสริฐ)  ไอ้ยงค์ เกสร สำหรับไอ้ยงค์นี้ในตอนหลังมันรับราชการ ได้เป็นถึงนายพลเรือตรีอยู่กำลังพลทหารเรือ ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยแหละ เพราะอย่างนี้ผมกับพรรคพวกมาเที่ยว ที่บ้านป้าม่อมแต่ละครั้งจึงไม่ได้พบเจ๊จรัส และนายแดงเลย เหมือนกับว่าบ้านหลังนี้มีป้าม่อมอยู่คนเดียว

    ผมกับไอ้เหม่งกลับมาถึงบ้านก็ค่ำแล้ว เด็กๆตลาดหลายรุ่นวิ่งเล่นกันเจี๊ยวจ๊าวที่หน้าตลาด เด็กที่โตหน่อยเช่นพวกผมก็จะไม่ค่อยได้เล่นอะไรกันแล้ว อย่างมากก็แค่มาชุมนุมกันเป็นกลุ่ม มาคุยกันตามประสาวัยรุ่น พอสักสามทุ่มกว่าๆก็เข้าบ้านกันหมด นอกจากว่าใครคนไหนที่มีภารกิจที่จะต้องทำอะไรก็แยกย้ายกันไป

      ก่อนแยกกับไอ้เหม่งผมบอกไอ้เหม่งว่า พรุ่งนี้ตอนเช้าเราไปหาพี่แกละกับพี่กี๋ที่บ้านของเขาเลยนะ  (บ้านนายตรวจทางรถไฟ อยู่ตรงกันข้ามกับสถานีรถไฟเจ็ดเสมียน)  ถ้าตกลงเราก็จะทำการกันพรุ่งนี้เลย เพราะว่าพรุ่งนี้วันเสาร์โรงเรียนปิด จะนอนกันดึกสักหน่อยเพราะคอยซุ่มจับกระสือกัน  มะรืนวันอาทิตย์ก็จะได้พักผ่อนกันเต็มที่ ส่วนเขาจะทำกันอย่างไรนั้นเมื่อพากัน ไปถึงบ้านป้าม่อมแล้วก็คอยดูก็แล้วกัน ไอ้เหม่งเห็นชอบด้วย แล้วเราก็แยกกันเข้าบ้านไป

       เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ อากาศในหน้าหนาวยามเช้าอย่างนี้ มันหนาวดีจริงๆลมหนาวพัดมาแต่ละทีเย็นแปลบไปทั้งร่างกาย  ผมตื่นขึ้นมาแล้วโผล่พ้นประตูหน้าบ้านออกมา ผมเห็นไอ้เหม่งมันยืนคอยผมอยู่ก่อนแล้ว ผมยังคิดว่า เออไอ้เหม่งมันแน่นอนเรื่องการนัดกันจริงๆ มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว

       แต่ผมก็ชักจะสะดุดใจที่ไอ้เหม่งมันแต่งตัวเรียบร้อยเสียจริงๆ มันใส่กางเกงนักเรียนสีกากี  สวมรองเท้านักเรียนแถมใส่ถุงเท้าสีน้ำตาลเสียด้วย ใส่เสื้อข้างในเป็นเสื้อยืดลายๆ สวมเสื้อกันหนาวผ้าสำลีลายสก๊อต ยาวมาคลุมถึงก้นอีกตัวหนึ่งแต่ไม่ได้ติดกระดุมข้างหน้า เห็นเข็มขัดหัวลูกเสือโผล่ออกมาวาววับ

      ผมมองดูไอ้เหม่งแต่งตัวแปลกๆแล้วมองหน้ามัน ก่อนที่ผมจะพูดจะถามอะไรมัน มันก็เอ่ยปากบอกผมก่อน พี่เก้วผิดพลาดเสียแล้วละ เมื่อเย็นวานตอนกินข้าวกันพ่อฉันบอกว่า จะไปเที่ยวกรุงเทพสักสองวันไปหาน้าที่อยู่ที่บางพลัดกัน และจะพาฉันไปด้วย ฉันถึงบอกพี่เก้วว่ามันผิดพลาดแล้วคราวนี้ แล้วไอ้เหม่งก็พูดให้ผมฟังอีกหลายอย่างเกี่ยวกับจะต้องไปกรุงเทพ ไม่ได้อยู่ร่วมผจญภัยกับผม ทั้งๆที่ได้ดำเนินเรื่องมาด้วยกันสองคนจนเกือบถึงตอนสุดท้ายอยู่แล้ว

     ไอ้เหม่งบอกว่า เปลี่ยนไปเป็นอาทิตย์หน้าไม่ได้หรือ อาทิตย์หน้าฉันว่าฉันว่างแน่นอน ผมก็เลยบอกไอ้เหม่งว่า ไม่เป็นไรหรอกคราวนี้ไม่ได้ไปกันโอกาสหน้ายังมี เรื่องที่เราจะต้องทำด้วยกันยังมีอีกเยอะ ไปกรุงเทพฯคราวนี้แล้ว ขากลับอย่าลืมซื้อของติดมือมาฝากด้วยนะ ไอ้เหม่งหัวเราะและเราก็หัวเราะพร้อมกัน เพราะต่างคนต่างก็รู้กันดีว่า แต่ละคนนั้นมีสตางค์กันเมื่อไรเล่า อยู่ในเจ็ดเสมียนนี้แหละไม่มีสตางค์ก็อยู่ได้  

     รถเช้าก่อนแปดโมงก็เข้าเทียบชานชาลาสถานีเจ็ดเสมียน ไอ้เหม่งกับน้าเนียรพ่อของมันก้าวขึ้นรถไฟไปกรุงเทพฯกัน พอดีกับที่ผมจะเดินไปหาพี่แกละที่บ้านนายตรวจทางฉุยด้วย ก็เลยมาส่งมันที่สถานีรถไฟเสียเลย ไอ้เหม่งมันเปรียบเสมือนเพื่อนผมคนหนึ่ง แม้ว่าอายุของมันจะน้อยกว่าผม ๒ ปี

     นับจากวันแรกที่มันและครอบครัวย้ายมาจาก บ้านบางโตนด  (ตะโหนด)  มันก็เป็นคู่หูของผมมาตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่เจ็ดเสมียนแห่งนี้ ผมมองตามรถไฟไปและคิดว่า เออ...! ไอ้เหม่งมันโชคดีและมันมีบุญนะที่ได้ไปเห็นกรุงเทพฯ มันได้ไปเห็นมาหลายครั้งแล้ว ย้อนกลับมาดูตัวเองและคิดว่า อันตัวเรานี้คงไม่มีวาสนาได้ไปเห็นกรุงเทพฯกับเขาหรอก ต่อไปก็คงจะเป็นหนุ่มเจ็ดเสมียน ต่อไปคงจะเป็นคนแก่เจ็ดเสมียน และต่อไปคงจะตายที่เจ็ดเสมียนนี้แหละ คิดๆแล้วก็ดีเหมือนกัน เฮ้อ.....เราหนอเรา.!

      รถไฟออกจากสถานีไปตั้งนานแล้ว ผมก็ยังยืนงงเซ่อๆอยู่อย่างนั้น ในหัวคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนรถไฟเที่ยวเช้านั้นจะลับตาไปตรงคลองมะขามนั่นแล้ว นายลำไย โสภาพันธ์ นายสถานีเจ็ดเสมียนในสมัยนั้น เดินเข้ามาถามผม เฮ้ย..!ไอ้เก้วจะไปไหนวะ นายลำไยแกก็ชอบพูดกับเด็กๆ ลูกๆ หลานๆ คนเจ็ดเสมียนอย่างนี้แหละ กระโชกโฮกฮากไปตามประสาของชาวชนบท จริงๆแล้วแกเป็นคนใจดีแกเป็นนายสถานีรถไฟอยู่เจ็ดเสมียนมานาน จนรู้ว่าใครเป็นใครลูกเต้าเหล่าใครแกรู้จักหมด

     ผมก็ตอบแกไปตามจริงว่ามาส่งไอ้เหม่งมันไปกรุงเทพฯ แกพยักหน้าแล้วแกก็เดินถือธงเขียวแดงที่อยู่ในมือเดินเข้าสถานีไป ผมเดาเอาว่า อีกสักพักแกก็คงจะไปคุยกับเฮียไล้ที่ร้านกาแฟหลังสถานีรถไฟเป็นแน่

 
บ้านพักนายตรวจทางรถไฟเจ็ดเสมียนปัจจุบันนี้ อยู่ตรงกันข้ามกับสถานีรถไฟเจ็ดเสมียน

ซึ่งเป็นหลังเดียวกับที่นายตรวจทางฉุยอยู่เมื่อเกือบ ๖๐ ปีมาแล้ว สภาพก็เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา 

    ผมกระโดดข้ามรางรถไฟไปยืนเก้ๆกังๆ อยู่หน้าบ้านนายตรวจทางฉุย สอดส่ายสายตามองหาพี่แกละว่าจะอยู่หรือเปล่า อากาศจะหนาวแค่ไหน นี่ก็เกือบ ๘ โมงแล้วพวกเขาคงจะลุกจากที่นอนกันหมดแล้วแหละนะ ในครอบครัวของคนทำงานจะมานอนขี้เกียจอยู่อย่างไรได้

     ในขณะที่ผมยืนสอดส่ายสายตามองเข้าไปในบ้านพักนายตรวจทาง โดยผ่านช่องของไม้เล็กๆที่ตีเป็นลูกระนาด ที่บานประตูนั้น กำลังเพลินๆก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมีคนมาตบหลังป๊าบใหญ่ แล้วบอกว่า    มึงมาทำอะไรแถวนี้วะ.....!

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้464
เมื่อวานนี้460
สัปดาห์นี้2314
เดือนนี้11561
ทั้งหมด1341445

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

3
Online