ภาพในอดีต ๔ (ละครร้อง )

ภาพของคนเจ็ดเสมียนภาพนี้มีอายุนานถึง ๗๒ ปีแล้ว ตัวจริงยังอยู่ที่ คุณบรรจง งามรัตนกุล

    ภาพในอดีตภาพนี้ ผมเข้าใจว่าคงจะมีต้นฉบับของภาพ เพียงใบเดียวเท่านั้น และในเวลานี้ ผู้ที่ครอบครองต้นฉบับที่แท้จริงนั้น ก็คือเจ๊แอ๊ว แห่งโรงน้ำปลาเจ็ดเสมียน

    และภาพที่ท่านเห็นนี้เจ็แอ๊วก็ได้ให้นำมาลงให้ท่านผู้อ่านได้ชมภาพนี้ทั่วๆกัน ซึ่งจะหาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว นอกจากขอดูตัวจริงที่เจ๊แอ๊วเพียงที่เดียวเท่านั้น

     ผู้บรรยายจึงต้องขอขอบคุณ เจ๊แอ๊ว ที่ได้กรุณาให้ยืมภาพนี้มาลงไว้ ณ ที่นี้ด้วย ภาพนี้เป็นภาพที่มืดมนในการบรรยายจริงๆ เพราะว่าไม่มีข้อมูลอะไรที่จะชี้ชัดไปว่า คุณย่าคุณทวดเหล่านี้มาถ่ายรูปหมู่กันทำไมในวันนั้น

     แต่อย่าเพิ่งตกใจไป ในวันที่ไปรับรูปนี้จากเจ๊แอ๊วที่บ้านของเขานั้น ก็ได้คุยวิจารณ์ภาพนี้กันอย่างกว้างขวาง จึงได้เบาะแสมาบ้างว่า ภาพนี้มีใครบ้าง เขาทำอะไรกัน ที่สถานที่ใด และตั้งแต่ พ.ศ.ใด ผู้บรรยายก็จะขอบรรยายดังนี้

     เอารายชื่อของคุณย่าคุณทวดเหล่านี้ก่อน พอได้ชื่อแล้วเรื่องต่างๆคงจะกระจ่างขึ้นมาบ้าง

      แถวยืน (สุภาพบุรุษ)จากซ้าย ครูหร่ำ เกสร, ครูกวย (โกวิท วงศ์ยะรา) ,ครูแล่ม (ครูแฉล้ม คงมั่น บิดาของครูเฉลิม คงมั่น) , ครูโห้ลิว (ครูหิรัญ สุวรรณมัจฉา แต่งตัวเป็นกรรมกรหรือชาวนามีงอบสะพายหลัง)

     แถวนั่ง (สุภาพสตรี) จากซ้าย นางสาวผ่อง, นางสาวงั้น (อาของเจ๊แอ๊ว),นางสาวกิมแช (นางเอก แม่ของคุณสาธร วงษ์วานิช), นางสาวเกสร (น้าของเจ๊แอ๊ว) นางสาวสุภาพ, นางสาวกิมฮวย (พระเอก แม่ของคุณอำนวย แววทอง ผักกาดหวาน แม่กิมฮวย)

     ทุกๆท่านในภาพนี้ได้ล่วงลับไปหมดแล้ว โดยเฉพาะ นางสาวเกสร ที่เป็นน้าของเจ๊แอ๊วนั้น ได้เสียชีวิตไปเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๕๒ นี้เอง รวมอายุได้ ประมาณ ๙๐ ปี

     บุคคลทั้ง ๑๐ คนที่อยู่ในภาพนี้ ต่างก็มีบทบาทมากบ้างน้อยบ้าง อยู่ที่ตำบลเจ็ดเสมียนนี้ ผู้บรรยายจะบอกเกี่ยวกับเรื่องการที่คนเหล่านี้มาถ่ายรูปหมู่เอาไว้เป็นที่ระลึกกันเสียก่อนว่าเขามาทำอะไรกัน

    ในวันนั้นวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๙ ซึ่งเป็นวันสงกรานต์ ที่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียนของเรา ได้จัดให้มีการรื่นเริงในวันสงกรานต์เหมือนเช่นทุกๆปีที่ผ่านมา ในปีที่เอ่ยถึงนี้ นอกจากมีรำโทน และการละเล่นตามประเพณีต่างๆเพื่อให้หนุ่มสาวได้สนุกสนานกันแล้ว ก็ยังมีละครสมัครเล่นคณะหนึ่ง ประกอบไปด้วย ครู, ชาวตลาดเจ็ดเสมียน, และนักเรียนมาร่วมแสดงกันด้วย ละครนั้นก็เป็นแบบละครร้อง ที่พูดกันไปแล้วก็ร้องเพลงกันไป

      จะเป็นการแสดงละครเรื่องอะไรกันนั้น กำลังหาข้อมูลในบันทึกกันอยู่ ในตอนนี้จึงไม่อาจจะชี้ชัดลงไปได้ว่าในวันนั้น ท่านเหล่านี้แสดงละครเรื่องอะไรกัน  
      ดูจากการแต่งตัวของละครนั้น เดาเอาว่าก็คงจะเหมือนละครแบบโบราณที่มีคุณหลวงคุณพระ ที่รับราชการแล้วมาตรวจงานในชนบท ได้มาพบกับสาวสวยชนบทแล้วก็อาจจะนึกรัก เกิดการเกี้ยวพาราสีกันโดยการร้องเพลงโต้ตอบกันไปมา

      ในฉากชนบทนั้นก็ต้องมีตัวประกอบเช่นชาวบ้าน หรือชาวนา (ครูโห้ลิวคงเป็นตัวประกอบ แต่งตัวเป็นชาวนา อาจจะมีนักเรียนเป็นตัวประกอบ เป็นเด็กๆที่วิ่งเล่นตามชนบทด้วย)

      ได้คุยกับเจ๊แอ๊วในวันที่ไปรับรูปมานั้น เจ๊แอ๊วบอกว่า ได้ฟังจากปากแม่ของเจ๊แอ๊วเล่าให้ฟังอีกที ว่าในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๔๗๙ ที่เขาจะมีการแสดงละครกัน แม่ของเจ๊แอ๊วมีหน้าที่จะต้องไปแต่งหน้าให้ตัวละครเหล่านี้ แต่ในวันนั้นแม่เจ๊แอ๊วซึ่งท้องแก่  (ท้องเจ๊แอ๊ว) ได้ถึงกำหนดคลอดพอดีและได้คลอดเจ๊แอ๊วออกมา จึงไม่ได้ไปแต่งหน้าให้ตัวละครที่จะเล่นในวันนั้นพอดี

      ผู้บรรยายก็มาคิดเอาว่าก็คงจะมีคนมาทำหน้าที่ แต่งหน้าให้ตัวละครแทนแม่ของเจ๊แอ๊ว และการแสดงก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

     เนื่องจากภาพนี้ ถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า ๗๐ ปีแล้ว ข้อมูลของภาพนี้จึงเป็นการเดาเอาบ้าง ผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยมาด้วย ส่วนรายชื่อบุคคลนั้นมีบางท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อและบางท่านอาจจะไม่เคยได้ยินเลย จึงขอเล่าเกร็ดเล็กๆน้อยๆสำหรับบุคคลบางท่านที่พอจะทราบนะครับ

      ครูหร่ำ เกสร บ้านเดิมของท่านอยู่ทางบ้านสิงห์ มาเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน และได้เป็นครูใหญ่ (ผู้บริหาร) ที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๒ -  ๒๔๙๗ แล้วได้ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่นแต่จะเป็นที่โรงเรียนไหนผมก็จำไม่ได้แล้ว

      ในเวลาต่อมาเมื่อผมไปเรียนหนังสืออยู่ที่โพธาราม ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ นายชูชีพ เกสร บ้านอยู่ทางบ้านสิงห์ ซึ่งนายชูชีพนี้ก็คือลูกของครูหร่ำ เกสร นั่นเอง และชูชีพ เกสร เมื่อเรียนจบจากโรงเรียนที่โพธารามแล้วก็ได้แยกย้ายกันไป ไม่ทราบว่าปัจจุบันนี้อยู่ที่ไหน ไม่ได้ทราบข่าวกันอีกเลย

      ครูกวย (นายโกวิท วงศ์ยะรา ) ครูใหญ่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียนที่จริงชื่อนี้ไม่ต้องมาเล่ามาบอกอะไรกันแล้ว โด่งดังจนใครๆ รุ่นไหนๆในตำบลเจ็ดเสมียน หรือตำบลใกล้เคียงรู้จักกันทั่วไปหมด เพราะความดังของแก แต่ว่าอาจจะมีเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่คนทั่วไปอาจจะยังไม่ทราบ ก็เลยอยากจะมาบอกให้ทราบกันเสียหน่อยนะครับ และต่อไปจะเรียกว่า ครูโกวิท นะครับ

     ครูโกวิท หรือกำนันโกวิทในเวลาต่อมานี้ เป็นคนวัดสนามชัย หมู่ ๖ นี่เองครับ (ในปัจจุบันนี้นามสกุล วงศ์ยะรา ก็ยังมีมากมายที่หมู่ ๖ นี้ด้วยลักษณะของการเป็นผู้นำ เข้มแข็ง พูดจริงทำจริง จึงได้มาเป็นครูที่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน และได้เป็นครูใหญ่ (ผู้บริหาร)เป็นคนแรกของโรงเรียน ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๖๕ – ๒๔๘๕ เป็นเวลาถึง ๒๐ ปี มีป้ายเขียนบอกอยู่ที่โรงเรียนในปัจจุบันนี้

     ครูโกวิท เป็นครูใหญ่นานมาก เป็นเสียจนเบื่อจึงดำริอยากจะไปทำอาชีพอื่นๆดูบ้าง ประกอบกับในเวลานั้นกำนันของตำบลเจ็ดเสมียนก็อยากจะลาออกจากกำนัน ไปประกอบอาชีพอื่นเหมือนกัน ผู้คนจึงอยากจะให้ครูโกวิทมาเป็นกำนันต่อไป ตามบันทึกของนายหิรัญดังนี้ครับ


 จากบันทึกของนายหิรัญ สุวรรณมัจฉา

      ๑๓  กรกฎ  ๘๔   ตอนเพล หลวงพ่อ (เจ้าอาวาสวัดเจ็ดเสมียน) บอกว่ากำนันเขาว่าเขาจะลาออก ( ก่อนหน้านั้น ขุนจำนงกิจประชา (นายเปลื้อง ประเสริฐ) เป็นกำนันตำบลเจ็ดเสมียนอยู่ )   ยังไม่เห็นมีใครจะแทนกำนันได้   เวลานั้นละก้อใครๆก็ว่ากำนันคนนี้ไม่ดี  เวลานี้พอเขา(ขุนจำนงฯ) จะลาออกจริงๆก็มองไม่เห็นใคร
        
     การเป็นกำนันก็ยากเหมือนกัน แต่ก่อนไม่มีเงินเดือน เดี๋ยวนี้มีเงินเดือน ๕ บาท ผู้ใหญ่บ้านมีเงินเดือนๆละ  ๑  บาท  การปกครองคนนี่ไม่ใช่ง่าย  คนโน้นอย่างโน้น   คนนี้อย่างนี้จุกจิกเหลือเกิน ให้ฉันเป็นละก้อไม่ขอรับประทานละ มองดูคนทุกๆคนในตำบลเจ็ดเสมียนนี้แล้ว  ก็ไม่เห็นมีใครที่กล้าออกหน้าออกตา  เอาการเอางาน ที่จะเป็นกำนันแทนขุนจำนงฯ ได้

     เห็นอยู่คนเดียวก็คือครู โกวิท  วงศ์ยะรา ครูใหญ่ของฉันนี่แหละที่เป็นคนเอางานเอาการ ถ้าไม่ผิดแล้วละก้อจะไม่กลัวใครแม้แต่นายอำเภอ และข้าหลวง (ผู้ว่าราชการ)   แต่แกจะสละตำแหน่งครูใหญ่ มาเป็นกำนันเทียวหรือเป็นไปไม่ได้ละ ฉันคิด !   บางทีเขาจะมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ก็ได้ ว่าไม่ได้คนเราบางคนเป็นเสือซ่อนเล็บ เอาจริงเข้าแล้วก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน  ว่าแต่ขุนจำนง ฯ กำนันเก่าเถอะ แกจะลาออกจริงๆหรือๆเพียงแต่พูดเล่นสนุกๆ เท่านั้นหรอก

      ๒๖    กันยายน   ๒๔๘๕   วันนี้ครูใหญ่  (นายโกวิท)  เรียกประชุมครู  พวกเราไปพร้อมกันแล้วครูใหญ่แกพูดว่า ที่เรียกมาประชุมกันนี้ก็เพื่อจะบอกให้รู้ว่า  แกจะลาออก  ๑  ตุลานี้ (พ.ศ.๒๔๘๕)  เพื่อไปประกอบอาชีพทางอื่น แกเป็นครูมาตั้ง  ๒๑  ปีแล้ว  แกว่าลาออกไปนี้ มิใช่ว่าจะมีอะไรทำหรอก เป็นแต่เบื่องานชนิดนี้เหลือเกิน ทำแล้วไม่มีก้าวหน้าและจนมาก ด้วย จึงอยากจะเปลี่ยนทางเดินเสียบ้าง

    การเป็นครูก็พอกินไปเดือนๆหนึ่งเท่านั้น  หารวยยาก  แกว่าแกออกแล้วบางที ครูแฉล้มวัดตึกจะได้มาทำการแทน และขอให้พวกเราจงมีความสามัคคีต่อกัน  หนักนิดเบาหน่อยก็อดไว้  อย่าให้แตกสามัคคีกันให้จงได้  และให้ช่วยกันดำรงไว้อย่าให้โรงเรียนเสื่อมลง
        
     ครูใหญ่ (นายโกวิท) แกจะลาออกแล้วพวกเรามีความอาลัยแกมาก แกอยู่โรงเรียนๆก็เรียบร้อยดี พูดจาเฉียบขาดพูดอะไรไม่ตามใจใคร  เวลามีงานอะไรแกแข็งแรงแข็งขันมาก จะแข่งขันกีฬาหรือมวยไม่เคยน้อยหน้าใคร เคยได้ถ้วยได้เหรียญรางวัล ได้ถ้วยแล้วก็มาไว้ที่โรงเรียนมากมาย  จะทำการติดต่อกับประชาชนและทางราชการก็ได้ดี ใครๆก็รู้จักเคารพนับถือ ของอะไรทิ้งไว้ที่โรงเรียนไม่มีหาย 
        
     ฉันมาอยู่นี่ร่วม ๗ ปีแล้ว  ได้รับความสุขบริบูรณ์เพราะความอุปการะของแก แกขอเงินเดือนขึ้นให้  ๓  ครั้งแล้ว  ถ้าฉันไปอยู่ ร.ร.อื่นคงไม่มีความสุขอย่าง ร.ร.นี้เป็นแน่ แกลาออกแล้วฉันรู้สึกเสียดายแกอย่างมากทีเดียว  แต่ตามธรรมดาคนเราเมื่อลงเบื่อแล้วก็ไม่อยากทำทีเดียว  ถึงทำไปก็ไม่ได้ผล แกว่าจะเลี้ยงหมูสักคราวแกมีหมูเทาขนาดใหญ่แล้ว  ๒๕ ตัว ถ้าขายได้คงได้เงินหลายทีเดียว
 
     เห็นเขาออกกันเราก็นึกอยากออกบ้าง  แต่ยังไม่มีท่าอะไรจะออกไปทำอะไรกัน คนเรามันสำคัญที่ข้าวเท่านั้น ถ้ามีข้าวกินแล้วเงินเดือนก็คงเหลือ จะทำสิ่งอื่นกำไรก็คงมีเงินเหลือ บางคนที่เขาจนกว่าเราแต่เขาไม่เดือดร้อนเท่าเราก็เพราะเขามีข้าวกิน มีข้าวกินแล้วถึงไม่มีกับข้าวก็พอจะหากินเอาเองได้ ผักต่างๆจิ้มน้ำพริกก็ไปได้มื้อหนึ่ง คนไทยยังกินผักหญ้าได้คงไม่อดตายเร็ว นี่เราไม่มีข้าวกินพอเงินเดือนออก ก็ต้องซื้อข้าวกินแล้ว เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า ๗ บาทแล้วยังซื้อสิ่งของอื่นๆ เดือนหนึ่งก็หมดกันพอดีจะเอาเงินที่ไหนมาเหลือ

     คนที่ไม่รู้ความจริงก็ว่าคนมีเงินเดือนกินนั้นรวยเพราะได้ทุกเดือน เขาคิดแต่ทางได้ไม่คิดทางใช้จ่ายไปบ้าง สู้มีนาสัก ๑๐ ไร่ทำนากินยังดีกว่าทำเงินเดือนอีก ที่ฉันคิดมาอยู่เจ็ดเสมียนนี้ก็เพื่อจะให้ก้าวหน้ายิ่งกว่าอยู่ที่โพธาราม ชั้นแรกต้องมีข้าวกินเสียก่อน เมื่อมีข้าวกินแล้วจึงค่อยคิดทางอื่นต่อไป

      ๑   ตุลาคม   ๒๔๘๕  วันนี้ครูใหญ่ (นายโกวิท) ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งครูไปแล้ว ทางอำเภอได้ให้ฉันรักษาการณ์แทนไปจนกว่าจะส่งครูใหญ่มาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางกระทรวงศึกษาธิการได้เปลี่ยนแปลงเวลาเรียนใหม่  คือเข้าเรียน  ๘.๐๐  น.  เลิกเรียน  ๑๔.๑๕  น.  เพื่อให้ตรงกับเวลาชักธงเวลาเช้า  ๘.๐๐ น.

       ๑๘  ตุลาคม   ๒๔๘๕   ครูโกวิทพูดว่าพอแกลาออกจากโรงเรียนไปแล้ว   ต้นยางหน้าศาลาเลยพลอยตายไปด้วยแปลกจริงๆ   ต้นยางต้นนี้สูงมากยืนอยู่ที่สถานีรถไฟ โพธาราม  มองมาทางเจ็ดเสมียนเป็นต้องเห็นต้นยางต้นนี้ก่อนอื่น  ทีนี้ตายแล้ว  ที่เจ็ดเสมียนไม่มีที่หมายแล้ว

      ฉันคิดว่าเจ็ดเสมียนเคยเด่น ไม่ว่าเรื่องอะไรขึ้นชื่อเจ็ดเสมียนแล้ว  ใครๆต้องยกนิ้วใครๆต้องรู้จัก เช่น แข่งขันกีฬาเป็นต้นเหมือนกับต้นยางสูง มองที่ไหนก็แลเห็นเมื่อตายแล้วก็ไม่เด่น ครูโกวิทลาออกจากครูไป โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียนนี้เชื่อว่าคงด้อยไปบ้าง

   ๒๘  มกราคม   ๒๔๘๖ วันนี้ได้มีการโค่นต้นยางหน้าโรงเรียน ต้นที่ยืนตายเมื่อ  ๓ เดือนก่อนนั้นและเป็นต้นที่สูงมาก จนอยู่หน้าสถานีรถไฟโพธารามก็มองเห็น ได้ล้มลงแล้วการโค่นเป็นไปเพียง  ๓-๔ ชั่วโมงเท่านั้น ต้นยางสูงตั้งเส้น 2 เส้นก็ล้มลงอย่างง่ายดาย   

     ยางต้นนี้มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี แต่เมื่อถูกโค่นก็กินเวลาแค่ ๓ – ๔ ชั่วโมงเท่านั้น  เมื่อเทียบกับอายุที่ได้ดำรงชีพมาแล้วผิดกันไกลนัก เหมือนกับความชั่วดีของมนุษย์ อันความดีนั้นต้องทำกันนานจึงจะมองเห็นความดี บางคนตายแล้วความดีจึงจะปรากฏ แต่ความชั่วนั้นจะทำก็กินเวลาไม่นาน เดี๋ยวเดียวก็รู้ว่าชั่วได้ คล้ายกับสิ่งปลูกสร้างต่างๆเมื่อจะสร้างขึ้นก็กินเวลานาน ถ้าไม่ชอบใจจะรื้อไม่นานเท่าใดก็จะแล้วเสร็จ เป็นการง่ายกว่าการสร้างมาก

         เรือนสตะคามวิทยาที่ฉันสอนนักเรียนอยู่นั้น ก็มีอายุเก่าแก่และก็มีที่เก่าแก่สลักหักพังไปบ้าง  ถ้าไม่ซ่อมแซมแล้วก็นับวันจะผุพังลงไป บันไดข้างเหนือของเรือนนี้ก็ได้หักไปหนึ่งขั้นเพราะความรบกวนของดินหุน แต่ฉันไม่เห็นครูใหญ่ (ตอนนี้ครูแฉล้ม คงมั่น  เป็นครูใหญ่อยู่  แต่เป็นได้ไม่นานก็ลาออกไปเป็น ปลัดตำบล) 

        จัดการทำใหม่ให้ดีขึ้นฉันต้องเอากระดานออก  และปิดประตูไม่ให้นักเรียนขึ้นลง เกรงว่าจะเกิดภัยขึ้นได้  ครูแฉล้มแกเห็นแล้วก็เฉยๆไม่ว่าอะไร ฉันออกนึกแปลกใจว่าทำไมแกช่างไม่เอาใจใส่เสียเลย ฉันเป็นแต่เพียงครูรองไม่กล้าออกหน้าออกตาจะเป็นการเกินเลยไป

      ต่อไปนี้จะไม่ได้เห็นต้นยางอันสูง  เสมือนเป็นอนุสาวรีย์ของเจ็ดเสมียนนี้อีกแล้ว แร้งก็ขาดที่พักไปอีก 1 ที่ ต้นยางในวัดก็จะรู้สึกว่าขาดเพื่อนไปอีก 1 ต้น และต่อนี้ไปก็จะไม่ได้เห็น ยางสูงไม่มีที่หมายต่อไปแล้ว ... 

     แต่ขออย่าให้วัด  โรงเรียน  ตลาด  และตลาดนัดของเจ็ดเสมียนเสื่อมต่ำลงไปด้วยเลย.

นายแก้ว เล่าเรื่อง /ภาพของเจ๊แอ๊ว ตลาดเจ็ดเสมียน

www.chetsamian.org  ขอสงวนลิขสิทธิ์ข้อมูลและรูปภาพบนเว็บไซต์ทั้งหมด โดยไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ ทำซ้ำ แก้ไข หรือ ดัดแปลง ไม่ว่าจะเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด หากท่านใดต้องการข้อมูลบนเว็บไซต์ www.chetsamian.org กรุณาติดต่อ นายแก้ว โดยส่ง email ไปที่    เพื่อขออนุญาติเสียก่อน เนื่องจากข้อมูลและรูปภาพบางเรื่องและบางชิ้น เป็นของท่านผู้เขียนและท่านสมาชิกที่ได้เขียนเรื่องต่างๆ และให้ขอยืมภาพต่างๆมาลงไว้ ซึ่งทางผู้จัดทำเว็บไซต์จำเป็นจะต้องขออนุญาตจากทางเจ้าของผลงานก่อนทุกครั้ง จึงเรียนมาเพื่อทราบ. This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้341
เมื่อวานนี้485
สัปดาห์นี้2315
เดือนนี้8482
ทั้งหมด1338366

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online