ชีพ ชูชัย แห่งตำบลเจ็ดเสมียน 4 (สารวัตรตัวจริง)

ารวัตรจัตุรงค์ เมื่อวันไปส่งกำนันโกวิท วงศ์ยะรา ไปดูงานต่างประเทศ ที่สนามบินดอนเมือง

ขอเล่าเรื่องวิกนี้ต่ออีกสักหน่อย 

         ในตอนนั้นมีลิเกคณะหนึ่ง ขออภัยด้วยว่าผมจำชื่อคณะไม่ได้แล้ว มาเช่าวิกนี้เล่น ได้หลายคืนแล้ว แต่ตอนนั้นน่าจะเป็นหน้าฝน  ฝนจึงตกแทบทุกวัน บางทีตอนกลางวันอากาศดีมาก ไม่มีเค้าว่าฝนจะตกเลย  แต่พอตอนเย็นลง เค้าฝนก็เริ่มจะมา  ทำให้ลิเกที่มาเล่นที่วิกนี้เดือดร้อนเป็นอันมาก  เมื่อฝนตกเช่นนี้จึงไม่มีคนมาดูลิเกที่วิกนี้เลย เพราะลำบากในการเดินทางไป มา เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว

        ผมจำได้ว่าในวันหนึ่งพวกเรา กลุ่ม เฮียตี๋ นั่งคุยกันบ้าง เตะฟุตบอลเล่นกันบ้าง  ที่สนามหน้าโรงเรียน ในตอนหนึ่งนั้น เฮียตี๋ พูดว่า ตอนนี้มันเป็นยังไงกันวะ ฝนตกทุกเย็นเลย ลิกง ลิเกไม่ได้เล่น ขาดทุนป่นปี้หมด  ขณะที่พวกเรานั่งคุยกันอยู่นั้น เสียงเครื่องขยายเสียงจากวิก เจ็ดเสมียนก็เปิดเพลงดังลั่น เปิดโหมโรงมาหลายเพลง (ระยะหลังๆ ผมกับ สาธร ไม่ได้ไปช่วยเปิดแผ่นเสียงที่   วิก อีกเลยเพราะพ่อคุณสาธรเขาจ้างคนมาคุมเครื่องขยายเสียงโดยเฉพาะแล้ว)

        จวนจะพลบค่ำ คืนนี้ฝนไม่มีทีท่าว่าจะตก ชาวบ้านคงได้ดูลิเกกันแน่ สักครู่เพลงที่กำลังบรรเลงจบลงเพลงใหม่ก็เริ่มขึ้น  เป็นเพลงของสวลี  ผกาพันธ์ ครับ ผมจำไม่ได้ว่าเพลงนี้ชื่ออะไร ได้ยินว่า “ยู้ฮู  ยู้ฮู  ยู้ฮู  เธออยู่ไหนกันเล่า เสียแรงหลงคอยมิเคยเห็นเงา ”  เพลงนี้ขึ้นสักประเดี๋ยวเท่านั้นแหละครับ ฝนได้เทลงมาโดยไม่มีเหตุผล พวกเราหนีฝนกันจ้าละหวั่น คืนนี้ลิเกไม่ได้เล่นอีกตามเคย

        ตั้งแต่นั้นมา ในตอนเย็นๆที่พวกเรามานั่งเล่นกันที่เสาธงหน้าโรงเรียน  ถ้าเพลงนั้น “ยู้ฮู  ยู้ฮู  ยู้ฮู เธออยู่ไหนกันเล่า เสียแรงหลงคอยมิเคยเห็นเงา” ดังขึ้นจากวิกเจ็ดเสมียนเมื่อไรอีกสักประเดี๋ยว ฟ้าที่ครึ้มเพราะเป็นหน้าฝนอยู่แล้วนั้น ฝนก็จะตกลงมา เป็นที่ประหลาดใจยิ่งนัก  วิก เจ็ดเสมียนนั้นได้ดำเนินการอยู่หลายปี  แล้วก็ได้ล้มเลิกไปเมื่อไรก็จำไม่ได้ หรือว่าผมไม่ได้อยู่ที่เจ็ดเสมียนเสียแล้ว 

        เมื่อวันที่  8 สิงหาคม 51 ผมได้พบกับคุณสาธร (ไอ้ธร) ที่ตลาดเจ็ดเสมียน  ผมก็ถามไอ้ธรว่า วิกสัตคามภาพยนตร์ ของพ่อเขา เลิกตั้งแต่เมื่อไร  ขนาดไอ้ธรก็ยังไม่รู้เลย ว่าวิก สัตคามภาพยนต์นี้เลิกเมื่อไร จะไปถาม พ่อวิรัชก็ไม่ได้ เพราะว่าพ่อวิรัช เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว จะไปถามป้าแช แม่ของไอ้ธรก็ไม่ได้อีก  เพราะว่า ป้าแชแม่ของไอ้ธรนั้น เพิ่งจะเผา ไปหยก หยกที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมานี้นั่นเอง

        ก็ไม่รู้จะไปถามใคร จึงได้มืดมนอยู่จนเดี๋ยวนี้  และด้วยความภาคภูมิใจที่ต้องบันทึกไว้ว่าครั้งหนึ่ง ลิเกชื่อดังขนาดคณะ ทองใบ รุ่งเรือง ยังมาเปิดการแสดงที่วิก สัตคามภาพยนตร์ แห่งตำบลเจ็ดเสมียน หลายคืนทีเดียว 

        และสุดท้ายนี้ผมอยากจะทราบว่า ข้าวของเครื่องใช้ และอุปกรณ์ต่างของ วิก เจ็ดเสมียนสัตคามภาพยนตร์ ทั้งหลายในอดีตนั้น ในปัจจุบันนี้ ยังมีเหลืออยู่บ้างหรือไม่ อยู่ที่ไหน และใครเป็นผู้ครอบครองอยู่ ? คุณสาธร วงษ์วานิช ผู้เป็นทายาท กรุณาช่วยตอบหน่อยครับ

        วิกเจ็ดเสมียนสัตคามภาพยนตร์ในอดีตนั้น ปลูกอยู่ในที่ของคุณวิรัชเอง ปัจจุบันนี้คุณวิรัชได้ปลูกบ้านอยู่ในที่ๆ แต่ก่อนเคยเป็นวิกเจ็ดเสมียนสัตคามภาพยนตร์  ติดกับบ้านป้าฮวย  หรือ โรงงานผลิตใช้โป๊ แม่กิมฮวย เชลล์ชวนชิม นั่นเอง
 
 

 

         มองเห็นตึกขาวๆทางด้านซ้ายมือนั้น ปัจจุบันคือบ้านของคุณสาธร วงษ์วานิช (ไอ้ธร) เมื่อในอดีต วิกเจ็ดเสมียนสัตคามภาพยนตร์ ของคุณวิรัช  วงษ์วานิช ก็อยู่ตรงนี้ บริเวณของ วิก นี้จะกว้างมาก กินเนื้อที่รวมมาถึงตึกสีเขียวอ่อนนั้นด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ ตึกสีเขียวอ่อนนั้น เป็น สำนักงานขาย หัวไชโป๊ ของแม่กิมฮวย (แม่ไอ้ โห้) (ถ่ายเมื่อ 28 กันยายน 51)

 

          และก็มาถึงบทสุดท้าย ในเวลาต่อมา ผมมีอันจำเป็นต้องจากเจ็ดเสมียนไป เพราะเหตุว่า เรียนจบ ม. 6 แล้ว ไอ้ธร และเพื่อนคนอื่นๆก็เหมือนกัน ก็อยากไปเรียนอะไรสักอย่างต่อในกรุงเทพ ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปไม่ค่อยได้กลับมาพบกัน เท่าไรนัก มาแต่ละทีก็ไม่ค่อยเจอกับพวกเก่าที่เราเคยรวมกลุ่มกันเหมือนสมัยก่อนเลย  เพื่อนฝูงส่วนใหญ่หายไปหมด

        แล้วเวลาก็ผ่านมาอีกนาน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมกลับมาเจ็ดเสมียนเพื่อมาเยี่ยมแม่และน้องๆ ที่ยังอยู่ที่เจ็ดเสมียนนี้ ผมไม่เห็นเฮียตี๋ของเราเลย  ผมจึงถีบจักยานไปที่บ้านเฮียตี๋ (บ้านกำนันโกวิท  วงศ์ยะรา) เจออดีตสายลับจิต (นายจิต) ซี้เก่าของผม และเป็นคนสนิทของเฮียตี๋คนหนึ่งนั่งๆนอนๆ อยู่ไต้ถุนบ้าน  ชานีย์  ยอดชัย (ฉายาดาวร้ายหน้าผี)  แห่งตำบลเจ็ดเสมียน ของพวกเราผงกหัวขึ้นมา หรี่ตาเอียงคอมอง เห็นผมเข้าก็ดีใจ วันนั้นเราคุยกันถึงเรื่องเก่าๆอย่างสนุกสนาน ตอนหนึ่งผมถามหา เฮียตี๋  นายจิตก็เล่าให้ผมฟังเป็นฉากๆ ว่า

        เฮียตี๋ ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์เจ็ดเสมียน มาอีกหลายปี พอนานเข้าก็ชักเบื่อและไม่มีอะไรจะก้าวหน้าแล้ว จึงไปสมัครเป็นตำรวจ กำนันโกวิทเขามีพรรคพวกเยอะ จึงได้เข้าเป็นตำรวจทางหลวง ประจำอยู่ที่สถานีตำรวจทางหลวง หินกอง ทุกๆ วันที่เข้าเวรจะนั่งรถตำรวจทางหลวงออกปฏิบัติการ ตรวจจับรถที่ผิดกฎหมาย อย่างเคร่งครัดต่อหน้าที่ เช่น รถบรรทุกวัว ควาย ไม้ หมู  และ รถที่เผลอวิ่งทางขวามั่ง วิ่งเร็วเกินอัตรามั่ง ต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสียงดังเกินมาตรฐานมั่ง ควันดำเกินไปทำให้ผู้อื่นเสียสุขภาพมั่ง เฮียตี๋แกจับและออกใบสั่งปลิวว่อน จับมากๆ เข้า ยศถาบรรดาศักดิ์ก็เลยขึ้นอย่างรวดเร็ว จากพลตำรวจทางหลวง ไม่กี่ปีก็ขึ้นเป็น นายร้อย และนายพันเป็นลำดับ และ (สายลับจิต) นายจิตยังบอกด้วยว่า  แต่ !  มีแต่ซะด้วยนะ ถ้าเฮียตี๋ แกรู้ว่า เป็นรถของคนเจ็ดเสมียนละก้อ รับรองได้ แกจะไม่จับเลย  แน้ ! มีข้อยกเว้นเสียด้วย  เจ็ดเสมียนเสียอย่าง

       

หลายปีต่อมาผมได้ข่าวว่า เฮียตี๋ แกย้ายจากสถานีตำรวจทางหลวงหินกอง ไปอยู่ที่สถานีตำรวจทางหลวงทางภาคอิสาน ตำแหน่งครั้งสุดท้าย ดูเหมือนว่าจะเป็นตำแหน่งสารวัตร  ตำรวจทางหลวงทางภาคอิสาน โดยไม่ต้องรอคิว แย่งกันไปเป็นสารวัตร กริช กำจร ในภาพยนตร์เลย  และจากวันที่ผมได้พบกับสายลับจิต (นายจิต) นั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่ได้เจอกับ ลูกพี่เฮียตี๋ของผมอีกเลย นั่นแหละเกร็ดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆ  ของคนดังแห่งเจ็ดเสมียนในอดีต ที่ผมได้คุ้นเคย ชีพ  ชูชัย แห่งตำบลเจ็ดเสมียน  พตท.จตุรงค์  วงศ์ยะรา สารวัตรตำรวจทางหลวง ตัวจริง ของจริงละ !

         ส่วน(สายลับจิต)นายจิตเพื่อนซี้ของผม และเป็นคนสนิทของเฮียตี๋ คนที่ให้ข่าวผมในวันนั้น  เมื่อปลายปี  2537 ผมได้ไปทอดกฐินที่วัดเจ็ดเสมียน  พร้อมๆ กับคนเจ็ดเสมียนพลัดถิ่นทั้งหลาย ที่ยังรักบ้านเกิดเมืองนอน  และผมก็บังเอิญได้พบกับ หลวงพี่ จิต (อดีตสายลับจิต) แห่งตำบลเจ็ดเสมียน อยู่ในเครื่องแบบพระ ผมถามท่านว่า บวชมานานแล้วหรือ ท่านว่า โอ๊ย นานแล้ว อาตมาคิดว่าจะบวชอยู่อย่างนี้ตลอดไป จะไม่สึกเลย ผมยกมือขึ้น ประนม แล้วว่า ผมก็ขอโมทนาสาธุด้วย ก็แล้วกันนะ ท่านเจ้าคุณ

          ถ้าท่านผู้อ่านได้มีโอกาส ไปเที่ยวตลาดเจ็ดเสมียน ลองเสียเวลาแวะไปที่วัดเจ็ดเสมียน แล้วถามหา พระจิต  ขอร้องให้ท่านคุยถึงเรื่องเก่าๆที่ผ่านมา ถ้าท่านคุยให้ฟังได้นะ จะสนุกและ มันส์ กว่าที่ผมคุยให้คุณฟังหลายเท่า แต่ถึงวันนี้แล้วท่านจิต จะยังอยู่หรือมรณภาพไปแล้วก็ไม่รู้ เพราะว่าผมไม่ได้เจออีกเลย......
                                        

                                    โปรดติดตาม ท่าใหญ่ ท่าน้ำแห่งความหลัง ตอนที่ 1 ในเร็วๆนี้

 

 

 

 

 

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้179
เมื่อวานนี้496
สัปดาห์นี้675
เดือนนี้13593
ทั้งหมด1343477

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online