นิราศหัวหินของนายหิรัญ

        เรื่องราวเก่าๆของชาวเจ็ดเสมียน

        นิราศหัวหินของนายหิรัญ

         เมื่อ นายหิรัญ สุวรรณมัจฉา ได้ลาออกจากการเป็นครู ที่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียนแล้วและได้ถูกชวนให้ไปทำงานที่โรงสี  โดยมีเพื่อนของเขาอีกหลายคน สนับสนุนให้ไปทำงานที่โรงสีไฟเจ็ดเสมียนด้วยกัน และนายหิรัญก็กำลังหางานใหม่ทำและเห็นว่าอยู่ใกล้ๆ บ้านดีก็เลยตกลงทำงาน ที่โรงสีนี้แต่ก็ทำได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ก็เบื่อ เพราะว่าไม่ค่อยมีงานอะไรให้ทำ โดยในหน้าที่ของนายหิรัญนั้น เป็นเสมียนคอยจด และคิดบัญชีต่างๆ ไม่เหมือนกับเมื่อตอนเป็นครูสอนเด็กๆซึ่งยุ่งทั้งวัน ก็เลยเหงา และคิดเบื่องานที่โรงสีนี้ ในขณะที่คิดเบื่องานอยู่นี้ ก็มีเจ้าของโรงเลื่อย ซึ่งแต่ก่อนนี้โรงเลื่อยนี้ก็  อยู่ติดกับโรงสีไฟเจ็ดเสมียนที่นายหิรัญ ทำงานอยู่นี่เอง แต่ต่อมาได้ย้ายจากที่ตรงนี้ไปสร้างโรงเลื่อยขึ้นใหม่ที่ ในอำเภอหัวหิน ซึ่งในขณะนั้นที่หัวหินยังไม่เจริญเท่าไรนัก ยังมีไม้ซุงจากทางป่าชักลากเข้ามาที่โรงเลื่อย อยู่อย่างสม่ำเสมอ

นายหิรัญ สุวรรณมัจฉา ที่หน้าห้องทำงานเมื่อเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน

ในปัจจุบันนี้ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ซึ่งอาคารหลังนี้เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่ ส่วนระฆังนั้นน่าจะเป็นลูกเดิมแต่ย้ายสถานที่แขวนนิดหน่อยเท่านั้นเอง สองภาพนี้เวลาห่างกันเกือบ ๖๐ ปีแล้ว

        

          ดังนั้นอีกไม่นานต่อมา นายหิรัญก็ลาออกจากโรงสีเจ็ดเสมียน แล้วก็จัดแจงเตรียมตัวไปทำงานที่โรงเลื่อยหัวหิน โดยเก็บของใช้ที่จำเป็น แล้วเดินทางไปหัวหินโดยทางรถไฟ เมื่อ วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๒ การเดินทางในครั้งนี้ นายหิรัญได้เขียน กลอนเอาไว้บทหนึ่ง เกี่ยวกับการเดินทางจากสถานีรถไฟ เจ็ดเสมียน ถึงสถานีรถไฟ หัวหินเลยทีเดียว เป็นกลอนที่น่าอ่านมาก ผมจึงอยากจะเอากลอนนี้มาลงให้ได้อ่านทั่วๆกัน จัดเป็นตอนๆหนึ่งต่างหากเลยนะครับ  เพราะมีความยาวพอสมควร โปรดติดตามนะครับ

นิราศหัวหิน

นิราศร้างห่างเหเสน่หา   จำใจพรากจากไปเสียไกลตา
ช้ำอุราหงอยเหงาแสนเศร้าใจ  เคยอยู่เย็นเป็นสุขทุกค่ำเช้า
พร้อมลูกเต้าเมียมิ่งมิตรสหาย  ได้เห็นหน้าพาให้ใจสบาย
ยามเคราะห์ร้ายจำพรากจากไกลกัน เพราะความจนหรอกหนาพาตัวผม
จากถิ่นที่อุดมกลับหลังหัน  ไปแสนไกลหลายแดนแสนหมื่นพัน
อีกกี่วันจะได้กลับมารับนวล  

พอเดือนหกขึ้นค่ำหนึ่งจึงเตรียมของ (๑๖ เม.ย. ๒๔๙๒)
เพื่อจะล่องลงไต้ไม่เหหวน  ค่อยอยู่ดีเถิดน้องมิต้องครวญ
มิเรรวนใจพี่มีสัจจา   เจ็ดเสมียนนามนี้ทีจะเฮี้ยน
ขอเสมียนทั้งเจ็ดช่วยรักษา  ให้ทุกข์โศกโรคภัยไกลกายา

มีความสุขทุกเวลาอย่ามีภัย  ถึงถานีตีตั๋วไปหัวหิน
แทบจะสิ้นชีวาพาใจหาย  อันตัวพี่นี้พรากจากแต่กาย
ส่วนหัวใจแนบข้างมิห่างเธอ  หวูดรถไฟเหมือนใจจะจากร่าง
พาให้ห่างยอดชู้อยู่เสมอ  ถึงตัวไกลแต่ใจเฝ้าละเมอ
พี่จะเพ้อถึงแต่แม่แก้วตา  พี่ลาแล้วแก้วพี่ศรีสมร
อย่าอาวรณ์จำไกลเพราะไปหา ซึ่งแก้วแหวนเงินทองเพื่อน้องยา
ศรีสุดาอยู่หลังจงตั้งใจ   

ถึงบ้านกล้วยน้องช่วยทำขนม  เอามาต้มบวชชีพี่ชอบหลาย
แต่ตัวพี่มิอยู่คู่เคียงกาย   จักมีใครได้ซดรสโอชา
ถึงสะพานรถข้ามแม่น้ำใหญ่  มีน้ำใสไหลเย็นเป็นสาขา
โอ้น้ำเอ๋ยช่วยเอาบุญกรุณา  บอกกานดาว่าพี่นี้เศร้าทรวง

ราชบุรีพี่เคยพาน้องมาเที่ยว  เราต่างเกี่ยวก้อยเดินเพลินใหญ่หลวง
แต่นี้ไปใครหนาจะพาควง  แม่พุ่มพวงจะเหงาเศร้าระทม
กินข้าวแกงแกงไก่ไม่เป็นชาติ  จานละบาทชักคลื่นแสนขื่นขม
คิดถึงแกงของน้องยาจะเป็นลม อีกเมื่อไรจะได้ชมฝีมือน้อง

บ้านคูบัวไม่มีบัวสมดังชื่อ  ได้แต่ลือกันไปไม่ถูกต้อง
แต่บัวน้องมีแน่แม่บัวทอง  ขอฝากน้องรักษาไว้ให้จงดี
นั่งรถไฟไร้เพื่อนคุยแก้เหงา  จึงโศกเศร้ารำพึงถึงมารศรี
แม้นมาด้วยจะได้ช่วยกันพาที  ชี้โน่นนี่นกไม้ตามรายทาง

จะแลเหลียวเปลี่ยวจิตต์ให้คิดถึง โศกสุดซึ้งถึงน้องให้หมองหมาง
ถ้ากลับได้ก็จะกลับรับขวัญนาง ไม่ขอห่างจากไปให้ไกลเลย
เห็นเขาคุยเคียงคู่อยู่จู๋จี๋  เราไม่มีแสนช้ำต้องทำเฉย
มองไปอื่นขืนใจให้สะเบย  โอ้กรรมเอ๋ยเปล่าเปลี่ยวให้เดียวดาย
เห็นโคคู่ยืนอยู่และเล็มหญ้า  พ่อโคจ๋าเป็นสุขทุกข์ไฉน
ดูแต่โคยังมีคู่อยู่เคียงกาย  แต่เราไซร้ต้องพรากจากกานดา

บ่อตะคร้อมีบ่อ ไม่มีน้ำ  เป็นบ่อกรรมเที่ยงแท้แน่หนักหนา
เหมือนตัวเรามีกรรมช้ำอุรา  จากน้องยาไปไกลไม่กลับคืน

ถึงปากท่อเรียมขอยืมปากหน่อย บอกน้องน้อยกลอยใจไม่เป็นอื่น
แต่ปากชั่วมัวเชือนเหมือนดุ้นฟืน ต้องจำขืนชลนัยไม่แลมอง
คิดถึงยามน้องฉอเลาะปะเหลาะพี่ ปากน้องนี้ช่างงามไม่มีสอง
คราแย้มยิ้มพริ้มเพราเข้าประคอง จูบปากน้องเห็นสวรรค์กุดั่นดวง
ยามเจรจาพาทีมีเสน่ห์   ดูดั่งเล่ห์หยาดฟ้ามาจากสรวง
ดูงามพร้อมทุกสิ่งยิ่งหญิงทั้งปวง พี่สุดหวงเพราะรักภคินี

ถัดปากท่อก็ผ่านบ้านกอไผ่  ถิ่นโจรร้ายคอยปล้นคนต้องหนี
จับคนมาเอาค่าถ่ายหลายคดี  ต้องร้อนถึงเจ้าหน้าที่มาปราบปราม
เอาตำรวจบ้านโป่ง นครปฐม  เคยอบรมกล้าหาญชาญสนาม
ราชบุรี ปากท่อก็มาตาม  โพธารามก็ไปด้วยได้ช่วยกัน

ยิงกันอยู่แต่เช้าจนถึงบ่าย  พวกโจรร้ายมอดม้วยด้วย(ปืน)ทอมสัน
พวกโจรตายก่ายกันนัวช่างหัวมัน ตำรวจนั้นตายสามตามรู้มา
เห็นหมู่บ้านกอไผ่ใจยิ่งเศร้า  คิดถึงเจ้าโฉมตรูอยู่เคหา
เกลือกจะมีโจรร้ายไปรามา  ยอดชีวาจักให้ใครคุ้มครอง
พระเสื้อเมืองทรงเมืองอันเรืองเดช จงสมเพทช่วยไว้อย่าให้หมอง
แม้นบุญปลอดรอดมาจะทาทอง ให้สมปองทุกอย่างดั่งบนบาน

ถึงห้วยโรงเห็นโรงกะจิดริด  ไม่มีผิดโรงนาน่าสงสาร
มีแต่โรงเปล่าๆไม่เข้าการ  เหมือนเรานั้นเปล่าใจเพราะไร้รัง
เป็นมนุษย์สุดโศกคือโรครัก  ถ้าไม่หักใจให้สุขจะทุกข์ขัง
อยู่หลัดหลัดก็มาพลัดไปจากวัง น้องอยู่หลังจะเฝ้าแลชะแง้คอย

บ้านบางเค็มเค็มจี๋เชียวหรือนี่  เห็นจะมีเกลืออยู่ดูไม่น้อย
ถ้าขาดเกลือก็ห่อนเหลือความอร่อย เหมือนพี่ขาดยอดสร้อยระทมใจ
คลองบางเค็มดูคั่นกั้นทำนบ  ที่บรรจบทางน้ำทั้งสองสาย
ทั้งจืดเค็มไม่อาจข้ามากล้ำกลาย เพราะกั้นไว้ด้วยทำนบไม่พบกัน
เหมือนตัวพี่มีกรรมต้องจำจาก  กรรมมาพรากพี่ห่างนางสวรรค์
ถึงตัวไกลใจจ่อช่อชีวัน   ถึงร่างหันจิตต์ไม่เหเสน่ห์นวล

ถึงเขาย้อยน้องน้อยกับตัวพี่  มาที่นี่เที่ยวงานกลางเดือนสาม
แสนเบิกบานสนานสนุกทุกโมงยาม พาเข้าถ้ำข้ามเขาลำเนาไพร
ขอลาก่อนเขาเอ๋ยที่เคยสุข  กล้ำกลืนทุกข์ชลนาน้ำตาไหล
เห็นเขาย้อยอยู่หน้ายิ่งพาใจ  ให้หมองไหม้ถึงนางที่ห่างมา

หนองปลาไหลใจเป็นหนองเมื่อตรองตรึกอกระทึกกลัดหนองต้องรักษา
แต่จะได้หมอดีที่ไหนมา  นอกจากแม่แก้วตาน้องคนเดียว
พระพายจ๋ารับอาสาให้ฉันด้วย โปรดเอ็นดูคนป่วยสักประเดี๋ยว
บอกน้องยาว่าพี่นี้ซีดเซียว  มันเจ็บเสียวหัวใจไม่เข้าที

ถึงบางจากจากน้องให้หมองหม่น  สุดแสนทนแล้วหนามารศรี
เพราะมีกรรมจำจากพรากนารี  ตัวของพี่อยู่เดียวให้เปลี่ยวกาย

ถึงเมืองเพชรถิ่นหวานน้ำตาลเพชร จะหวานเด็ดซาบซึ้งไปถึงไหน
ไม่หวานเทียมรสน้องเท่ายองใย น่าอับอายน้ำตาลไม่หวานจริง
แม้นเมืองเพชรมีเพชรสมดังชื่อ พี่จะซื้อฝากไปให้น้องหญิง
เลือกที่งามสุดยอดปลอดจริงๆ  ยามแอบอิงจะได้ชมโฉมกัลยา

ถึงห้วยเสือเหลือร้ายอำมหิต  พล่าชีวิตปวงสัตว์สิ้นสังขา
ไม่ร้ายเท่าบ่วงกรรมตามกายา  มาตามพล่าพี่ไปสุดไกลแดน
ยามจากมาอาลัยไม่วายโศก  เหมือนดั่งโรครักรุมกลุ้มเหลือแสน
ให้เร่าร้อนเหมือนไฟใจจะแบน  อยากจะแล่นกลับมาหานารี

โอ้รักเอ๋ยเคยรักสลักจิต  ไม่เคยคิดว่าจะพรากจากยาหยี
ชะรอยบาปกรรมสร้างปางหลังมี มาชาตินี้กรรมสนองต้องเป็นไป
อันคนอื่นหมื่นแสนแดนมนุษย์  จะโศกสุดดั่งข้าจะหาไหน
น้ำตาพาลไหลอกมาตกใน  โอ้หัวใจเจียนแตกแยกเป็นจุล

เขาทโมนตะโกนแจ้งถึงแห่งที่  บอกโฉมศรีให้ด้วยช่วยอุดหนุน
ว่าพี่นี้ถึงร่างห่างแม่คุณ  ถึงกายหมุนใจจ่อช่อลัดดา
พี่ลาแล้วใครเล่าจะเฝ้าพรอด  แขนเคยกอดจะห่างเหเสน่หา
โอ้มือเอ๋ยเคยประคองต้องกายา แต่นี้หนาจะจากไปไม่กลับคืน
โอ้คิดคิด คิดไปไม่วายโศก  เหมือนเดือนดับลับโลกต้องจำฝืน
ดวงจันทราลาลับยังกลับคืน  พี่สะอื้นแสนคะนึงถึงแจ่มจันทร์

หนองไม้เหลือง  หนองไหลกลายสีเหลือง เห็นสุดเปลื้องทุกข์ได้ที่ใฝ่ฝัน
หนอกสีขาวกลับกลายแปลกใจครัน เหมือนตัวฉันจากไกลแปลกใจจริง
ขอพึ่งบุญพุทธองค์จงดลจิต  อย่าได้คิดแปรผันแม่น้องหญิง
ถึงพบอื่นดื่นไปไม่ขออิง  นอกจากมิ่งสมรพี่มิขอรัก
จะหักอื่นขืนหักก็จักได้   หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
สารพัดตัดขาดประหลาดนัก  จะตัดรักนี่ไม่ขาดประหลาดใจ

ถึงหนอกจอกชอกช้ำต้องจำขืน คิดถึงคืนอยู่ด้วยน้องยิ่งหมองไหม้
โอ้จอกแหนมีแต่ลอยตามลมไป ตัวเราไซร้ต้องลอยร้องห่างน้องยา
ต้นจอกน้อยลอยไปไขข่าวด้วย ถ้ามิม้วยจะกลับหลังยังเคหา
รับขวัญนางที่ห่างโหยโรยร้างมา ยอดชีวาอยู่หลังตั้งใจคอย

ที่หนองจอกก่อนนี้เป็นที่ตั้ง  ที่ว่าการอำเภอยังสนุกหน่อย
ครั้นย้ายไปอยู่ชะอำก็จำพลอย ต้องเงียบหงอยเหงาไปไม่เหมือนเดิม
แต่ของหลวงยังรู้จักยักย้ายที่  ตัวเรานี้ต้องเจียมใจอย่าได้เหิม
สุดแท้แต่พรหมลิขิตจะติดเติม  ช่วยส่งเสริมกลับให้ร้ายกลายเป็นดี

ไม่อยากมองหนองจอกบอกรถผ่าน ในรถนั้นพวกหญิงแต่งต่างๆสี
เขียวขาวเหลืองล้วนขำดำก็มี  ตัวเรานี้คิดคะนึงถึงกลอยใจ
พี่พาเที่ยวตามตลาดทุกๆสาย  ชี้โน่นนี่มีแต่เพลิดเพลินฤทัย
ยิ่งเดินไปยิ่งมีสุขทุกโมงยาม  เห็นหญิงอื่นไม่สดชื่นเหมือนน้องพี่
ใครไม่ดีเทียมน้องได้ในโลกสาม มาพลัดพรากจากงามขำเพราะกรรมตาม
ให้วาบหวามปานจะดิ้นสิ้นชีวา 

หนองศาลามีศาลาหรือไม่หนอ
จะพักพอหายเหนื่อยเมื่อยหนักหนา ยิ่งคิดไปใจเหนื่อยเมื่อยกายา
แต่รถบ้าไม่คอยให้น้อยใจ  เสียงล้อรถบดรางยามห่างเจ้า
มันเจ็บเข้าทรวงในพาใจหาย  รถเอ๋ยรถหยุดหน่อยจึงค่อยไป
พักพอให้หายเหนื่อยมาไม่ว่าเลย 

หนองตาพดสลดจิตเมื่อคิดถึง
ตะพดจึงตกลงไปยังไงเอ๋ย  เห็นทีน้ำเย็นอุราน่าสะเบย
อย่าทำเฉยเลยหนอหนองหรือลองใจ ให้ได้อาบสักทีจะมีสุข
ล้างความทุกข์ให้หมดพาสดใส ล้างความร้ายกลายดีมีโชคชัย
ความเจ็บไข้จงล้างให้ห่างตัว  
แม้นน้องมาด้วยพี่จะชี้บอก
พี่ไม่หลอกน้องน้อยคอยยิ้มหวัว นั่นยังไงหนองนี้มีควายวัว
เป็นหลายตัววัวหนุ่มอยู่กลุ่มเดียว 

บ้านชะอำผีอำยังจำได้
พี่กลัวตายเรียกน้องยามานี่เดี๋ยว พอน้องมาผีร้ายไปทีเดียว
แต่นี้เปลี่ยวหัวใจเพราะไกลนาง ผีเจ้ากรรมเกิดอำเวลานี้
แล้วจักมีใครขจัดช่วยขัดขวาง  คิดถึงน้องทีไรแทบวายวาง
ต้องจำร้างเพราะกรรมตามมาทัน 

ถึงบ่อแขมแรมร้างจำห่างห้อง
คิดถึงน้องยอดชีวาเจียนอาสัญ ถิ่นบ่อแขม รกร้างดั่งไพรวัน
เหมือนพี่นั้นจำร้างห่างมาไกล  ทั้งขวาซ้ายสองข้างทางรถผ่าน
ไม่มีบ้านสักหลังยังสงสัย  ช่างเหมือนพี่ห่างน้องหมองหัวใจ
ชลนัยไหลตกอกระทม   

ผ่านห้วยทรายใจหวนชวนหัวร่อ
ทำไมหนอห้วยกับทรายจึงผสม เพราะในห้วยมีทรายได้เกลียวกลม
แต่บุรมบุราณมาไม่ราร้าง  อนาถเอยตัวเราต้องไร้คู่
จากที่อยู่จากน้องให้หมองหมาง อีกเมื่อไรจะได้กลับรับขวัญนาง
คิดไปพลางสะอื้นกลืนน้ำตา  

เห็นฟืนหลากองอยู่ดั่งภูเขา
เขาตัดเอาทำฟืนดื่นนักหนา  เหมือนตัวพี่ถูกพรากจากน้องยา
กรรมเวราทำให้ไกลจากกัน  พอรถจอดมองผ่านบ้านบ่อฝ้าย
มีแต่ป้ายหัวท้ายอย่างไรนั่น  ไม่มีที่ขายตั๋วชั่งหัวมัน
เหมือนพี่นั้นห่างนางไปต่างแดน 

หกโมงกว่ารถก็มาถึงหัวหิน  อันเป็นถิ่นที่อยากเห็นเป็นสุขแสน
เสียงลือว่าสนุกสนานปานเมืองแมน อยากจะแล่นลงไปดูให้รู้ดี
ถึงสนุกปานสวรรค์ยังงั้นแหละ  เพราะขาดแม่ยอดชีวามารศรี
ต้องพลัดถิ่นพลัดคู่อยู่เอกี  เห็นจะมีสุขสักกึ่งเพียงครึ่งดียว

ลงรถไฟใจหวิววะวาบจิตต์  เพราะยังคิดห่วงหลังใจยังเสียว
ถึงโรงเลื่อยเข้าไปไม่ปราดเปรียว เนื่องจากเกี่ยวด้วยใหม่ยังไม่เคย
ยกมือไหว้เถ้าแก่ทั้งชายหญิง  ขอพึ่งพิงอาศัยไม่ทำเฉย
มีการงานเรียกใช้ไปตามเคย  ไม่ละเลยการงานตามบัญชา

เมื่อนายหิรัญมาเป็นเสมียนโรงเลื่อยที่หัวหินภาพนี้ถ่ายเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๔

เอาเถิดน่าพวกเราเป็นไรไม่  ทำงานไปเหนื่อยก็พักไม่หนักหนา
ผมพลัดถิ่นพลัดรังเซซังมา  ฝากกายาไว้ด้วยช่วยเอาบุญ
ทำงานตั้งแต่เช้าเข้าเขตค่ำ  ทนกรากกรำอยากได้เงินไปอุดหนุน
ทั้งงานหนักงานเบาเข้าชุลมุน  รุ่งอรุณยันค่ำทนทำไป

เพราะรักนางห่างน้องต้องทนยาก ทนลำบากแทบว่าน้ำตาไหล
น้องอยู่หลังเอ็นดูด้วยช่วยเอาใจ วอนเทพไทให้เป็นสุขทุกเวลา
ที่หาดทรายชายทะเลแลละลิ่ว  เป็นภาพวิวทะเลรอบจรดขอบฟ้า
คลื่นใหญ่น้อยซัดสาดหาดทรายมา ก้อนศิลาโผล่เหนือน้ำดำทะมึน

ไม่ใกล้ไกลมีโป๊ะตั้งโด่อยู่  มองดูเหมือนมีหลักปักบนคลื่น
เรือตังเกทอดสมอรอกลางคืน  ให้ดึกดื่นสักหน่อยค่อยออกเรือ
ในทะเลเรือใบแล่นไขว่อยู่  พี่มองดูเห็นใบช่างใหญ่เหลือ
เห็นตัวใบแต่ไม่เห็นลำเรือ  ทั้งทางเหนือทางไต้แล่นไปมา 

ในโรงแรมหัวหินถิ่นคนพัก  ใหญ่โตนักทุกๆสิ่งสวยจริงหนา
ต้นไม้ดัดเป็นรูปช้างทั้งใส่งา  ชื่นอุราเมื่อได้เห็นเป็นสุขใจ
หลังโรงแรมแถมมีเก้าอี้นั่ง  ปลงนิจจังห่างน้องให้หมองไหม้
น้องอยู่หลังสวัสดีหรือมีภัย  พี่มีใจแสนระลึกนึกถึงนาง

เขาตะเกียบเลียบทะเลลงทางไต้ ถ้ามองไปก็รู้อยู่ไม่ห่าง
ห้ากิโลก็ถึงซึ่งหนทาง   เขาข้างๆคือไกรลาศสะอาดดี
เขาไกรลาศมีทางเป็นหินลาด  ดอกไม้ดาดหลายอย่างต่างๆสี
มีซอกหินเป็นปล่องช่องพอดี  นั่งจู๋จี๋หนุ่มสาวหายเศร้าใจ

เห็นซอกเขาซอกหินถิ่นจู๋จี๋  เราไม่มีคู่เคล้าเศร้าเหลือหลาย
แม้นน้องมาร่วมสนุกทุกข์จะคลาย จะชี้ให้น้องชมลมทะเล
บนยอดเขามองไปทั้งซ้ายขวา  เรือหาปลาแล่นไขว่ไม่หันเห
เกาะสิงโตอยู่ขวางกลางทะเล  ยอดโด่เด่เขานมสาวเขาเต่าเคียง

หวนระลึกนึกถึงน้องให้หมองหม่น สุดแสนทนร่ำไห้ไม่มีเสียง
กรรมเวรหนามาพรากจากไกลเพียง สุดสำเนียงเรียกหาพะงางอน
บนยอดเขามีพระพุทธรูป  ทั้งสถูปเจดีย์มีสลอน
จงดลจิตดลใจให้บังอร   มาร่วมหมอนร่วมเตียงเคียงสืบไป

สองกิโลก็ถึงวังไกลกังวล  ตามถนนสายสิบเก้าเขาสร้างไว้
ทั้งสวยเด่นงามดีนี่กระไร  ใครได้ไปจะต้องเพลิดเพลินอุรา
สนามหญ้าตัดเรียบระเบียบนัก ยามร้อนพักอารมณ์ร่มพฤกษา
สระน้ำพุฝอยฟองละอองตา  หอบปูปลาว่ายเล่นเย็นฤดี

ข้างวังหลวงเขาตั้งถังประปา  สูงสง่าเห็นทั่วทิศทั้งสี่
ดอกไม้ขึ้นถึงยอดตลอดมี  บานหลายสีมีทั่วยั่วคนมอง
ในวังใหญ่เข้าไม่ได้เพราะเขาห้าม เกรงรุ่มร่ามต้องหวงของหลวงหมอง
กลัวคนร้ายจะยุ่งและมุ่งปอง  คนชมจะชมได้ในบริเวณ

ไกลกังวลคนสร้างคือปกเกล้า  อุส่าห์เอาพระทัยใส่สร้างให้เห็น
ที่ประทับดับร้อนผ่อนลำเค็ญ  ให้ทรวงเย็นจากร้อนผ่อนสำราญ
ข้างหน้าวังยังลงทะเลได้  เวลาบ่ายจะได้ลงสรงสนาน
พวกสาวศรีสาวใชใจเบิกบาน  โลดทะยานแตกตื่นเมื่อคลื่นมา

อันหัวหินถิ่นสวรรค์สรรแต่สุข  ล้วนสนุกดั่งเมืองแมนแสนหรรษา
ถึงหน้าร้อนคนถิ่นอื่นดื่นดาษมา ต่างเที่ยวหาความสุขทุกๆปี
จะสนุกสุขซึ้งไปถึงไหน   ก็ยังไม่สุขซึ้งจนถึงที่
เพราะพี่ไร้โฉมตรูอยู่เอกี  ไหนจะมีสุขเล่าให้เหงาใจ

ลมทะเลพัดมาพาเย็นจิตต์  แต่พี่คิดร้อนรนทนไม่ไหว
ไม่สู้ลมปากน้องเท่ายองใย  ชื่นหัวใจยิ่งกว่าชมลมทะเล
เห็นสาวหนุ่มเคียงคู่เดินจู๋จี๋  ตัวพี่นี้หัวใจให้โผเผ
พี่มีกรรมจึงจำต้องซัดเซ  เหมือนรักเร่เร่ไปไกลจากนวล

ถึงยามกินสิ้นน้องไม่คล่องปาก ถึงจนยากอย่างไรพอขวายขวน
แต่ขาดน้องพี่จึงต้องลงนอนครวญ ให้ปั่นป่วนหัวใจกินไม่ลง
ถึงยามนอนพี่อ่อนหัวใจนัก  แม่ยอดรักสุดฤดีที่พี่หลง
นอนไม่หลับระงับใจให้พะวง  โอ้โฉมยงอยู่หลังเป็นอย่างไร

ขอเทวาอารักษ์ปกปักเจ้า  อย่าให้เศร้าโศกสลดจงสดใส
ให้อยู่ดีกินดีห่อนมีภัย   พี่อยู่ไกลได้หมดห่วงดวงชีวา

นิราศนี้เห็นทีจะจืดชืด   เพราะค่ำมืดที่ได้เขียนเพียรเลขา
ผมอ่อนหัดไม่สันทัดเชิงพรรณนา โปรดเมตตาทุกๆท่านเมื่ออ่านดู
คิดขึ้นได้ก็เขียนส่งลงอักษร  เป็นคำกลอนไม่สวยสดน่าอดสู
เชิงกวียังอ่อนห่อนมีครู   ทุกๆผู้โปรดอภัยให้ผมเอย ....!
      
     

                             หัวหิน 

                                        หิรัญ  สุวรรณมัจฉา  ๑ กันยายน ๒๔๙๔

          เมื่อนายหิรัญไปอยู่ที่หัวหินนั้น ยามเหงาบางครั้งก็ออกไปเดินเที่ยวเล่นที่ชายหาดบ้าง ที่ชายหาดนั้นมักจะมีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ มาพักผ่อนที่หัวหินกันเสมอ ที่โรงแรมรถไฟหัวหิน  (ปัจจุบันเป็นโรงแรมในเครือเซ็นทรัล) ก็จะมีการจัดดนตรีและการเต้นรำให้พวกหญิงชายนักท่องเที่ยว ที่มาพักที่โรงแรมนี้ได้สนุกสนานกัน นายหิรัญเป็นผู้มีอารมณ์ขัน และชอบเขียนหนังสือมาก เมื่อได้ไปเห็นหรือได้ไปอยู่ที่ไหนก็เขียนบันทึกไว้ เป็นกลอนบ้าง เป็นบันทึกธรรมดาบ้าง  สำหรับเรื่องที่นายหิรัญได้ไปอยู่ที่หัวหินนั้นมีหลายตอน ขอเชิญอ่านในตอนที่นายหิรัญไปดูเขาเต้นรำกันครับ


วันที่ สามพฤศจิกามหาสนุก  พวกชาวกรุงมาหาสุขกันเต็มที่
มารถด่วนขบวนหนึ่งซึ่งเร็วดี  พอสิบสี่นาฬิกาก็มาพลัน
ผมอยากรู้คอยดูหน้าใครมาบ้าง ไปยืนข้างรถด่วนขบวนนั้น
เห็นชายหญิงแต่งอวดประกวดกัน นึกแล้วขันคิดเห็นว่าเป็นเงาะ

พวกผู้ชายใส่เสื้อดอกเบ้อเร่อ  ทำชะเง้อคอจ้องมองปะเหลาะ
เสื้อดอกลายเขียวดำพิมพ์จำเพาะ ทำแคะเคาะผู้หญิงชิงพูดจา
สมัยนี้แต่งกายไม่ใช่เล่น  ทรงจิ้งเหลนฟิตเป๋งเกร็งโคนขา
ปลายสะบัดปัดฝุ่นฟุ้งขึ้นมา  เพราะซื้อหาต้องเสียตังค์ช่างหัวกู

พวกแม่หญิงเด็ดเดี่ยวเจี๊ยวจ๊าวใหญ่ ถึงหัวหินแล้วมิใช่หรือพ่อหนู
รีบจัดแจงแต่งตัวยื่นหัวดู  มันช่างหรูจริงแท้แม่ชาวกรุง
บางคนเดาะกางเกงเบ่งมาซะด้วย เหมือนขาก๊วยครึ่งแข้งแข่งผ้าถุง
บางคนนั้นอ้วนพีมีแต่พุง  เหมือนกระบุงตูดใหญ่เท่าไหกระเทียม

ดัดผมกันงอหงิกหยิกเป็นคลื่น  ปากแดงรื่นเขียนคิ้วดำทำท่าเหนียม
ล้วนแต่งกายให้เห็นใครไม่เทียม ต่างคนเตรียมข้าวของต้องเอาไป
ข้างผู้หญิงพิงอยู่ข้างเคียงป้าย  อยากให้ถ่ายรูปสักทีเห็นดีไหม
จะได้เก็บไว้เอาดูเมื่ออยู่ไกล  ว่าได้ไปหัวหินซีมีแสดง

พวกสามล้อหวานคอแหละคราวนี้ นานนานทีต้องจำทำเสียงแข็ง
คิดเพียงห้ามาตลาดไม่อาจแพง มิใช่แกล้งโก่งดอกคุณอุดหนุนไทย
ฝ่ายเจ้าหนุ่มถึงร้องสาวจ้องหน้า หนุ่มชักซ่าอวดเก่งต้องเบ่งใหญ่
คิดราคาเพียงเท่านี้มิเป็นไร  อ้ายน้องชายไปก็ไปไวไวซี

พอตกค่ำรำคาญคิดอ่านเที่ยว  ผมคนเดียวดุ่มเดินเพลินถึงที่
คาซิโน โฮเต็ล ช่างเย็นดี  เห็นคนมีมากมายออกก่ายกอง
เข้าเบียดคนจนห่างขึ้นข้างหน้า เขาเบียดมาเราก็ผลักนึกอยากถอง
จะเบียดกันอย่างไรให้ได้มอง  สองตาจ้องเขาเต้นรำทำอย่างไร

เสียงกีต้าร์ บุ่ม บุ๊มให้กลุ้มจิตต์ ผมอยากคิดจะเต้นเห็นไม่ไหว
ดูเขาเต้นไปมาแบบฮาวาย  ทำยักย้ายสะโพกโยกไปมา
หนุ่มกอดเอวสาวจับบ่าสองขาส่าย ไปทางซ้ายย้ายหลังเบี่ยงทางขวา
บุม บุ่ม บุ๊ม หนุ่มจ้อง สาวมองตา เบี่ยงทางขวาย้ายหลังไปทางซ้าย

บางตอนสาวทอดกายให้ชายจับ ชายขยับเกือบสุดถึงจุดหมาย 
เต้นทางซ้ายย้ายทางขวาร่าเริงใจ ทั้งหญิงชายเป็นสุขสนุกจัง
อีกคู่หนึ่งเต้นถี่ช่างดีแท้  ทำแยงแย่แยงหยกเสือตกถัง
ขาทั้งคู่ชูไปมาท่าประดัง  ทำถอยหลังถอยหน้าเดี๋ยวช้าเร็ว

คู่ฮาวายส่ายสะโพกดูยกใหญ่  เห็นแล้วใจเสียวแปลบแทบตกเหว
แบบฮาวายย้ายสะโพกโยกสะเอว ประเดี๋ยวเร็วประเดี๋ยวช้ายั่วตามอง
คู่สุดท้ายออกมาผมว่าเยี่ยม  ทำต้วมเตี้ยมตัวเอนเต้นหยองหยอง
ปากหมุบหมิบขยิบตาช่างน่ามอง ผมถึงจ้องตกตลึงเพราะถึงใจ

เขาเลิกแล้วเดินกลับผมจับตา  สอดส่ายหาโฉมตรูเจ้าอยู่ไหน
ผมมองค้นจนจบไม่พบใคร  โอ้..ลืมไปคนของเราเขาไม่มา
ผมเขียนมายกใหญ่ทำให้ง่วง  เหมือนผมลวงให้เสียงานนะท่านหนา
เขียนไม่เหมาะเพราะผมนี้อ่อนวิชา จบดีกว่าคราวต่อไปเขียนใหม่เอย....

หิรัญ

                                              หัวหิน   ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๔


บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้152
เมื่อวานนี้311
สัปดาห์นี้763
เดือนนี้4075
ทั้งหมด1347665

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online