เรื่องเก่าของคนเจ็ดเสมียน (พ่อสื่อ ต่อ)
เรื่องราวเก่าๆของชาวเจ็ดเสมียน
เรื่องเก่าของคนเจ็ดเสมียน (พ่อสื่อ ต่อ)
๒ ๑๖. ๒. ๘๑ ร. ๒. ๖. ๓ (วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๘๑) ครูสันไม่ได้มาโรงเรียนมีจดหมายมาว่าถูกขโมยลักเสื้อผ้าไปหมด ไปว่าจ้างเจ๊กตัดไม่ทันเลยไม่มีเครื่องแต่งตัวมาโรงเรียน น่าสงสารแกเหมือนกัน แกท่าจะไม่มีพวกพ้องเลยจึงได้ถูกคนแกล้งจนปานนี้ ยิ่งจนแล้วยิ่งมาเป็นอย่างนี้คิดแล้วมันน่า ฉิวนักทีเดียว
ตอนเย็นฉันเอาเรือเล็กไปพายเล่นกับเฮียเบี้ยว ฮวง เฮง พอดีกับสาวๆตลาดและพวกลูกสาวนายสถานีรถไฟเจ็ดเสมียน ลงมาอาบน้ำเลยพูดล้อเล่นกัน กลับไปแล้วไปคิดอีกว่าถ้าบางทีเขาจะว่ายังไงกระมังจึงไปเที่ยวบ้าน แช กับ เฮียเบี้ยว เช็งฮวง กิมแช กลับหลบอยู่หลังบ้านไม่ออกมาสู้หน้าถ้าจะคิดว่าจะมาต่อว่าหรืออย่างไร จึงได้อายไม่ออกมาที่จริงก็จะไปขอโทษหรอก กลับมาแล้วก็คิดใหญ่ ข้างเราก็กลัวเขาจะโกรธว่าเขาได้ว่าเราฉิวเขา ข้างเขาก็กลัวว่าเราจะโกรธที่เขาว่าเรา ต่างคนต่างเข้าใจผิดกันอย่างนี้ผลสุดท้ายก็จะขาดไมตรีกันเพราะความเข้าใจผิดเสียเปล่าๆ
อย่างไรพรุ่งนี้ฉันต้องไปปรับความเข้าใจผิดเสียใหม่เพราะฉันเป็นต้นเหตุ แต่ฉันไม่ค่อยจะคิดอะไรมาก เช็งฮวง นี่สิต้องคิดมากถ้าสายสัมพันธ์ของเขาขาดเสียแล้ว ฮวงบอกว่าจะขอยอมตายต่อหน้าคนรักของเขา ตกลงคืนนี้ต้องคิดกันทั้งสองข้าง ผู้คิดมากที่สุดก็คือ เช็งฮวง กิมแช พระเอกและนางเอกผู้เคราะห์ร้าย คืนนี้เป็นคืนคิด ๆ ๆ แต่ฉันจะพยายามเชื่อมสายป่าน อันเข้าใจผิดนี้ให้ดีดังเดิมให้จงได้เพื่อเพื่อน
๓ ๑๗. ๒. ๘๑ ร. ๓. ๖. ๓ (วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๘๑) ตอนบ่ายเฮียเบี้ยวกับ เช็งฮวง มาหาฉันที่โรงเรียนบอกว่าเขาสองคนแก้ตัวเสร็จไปแล้ว คื อ แช ฮวย และชู มาสีข้าวที่โรงสีเลยมาคุยกันและต่างคนต่างปรับความเข้าใจผิดกัน แช กลัวเราจะโกรธเขาด้วยซ้ำ เฮียเบี้ยวจึงบอกฉันเย็นนี้ไปหาแช แล้วแกล้งมาขออภัยและเอาความจริงเข้าโกหกเพื่อสวมรอยตามคำพูดที่แชมาพูดไว้ ฉันก็รับคำ
เลิกเรียนแล้วฉันก็ไปพูดตามจริงบ้างโกหกบ้างแชก็เชื่อ ตอนหลังฉันว่า “แชจะโกรธฉันหรือ เฮียเบี้ยวก็โกรธเถิดแต่อย่าไปโกรธคนนั้น ( ฮวง ) เข้า เพราะถ้าโกรธคนนั้นแล้วฉันจะเสียใจมากกว่า แช โกรธฉันเสียอีก “ “ เมื่อความเข้าใจถูกมีต่อกันเช่นนี้แล้วต่อไปก็ขอให้เข้าใจถูกกันเรื่อยๆและก็ขอให้สนิทๆกันมากกว่าเก่า “ แชพยักหน้าก็ยิ้มแห้งๆ
๕ ๑๙. ๒. ๘๑ ร. ๕. ๖. ๓ (วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๘๑) เฮียเบี้ยวบอกฉันให้ “ เต๊าะ “ ชู (น้องสาวของ น.ส.ฮวย) เพราะเราไปทำงานเพื่อคนอื่นแล้วควรจะหาทางหย่อนใจของเราเองบ้าง และชูก็ดีกว่าฮวย ถึงทีหลังจะเป็นจริงขึ้นก็ไม่เห็นเสียหายอะไร ฉันคิดไปก็จริงเหมือนกันธรรมดาหนุ่มๆถ้าลงรักผู้หญิงแล้วมักจะคิดกลุ้ม ฉันจึงไม่ใคร่อยากจะติดใครอีกอย่างหนึ่ง ฉันชอบพูดเล่นมากกว่าพูดจริงถึงเวลาพูดจริงแล้วเขาก็เห็นเป็นเล่นไป แต่จะลองดูสักทีก็คงจะไม่เสียหายอะไร
เฮียเบี้ยวเล่าให้ฉันฟังว่า ชินคุยกับไอ้แคะเพื่อนบ้าน แคะ คนที่จะมาฉุดแช (คนละคนกับแคะขายยา) แคะขายยาถามชินว่า แคะคนนั้นกลับไปแล้วหรือ ชินว่ากลับไปแล้ว แคะขายยาถามว่า มันมาชอบผู้หญิงที่ตามนี้ใช่ไหม ชินว่าใช่ แคะว่า แล้วผู้หญิงคนนั้นชอบเขาไหม ชินว่า พุทโธ่เอ๋ย ผู้หญิงคนนั้นเขาสวยออกยังกับอะไรใน จ.ม. นี่ก็นับว่าเขาเป็นเอก เขาจะมาชอบอะไรกับมัน พอเห็นหน้าเข้าก็ทั้งเกลียดทั้งกลัวแล้ว มีคนมาขอเขาตั้งหลายคนแล้วเขายังไม่เอา แคะขายยาว่ามันจะเอาให้ได้เจอะที่ไหนมันจะฉุดเอา
ชิน ย้อนถามว่ามันเป็นนักเลงโตยังงั้นเทียวหรือ แคะว่ามันเป็นนักเลงจริงแต่ไม่เอาใครจริงหรอก พวกของมันมากดีแต่ปากเท่านั้นมันบอกว่าจะเอาให้ได้เทียว ตามท่าน้ำ ตามตรอก พบเข้าเป็นเอาเทียวแหละ ชินหัวเราะใหญ่ว่า ลื้อไม่เคยได้ยินชื่อเจ็ดเสมียนบ้างหรือว่าในทางนักเลงเป็นอย่างไร แคะว่า เคยได้ยินเหมือนกันไม่ใช่ขี้ไก่นา ตอนนี้นายชินเลยโม้ใหญ่ลื้อเคยได้ยินชื่อครูกวยบ้างไหมล่ะนี่แหละหัวหน้านักเลงโตเจ็ดเสมียนละ แกเป็นนักเลงโตในทางที่ถูกในเจ็ดเสมียนนี่ ถ้าใครจะตีหัวกัน ฟันกัน ต้องมาบอกให้ครูกวยรู้เสียก่อน
และพ่อเขาก็เสือเหมือนกันจะเอายังไง ตามตีนท่าหรือก็ไม่มีทางไป ทางท่าเรือเมล์ก็หน้าบ้านครูกวยแล้วทางในบ้านเขาก็เป็นตรอก อุดทางโน้นทางนี้ก็เสร็จกัน หมู่บ้านเขาก็มีหลายหลังบ้านเขามิใช่จะมีเพียงมีดกับไม่เท่านั้น เมื่อไรบ้านหนึ่งก็มีปืนอย่างน้อยกระบอกหนึ่งหรือสองกระบอก เข้าไปซิ เล่าเต๊งตั้งสองชั้นสามชั้นเขาไม่ยิงเสร็จก็ลองดู นี่ถ้ามันจะเอาจริงๆก็ต้องตายเท่านั้นเจ็ดเสมียนไม่ใช่ขี้ไก่นา
แคะขายยาฟังจนนานแล้วว่า อ้ายนี่ขืนมาบ่อยๆละก็ต้องหัวแดงกลับบ้านสักวันหนึ่ง
นายชินเข้าใจโม้ ทำให้มันขยาดไปไม่มากก็น้อย ฉันตั้งใจจะไปบอกแชให้รู้เรื่องจะได้เบาใจ
๖ ๒๐.๒.๘๑ ร ๖.๖.๓ (วันศุกร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๔๘๑) ฉันกับเฮียเบี้ยวขี่จักรยานไปโพธาราม กินข้าวหมูแดงที่ตลาดด้วยกันแล้วฉันก็กลับบ้าน กิมแช (ลูกของน้าที่อยู่หนองปลาหมอ) มากับเสงี่ยมคนบ้านโป่งว่ามาเที่ยวและมาซื้อของนัดไปขายบ้านโป่ง เสงี่ยมคนนี้ผิวขาวหน้าตาพอดูได้ เมื่อฉันแลผาดๆไปเห็นว่าสวยทีเดียว แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆก็ยังงั้นเองไม่ใคร่สวยเท่าไร คนเราทุกคนถ้าแลผาดๆแล้ว จะเห็นว่าสวยว่าดีทุกคนถ้าพิจารณาดูให้ดีให้ถี่ถ้วนแล้วจึงจะรู้ว่าดีชั่วกันแน่
คืนนี้มีภาพยนต์อินเดียเรื่อง สาวสมัยใหม่ พากย์โดย “ลักษณะเย็น” ชาย และ ”วรรณสาร) หญิง เสียงไพเราะชัดเจนดีมากเค้าเรื่องก็เป็นคติกินใจ มีทั้งตลกโปกฮาคนใหญ่ก็ดูไว้สอนลูกหลาน สาวหนุ่มก็ดูเป็นคติสอนใจ เด็กๆก็ดูตลก นางเอกสวยถึงจะเป็นแขกก็ไม่แพ้หรั่ง แสดงได้แนบเนียนดีจริง ๆ ทั้งตัวประกอบอื่นๆแสดงดี รวมความว่าดีทั้งหมดก็ว่าได้ ๑๕ สตางค์ ไม่น่าเสียดายเลย นาน ๆ มียังงี้ทีหนึ่ง
เค้าเรื่องมีว่า “ ครอบครัวหนึ่งมี พ่อและแม่ ลูกสาว พ่อพาลูกสาวเข้าไปเรียนหนังสือในเมืองอังกฤษ เมื่อสำเร็จมหาวิทยาลัยอ๊อคฟอร์ดแล้วก็พากันกลับ ทั้งพ่อทั้งลูกเลยกลายเป็นคนสมัยใหม่ไป มาถึงบ้านแม่ซึ่งเป็นสมัยเก่าจะว่ากล่าวก็ไม่ได้ หาว่าแม่เป็นคนโง่ เป็นคนสมัยเก่าไม่ทันสมัยแม่พูดอย่างจับใจว่า “ที่นี่มันเป็นอินเดียนะลูกไม่ใช่อังกฤษ “ ตอนหลังนางเอกไปรักกับพระเอกสมัยใหม่เข้า ทำเอาคู่รักซึ่งเป็นคนสมัยเก่าเสียใจกลายเป็นบ้า
แต่ทำไปทำมาตอนหลังก็ได้แต่งงานกับพระเอก เพื่อนพ่อนางเอกเขาก็สมัยใหม่เหมือนกันและตลกเสียด้วย พอกลับจากอังกฤษก็ให้เมียแต่งตัวแบบสมัยใหม่ เมียไม่แต่งแกก็คิดอุบายกับเพื่อน เอาปืนขึ้นมาถือแล้วยิงขึ้นอากาศไป พวกเพื่อนก็ทำเป็นยื้อแย่งกันเมียมาเห็นเข้าก็ถามเนื้อความแกว่า ถ้าแกไม่เอาเสื้อผ้าสมัยใหม่นี้ไปแต่งละก็จะฆ่าตัวตายเสียทีเดียว นางเมียกลัวผัวตายก็เอาไปแต่งตอนนี้แกดีใจกันใหญ่แล้วเต้นระบำแสดงความดีใจกัน ตอนหลังรู้สึกตัวกันทุกคนต้องหันกลับมาประเพณีเดิมกันหมด
๗ ๒๑.๒.๘๑ ร. ๗.๖.๓ (วันเสาร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๘๑) ฉันรู้ว่าแชจะมาโพธารามวันนี้ฉันจึงไปรอดูที่สถานี ก็พบแชมากับทุเรียนมาซื้อของฉันเลยชวนไปเที่ยวบ้านฉัน
เช็งฮวงรู้เรื่องก็ขี่จักรยานไปเหมือนกัน เย็นมาเล่าให้ฉันฟังว่าเขาได้ไปคุยกันที่ท่าเรือเมล์ คุยกันสัก ๒ ชั่วโมงหัวใจเบิกบานอย่างที่สุด ฉันขอให้เขาจงมีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปเถิด ฉันจะได้พลอยอาศัยพึ่งพาเขาได้บ้าง คิดไปอีกทีถึงแชจะไม่ได้เป็นของฉัน ๆ ก็ยังรักที่จะคุยที่จะเห็นหน้าแชอยู่ทุกเวลา เมื่อหัวใจจะกลุ้มสักเพียงใดถ้าได้แลเห็นหน้าแชแล้ว ความทุกก็เสื่อมหายคลายสิ้น อนาถหนอวาสนาขอบนบานให้พระผู้เป็นเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ จงบันดาลให้หัวใจฉันสงบเสียเถิดอย่าคิดให้ฟุ้งซ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เลย เอาใจไว้คิดในหญิงอื่นที่ไม่มีเจ้าของเถิดโลกจะได้ไม่ตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ
๔ ๒๕.๒.๘๑ ร ๑๑.๖.๓ (วันพุธที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๔๘๑) เง็กซึงน้องของฉัน (น้องแท้ๆ มีอยู่ด้วยกันสองคนพี่น้องเท่านั้น) ได้มาบรรจุเป็นครูอยู่ ร.ร. เจ็ดเสมียนด้วยกันกับฉันเช้านี้ขี่จักรยานมาด้วยกัน (ซ้อนท้ายจักรยานกันมาที่เจ็ดเสมียน)
ดีเหมือนกันมาอยู่ด้วยกันเช่นนี้ ฉันจะได้ควบคุมดูแลได้ถ้าไปอยู่ ร. ร. อื่นฉันจะหนักใจขึ้นอีกมากเพราะเป็นผู้หญิงและ ร. ร. ก็อยู่ในป่าที่เปลี่ยวแต่มาที่นี่หนทางออกจะไกลสักหน่อยก็ยังดีกว่าทางตะวันออก หน้าน้ำจักรยานไปไม่ได้ แต่ทางนี้มาได้ทั้งหน้าน้ำและหน้าแล้งเย็นฉันต้องไปส่ง วันหลังจะให้ไปกับครูสันก็ได้
เด็กชายทิ้วและเด็กชายอัว (เป็นญาติของ กิมแช โดยเฉพาะเด็กชายอัว ดูเหมือนว่าจะเป็นน้องชายน.ส.กิมแช ) จะไปเรียนหนังสือต่อที่โพธาราม ฉันจึงบอกกับแม่เขาทั้งสองคนว่าให้ไปพักที่บ้านฉันก็ได้ จะได้ไปเป็นเพื่อนแม่ฉัน และกลางคืนก็จะได้มีเวลาดูหนังสือ ถ้าติดขัดฉันหรือน้องฉันก็จะได้บอกแนะนำได้ และฉันก็นับถือพ่อแม่เขาเหมือนญาติสนิทแม่เด็กทั้งสองคนก็รับคำ แต่ซิ้มติ้วแม่เด็กชายอัวบอกว่าต้องให้ไปกินข้าวบ้านป้าเขาที่ตลาด แล้วกลางคืนจึงจะให้มานอนที่บ้านฉัน
ที่จริงเด็ก ๒ คนนี้ปัญญาก็พอใช้ได้รูปร่างก็ไม่ขี้ริ้วนักแต่ฉันรัก ด.ช. ทิ้ว มากเห็นเข้ารู้สึกสงสารจริงประกอบกับพี่สาวทั้ง ๒ คนด้วยยิ่งรักมากใหญ่ ตามธรรมดาฉันรักเด็ก ๆ มากถ้าเด็กคนใดฉันว่ากล่าวแล้วเชื่อฟังฉัน ฉันอาจสละบางสิ่งบางอย่างให้ได้ถ้าเด็กคนใดดื้อด้านแล้ว ฉันเกลียดอย่างที่สุดเทียว
เดี๋ยวนี้รัฐบาลต้องการจะย้ายเมืองหลวงไปตั้งอยู่ที่จังหวัดลพบุรี จึงต้องการทรายไปเทคอนกรีตสร้างสถานที่ต่าง ๆ ที่โพธารามนี้มีทำเลดี หาดทรายอยู่ไม่ห่างไกลจากทางรถไฟ รัฐบาลจึงจ้างหาบทรายมาที่สถานีกองไว้เป็นภูเขา ค่าจ้างหาบคิดถังละ ๒๕ สตางค์ ( ถังเอาไม้ตอกเป็นสี่เหลี่ยม ๑ คูณ ๑ เมตร ) มีคนรับจ้างหาบกันมากบางพวกก็ไปทางหน้าบ้านฉันได้ดูคนสาวๆ แปลก ๆ ตา
๕ ๒๖.๒.๘๑ ร. ๑๒.๖.๓ (วันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤษภาคม ๒๔๘๑) ซิ้มติ้วและกิ๋มหน่ายไปรถเช้า ฉันและทิ้ว อัว ไปรับที่สถานีเพื่อจะมาฝากเด็กเข้าโรงเรียน คุยกับแม่ฉันดี ตอนเย็นฉันไม่ได้กลับบ้าน ให้เง็กซึงนั่งซ้อนท้ายจักรยานไปกับครูสัน
ฉันไปขอยืมกล้องถ่ายรูปบ้านเอี้ยวหน่ำ และซื้อฟิล์มเขามาถ่ายฉันถ่ายไม่ใคร่เป็น พึ่งหัด นี่แหละทางที่เสียสตางค์แหละถ่ายทีหนึ่ง ๆ ก็เสียสตางค์หลายสตางค์ แล้วค่าอัดอีกด้วยหมดสตางค์ไปเรื่อยๆ
นาฬิกาข้อมือ – พก ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป รถจักรยาน ฯ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นทางเสียสตางค์ยิ่งกว่าเป็นหนี้เขาอีก ใครเล่นของเหล่านี้ก็เท่ากับผลาญเงินให้เสียไปโดยใช่เหตุ
๒ ๓๐.๒.๘๑ ข. ๑.๗.๓ (วันจันทร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๘๑) ฉันดีใจจริงที่เช็งฮวง เล่าเรื่องอะไรๆ ส่วนตัวของเขาให้ฉันฟังฉันค่อยโล่งอกไปหน่อยที่ แช ก็มีใจสงสารเช็งฮวง ฮวงเล่าว่า “ เขาเดินไปตลาดขากลับมาพบ แช กำลังขุดหลุมจะปักเสาทำร้านนัด แชเรียกฮวงให้ช่วยเพราะไม่มีคนอยู่เลย ฮวงสบโอกาสสมความคิดก็เลยช่วยกัน แม่เขาก็ให้ท้ายด้วยทำเอาฮวงปลื้มมาก “ ซิ้มติ๊วเคยคุยกับฉันว่า “ มันรักออกอย่างนี้ถ้าไปแต่งให้คนอื่นเสียมันถ้าจะแย่นะ “ ฉันเลยเสริมว่า “ มันก็ตายเท่านั้นเอง “
ฉันถามว่า “ ถ้าเขาจะเข้ามาขอซิ้มจะว่าอย่างไร “ แกว่า “ เขาเข้ามาก็ให้เขานะซีนี่ถ้าคนอื่นมาก่อนฉันแต่งให้เขาไปก็ได้ เพราะเปรียบเหมือนจะซึ้อของแต่ยังไม่ได้วางประจำ คนอื่นมาเราขายให้เขาก็ไม่ผิดอะไร “
ฉันว่า “ ใครจะกล้าเข้ามาใครเขาก็รู้อยู่แล้วทั้งบ้านว่ามาขอกันแล้ว “ ซิ้มว่า “ ที่จริงเขาก็เป็นแต่มาถามๆเท่านั้นยังไม่ทันได้สู่ขอกันเลย คนเข้าใจผิดกันทั้งนั้นแต่ก่อนพี่ชายมันก็มาหลงอยู่คราวหนึ่งแล้ว วันหนึ่งเดินทางนี้ตั้ง ๕ - ๖ หน มันเกรงแม่ยายมันดอกนะไม่งั้นมันมาขอแล้วฉันก็สั่งแชเหมือนกันนะ ว่าลูกเมียเขามีแล้วอย่าเสือกตามเขาไปจะเสียทีเขา พอมันรู้เรื่องว่าน้องชายเข้ามาพูดเท่านั้นแหละตกตลึงนิ่งอั้นพูดไม่ออกเทียว มันว่านี่ดีแต่เป็นน้องถ้าคนอื่นแล้วจะยอมเอาชีวิตเข้าแลก “
ชู เคยบอกฉันเหมือนกันว่า เช็งกิจ (พี่ชายนายเช็งฮวง เป็นเจ้าของโรงสีเจ็ดเสมียน ปัจจุบันนี้เลิกไปนานแล้ว) มาติดแชตั้งนานและแชก็นิยมเขามาก เคยซื้อเสื้อผ้าให้ซื้อของขวัญให้ แต่เข็มขัดนาคนั้นแชฝากไปซื้อ และของอะไรอีกหลายอย่างเวลานี้ตัวแชชอบพี่มากกว่าน้อง แต่ชูสั่งไม่ให้พูดให้รู้ไปถึงคนอื่น ส่วนแชนั้นปิดเรื่องนี้เหลือเกินใครจะหลอกถามเป็นไม่บอก เกี่ยวแก่ความอายของสตรีนี่เองแต่ความลับย่อมไม่มีในโลกมิวันใดก็วันหนึ่งคงรู้เรื่อง
แชกับฉันนั้นสนิทกันดุจพี่และน้องมีเรื่องอะไรที่ฉันไม่จำเป็นจะต้องสงวนไว้เป็นความลับแล้ว ฉันก็เล่าให้แชฟังและแชมีเรื่องก็เล่าให้ฉันฟังเหมือนกัน แต่ฉันก็เป็นแต่เพียงทูต ที่เพื่อนใช้มาเท่านั้นเองจะทำให้เกินเลยไปกว่านั้นหามิได้ ความจริงฉันนับถือพ่อแม่แชดุจญาติอันสนิทแชเคยพูดกับฉันว่า “ ถ้าใครคิดระแวงครูลิว คนนั้นก็ไม่ไข่คน “ เมื่อเขาไว้ใจจนอย่างนี้ เราก็ควรทำความไว้ใจอันนี้ให้แน่นแฟ้นขึ้นภาษิตว่า “จะอยู่ต้องให้เขาไว้ใจ จะไปต้องให้เขาคิดถึง “ ควรจำให้แม่นๆ
เพื่อนๆของฉันก็แนะนำให้ติดต่อกับชู ฉันคิดก็ดีเหมือนกัน แต่จะทำเล่นไปไม่ได้จะเอาต้องเอาจริง แต่ฉันว่าฉันจนเพื่อนก็จะช่วยเหลือนี่เป็นเรื่องที่ฉันจะต้องคิดอีก
ต่อนี้ไปเรื่องของเพื่อน “ ฮวง “ ซึ่งเคยทำให้ฉันกลุ้มในหน้าที่ ทูต ก็จะทำให้ฉันหายใจสะดวก เพราะเรื่องก็มาเกือบจะลงเอยกันแล้วในเมื่อ กิมแชบอกว่า “ ฉันก็สงสารมันเหมือนกัน “ ถ้าเรื่องนี้ไม่สำเร็จฉันก็จะขายหน้าที่ใช่น้อยในฐานที่เป็นผู้ไร้ความสามารถ เรื่องเขาสำเร็จหรือ ? ยังอยู่แต่เรื่องของฉันเรื่องในอนาคตกาลของฉัน เรื่องกลุ้มใจมิรู้ว่าวันใดจะสัมฤทธิ์ผล ต้องตรึกตรองและตกลงใจเสียให้ดีถามตัวเองว่า จริงหรือไม่จริงให้แน่นอนเสียก่อน
๖ ๓. ๓. ๘๑ ข. ๕. ๗. ๓ (วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๔๘๑) วันนี้ฉันไม่ต้องไปโรงเรียนเพราะทางอำเภอต้องการประชุมครูทั้งหมด เว้น ร.ร. รัฐบาล ประชุมเวลา ๑๒.๐๐ น.
นายอำเภอพูดก่อน พูดอย่างช้าๆเนิบๆด้วยคำพูดอันอ่อนหวานท่านแนะนำให้ครูทุกๆคนประพฤติในทางดีงาม ท่านอธิบายว่าคนเราถึงจะมีความรู้ให้วิเศษสักปานใด แต่ความประพฤติไม่ดีความชั่วมันก็คอยปิดประตู มิให้คุณครูเหยียบย่างก้าวขึ้นสู่ความดีเลย และท่านรู้จักปฏิบัติในหน้าที่ราชการอย่าให้ตึงเกินไปและอย่าให้หย่อนเกินไป
จงถือสายกลางเป็นทางปฏิบัติ เช่นเดียวกับสายพิณจะสีสายตึงไม่นานก็จะขาด ถ้าสีสายหย่อนก็ไม่ดังควรสีสายกลางไว้ แต่จะปฏิบัติอย่างไรจึงจะมิให้งานหลวงก็ไม่ขาดงานราษฎร์ก็ไม่เสีย นั่นเป็นข้อที่คุณครูทุกคนควรจะต้องวินิจฉัยดูด้วยสติปัญญา และครูน้อยก็ควรเชื่อฟังคำสั่งครูใหญ่แม้คำสั่งนั้นจะผิดก็ตาม เพราะก่อนที่ครูใหญ่จะสั่งงานเขาก็ต้องคิดแล้วว่าเป็นส่วนถูก แต่นั่นแหละความคิดของคนทุกคนย่อมไม่เหมือนกันต่างคนต่างความคิดเห็น ก็ควรจะต้องปรึกษากันดู
ตอนหลังท่านแก้ข่าวที่ว่ามีครูหญิงและครูชายซ้อนรถจักรยาน ไปทำงานหรือไปทำสิ่งที่ชั่วขึ้น กับที่คราวธรรมการลาไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ก็ว่าเอาเงินไปตั้ง ๒ พัน ข่าวเหล่านี้เป็นข่าวเหลวไหลไม่มีมูลแห่งความจริงทั้งสิ้น เพราะท่านได้สอบสวนดูแล้วเป็นข่าวที่คนให้ร้ายกุขึ้นทั้งสิ้น ท่านพูดสิ้นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วท่านให้ธรรมการพูดบ้าง แต่ก่อนที่ท่านจะนั่งท่านได้ให้พรว่า “ ต่อนี้ไปขอให้ความสุขความเจริญและเปี่ยมไปด้วย พร ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ จงมีแด่คุณครูทุกๆคนเทอญ “
หวานจริง แต่จะ หวานเป็นลม ขมเป็นยาหรืออย่างไรก็ไม่รู้
ธรรมการ (เท่ากับตำแหน่งศึกษาธิการ ในสมัยนี้) พูดก็ไม่ใคร่มีเรื่องสำคัญอะไร แต่ต่อนี้ไปครูทุกคนมีคะแนนประจำตัว ๑๐๐ คะแนน ครูน้อยให้ครูใหญ่เป็นผู้ลงคะแนน ครูใหญ่ให้ธรรมการลงคะแนน ต้องส่งคะแนนเหล่านี้เป็นรายเดือนคะแนนแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คุณวุฒิ ๕๐ คะแนน ความประพฤติเบ็ดเตล็ด ๕๐ คะแนน ถ้ามีความดีความชอบพิเศษก็จะได้คะแนนมากเป็นพิเศษ และคะแนนเหล่านี้ให้ถือเป็นคะแนนลับ
เช่นนี้เป็นการบังคับไปในตัว ใครทำดีก็ได้คะแนนมาก ใครทำชั่วก็ได้คะแนนน้อย แต่ถ้าครูใหญ่เกลียดครูน้อยคนใด คนนั้นก็น่าที่จะต้องหน้ามืดสักหน่อย.....
โปรดติดตามตอนต่อไป ผลสุดท้ายนายเช็งฮวง จะได้แต่งงานกับนางสาว กิมแชหรือไม่ เร็วๆนี้ ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น