อารีย์ สุวรรณมัจฉา ๑
เมื่อในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วนั้น มีวันหยุดราชการหลายวันเหลือเกิน คือวันเสาร์ อาทิตย์ วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา เรียงกันเป็นพืด ผู้ที่ทำงานกินเงินเดือนทั้งหลาย
โดยเฉพาะข้าราชการกระทรวง ทบวง กรมกองต่างๆ ก็หยุดกันยาวแล้วก็วางแผนการที่จะกลับไปบ้านเดิม ไปเยี่ยมพ่อแม่ ไปเยี่ยมญาติ ไปทำบุญ ไปเที่ยว ไปพักผ่อนในที่ต่างๆทั้งทางเหนือและทางไต้ทุกๆภาคของประเทศเรา
ส่วนตัวผมพร้อมด้วยครอบครัวไม่ได้ไปไหน เพราะไม่อยากไป และอีกอย่างหนึ่งลูกของผมสองคนอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะว่าเขาทำงานกันอยู่ที่กรุงเทพฯ คือลูกชายคนกลาง และลูกหญิงคนเล็กนั้น ก็โทรศัพท์มาบอกผมล่วงหน้าหลายวันแล้ว ว่าจะมาเที่ยวพักผ่อนกันที่บ้านสวน ที่สามชุก สุพรรณบุรี ผมก็ยิ่งไม่ได้ไปไหนใหญ่เลย
ด้านหน้าบ้านสวนเลขที่ ๒๒๒ สามชุก สุพรรณบุรี
พอถึงวันนั้นพวกลูกๆ เขาขับรถกันมาคนละคัน เพราะว่าอยู่กันคนละที่ ได้มาพักอยู่ที่บ้านสวนนี้ ตั้งแต่วันเสาร์แล้วก็กลับกรุงเทพฯกันในวันจันทร์ คือค้างกัน ๒ คืน
ในระหว่างที่อยู่ที่บ้านสวนนี้ หลานของผมที่มาจากกรุงเทพฯ ๒ คน และที่อยู่กับผมที่บ้านสวนนี้ อีก ๑ คน วิ่งเล่นกันในสวนทั้งวันสนุกสนานกันใหญ่
หลานหญิงสองคนขี่ม้าก้านกล้วยวิ่งเล่นกันในสวน
หลานอีกคนหนึ่งเป็นเด็กชายก็หนักไปทางเฝ้าแต่เกมส์จนงงได้ที่แล้วจึงลงไปเล่นในสวนกับพวกน้องๆ
ด้านหลังบ้านตรงที่มีร่มสีแดงนั้น เป็นที่นั่งคุย นั่งรับประทานอาหารและสังสรรค์กันสำหรับผู้มาเยือน
ในวันจันทร์คือวันที่จะกลับนั้น ก็ได้พากันไปให้อาหารปลาที่ท่าน้ำวัดนางบวชก่อน แล้วเลยไปดูสัตว์ดูปลากันที่ บึงฉวาก ไปกินอาหารกลางวันกันที่นั่น
ผมอยู่ใกล้บึงฉวากก็จริงอยู่แต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่นั่นเลย เพราะเหตุว่าเคยไปมาหลายหนแล้ว นอกจากมีเพื่อนฝูงมาจากกรุงเทพฯทีก็พาไปที ถ้าไปเที่ยวเฉยๆละก็ไม่ไปเลย
ที่ท่าน้ำของวัดนางบวช เขาทำเป็นทางเดินคอนกรีตอย่างแข็งแรง ให้นักท่องเที่ยวมาชมและซื้ออาหารเลี้ยงปลา มีนักท่องเที่ยวที่จะไปบึงฉวากแวะเข้ามาเที่ยวเรื่อยๆ ลูกหลานของผมมาเลี้ยงปลาที่นี่หลายครั้งแล้ว
เมื่อหลานๆที่มาจากกรุงเทพฯอยากไปบึงฉวากกัน ก็เลยพากันไปหมดทั้งบ้าน เดี๋ยวนี้ที่บึงฉวากเขาพัฒนาดีขึ้นมากอย่างรวดเร็วจริงๆ สถานที่ก็ทำขึ้นใหม่ๆอย่างสวยงาม มีรีสอร์ตให้เช่าพักแรมอย่างดีเสียด้วย ผมไม่ได้เข้าไปถามจึงไม่ทราบว่าอัตราค่าเช่าจะแพงมากน้อยเท่าไร
เดี๋ยวนี้สัตว์ต่างๆก็มีมากขึ้น คุณบรรหาร ศิลปอาชา เป็นผู้เนรมิตและพัฒนาปรับปรุง สวนสัตว์บึงฉวากนี้มาตั้งแต่แรก ก็แวะเวียนเข้ามาดูความเจริญรุ่งเรืองและมาควบคุมดูแลความเรียบร้อยบ่อยๆ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้คุณบรรหารก็มา เห็นเที่ยวเดินดูการก่อสร้างและความเรียบร้อยต่างๆ ด้วยความสนใจเวลาท่านมาที่แห่งนี้ ผมก็บังเอิญมาเที่ยวที่บึงฉวากนี้ตรงกันกับท่านหลายครั้งแล้ว
ดูท่านมาก็มาอย่างเงียบๆง่ายๆไม่อึกทึกครึกโครมอะไร รู้สึกว่าจะมีคนติดตามมาไม่กี่คนเท่านั้น ก็ดีครับไม่เหมือนผู้ยิ่งใหญ่หลายๆคนที่ผมเคยเห็นมา ทั้งที่บ้านนอกและในเมืองกรุง
ผมพาลูกๆหลานๆเดินกันเสียเมื่อย กินอาหารกันเสร็จแล้วก็ชวนกันกลับ ในตอนเย็นวันนั้นเขาก็ไปกลับกรุงเทพฯกันเลย ผมคิดว่าจะได้พักผ่อนอีกวันคือวันรุ่งขึ้นเป็นวันอังคาร และพอถึงวันพุธก็จะได้เริ่มทำงานกัน หยุดหลายๆวันอย่างนี้ผู้ที่ไม่ได้ไปไหนเหมือนเช่นผมนี้ก็รู้สึกว่าเบื่อเหมือนกัน
พอลูกหลานที่อยู่กรุงเทพฯ สองครอบครัวนั้นกลับไปในตอนเย็นๆได้สักพักหนึ่ง อยู่ๆก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องสาวที่บ้านอยู่ที่ราชบุรี คือคุณอารีย์ นั่นเอง โทรบอกว่าในวันพรุ่งนี้คือวันอังคารจะมาหามาเยี่ยม ผมก็บอกว่ามาได้เลยเพราะว่าไม่ได้ไปไหนหรอก
คุณอารีย์คนนี้เป็นน้องสาวของผม รองลงไปจากนาย ระฆัง ซึ่งเป็นน้องชายจากผมไปอีกทีหนึ่ง สรุปว่าคุณอารีย์เป็นคนที่ ๓ แล้วยังมีคนสุดท้องอีกคนหนึ่งคือ ครูปราณี ซึ่งใครๆในเจ็ดเสมียนก็ต้องรู้จักดีอยู่แล้วไม่ต้องแนะนำอะไรมาก
นานมาแล้วเมื่อผมมาอยู่ที่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี นี้ผมเคยชวนคุณอารีย์ผู้ที่เป็นน้องสาวให้มาเที่ยวบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เคยมาสักทีเพราะเหตุว่าเขาไม่ค่อยว่างมีงานเยอะ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรและคิดว่าถ้าเขาว่างเมื่อไร เขาก็คงจะมาเที่ยวที่บ้านพี่ชายของเขาเองน่ะแหละ
จริงๆแล้วผมกับคุณอารีย์น้องสาวนั้นเป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้พบกันเลย ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนก็ทำงานมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ ได้แต่พูดกันทางโทรศัพท์เท่านั้น เมื่อเขาบอกว่าจะมาหาผมก็ดีใจเป็นธรรมดา
ในวันนั้นคุณอารีย์มาถึงเกือบบ่ายสามโมงเย็นแล้ว เราต่างก็ดีใจที่ได้พบกันนอกจากคุณอารีย์แล้วก็ยังมี คุณปราณีพร้อมด้วยลูกๆหลานๆก็มาด้วย เมื่อมาถึงผมก็ชวนกินข้าวเย็นกันที่นี่เสียเลย เพราะว่านี่ก็จวนจะเย็นแล้ว ดังนั้นคุณอารีย์คุณปราณีและคุณหวาน ภรรยาของผม จึงได้ช่วยกันหุงหาอาหารกันเป็นการใหญ่
ดังนั้นในระหว่างนี้ผมจึงอยากจะขอเสนอเรื่องราวต่างๆของคุณอารีย์ น้องสาวของผมสักหน่อยเอาอย่างคร่าวๆ ก็แล้วกันนะครับ
คุณอารีย์เป็นบุตรคนที่ ๓ ตอนนั้นน้องปราณียังไม่เกิด
คุณอารีย์เป็นบุตรคนที่ ๓ ของนายหิรัญ นางสละ สุวรรณมัจฉา เกิดที่บ้านเช่าหลังตลาดเจ็ดเสมียนแถวเก่า อารีย์จึงเป็นเด็กเจ็ดเสมียนตัวจริงตั้งแต่เกิดมาเลยทีเดียว เมื่อตอนเด็กๆนั้นคุณอารีย์เป็นเด็กอ้วนท้วนสมบูรณ์ บิดาของผม คือนายหิรัญ จึงได้ตั้งชื่อเรียกกันเล่นๆ ว่า “อึ่ง “ อาจจะหมายถึง อ้วนอุ้ยอ้าย อะไรทำนองนั้น
คุณอารีย์เป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใส เมื่อถึงเวลาที่จะไปโรงเรียนได้ ก็ไปเรียนที่โรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน พร้อมๆกับเพื่อนๆรุ่นเดียวของเขาอีกหลายคน เท่าที่ผมพอจะนึกออกก็มีคุณจินตนา แววทอง และ คุณบุปผา ลักษิตานนท์ (ปัจจุบันนี้อยู่ที่ สหรัฐอเมริกา และอยู่มานานแล้ว) สำหรับคุณอารีย์นี้มีข้อความเล็กๆน้อยที่บิดาของผมคือนายหิรัญ สุวรรณมัจฉาได้บันทึกเอาไว้ เมื่อนานมาแล้วดังนี้
( พ.ศ. ๒๔๙๓) “สละให้ลี้ (เจ๊ลี้ลูกของป้าม้วนเจ้าของโรงเลื่อยที่หัวหิน เวลานั้นนายหิรัญ ทำงานอยู่ที่โรงเลื่อยหัวหิน) เขียนจดหมายมาบอกว่า ต้นเดือนเมษาจะมาเที่ยวหัวหิน ฉันก็ดีใจจะได้พบหน้าลูกหน้าเมียเสียบ้าง แต่สละจะพาเด็กๆมาหรือไม่ก็ไม่รู้ ถ้าเด็กๆมาด้วยจะแน่นรถหรือไม่ก็ไม่รู้ ฉันอยากให้พาเด็กๆมาสักทีเพราะคิดถึงเด็กๆมากกว่าแม่ของมัน ยายอึ่งด้วยแล้วคิดถึงมากเพราะเป็นผู้หญิง มีคนมาบอกว่าเดี๋ยวนี้พูดเก่ง อ้วนเป็นหมูตอนยิ่งทำให้อยากเห็นใหญ่ “
อารีย์ (ผูกโบว์ที่ผมจุก) กำลังกินข้าวที่แม่ป้อนให้ ที่ทางเข้าหน้าโรงเลื่อยหัวหิน เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ด้านหลังเป็นทางเดินลงไปชายหาดหัวหินอันลือชื่อ
“มีผู้ชายอุ้มลูกจูงหลานเดินฝ่าน้ำทะเลตามชายฝั่ง (ที่หัวหิน) เด็กๆหัวเราะกันร่าเริงแจ่มใส ทำให้ฉันนึกถึงเด็กๆของฉันทางบ้าน นายคลัง (ระฆัง น้องชายของผม เป็นพี่ชายคุณอารีย์) ชอบเล่นทราย ยายอึ่งก็ชอบเล่นทราย คงจะวิ่งเล่นที่ทรายหัวเราะกันอย่างไม่อั้น ผู้เป็นพ่อแม่ก็คงจะมีความสุขเพราะลูกๆร่าเริง"
ระฆัง อารีย์ แก้ว สามพี่น้องนั่งกันอยู่ริมเขื่อนกันน้ำริมแม่น้ำแม่กลอง ใกล้ท่าวัดเจ็ดเสมียน
(พ.ศ. ๒๔๙๔) “นายแก้ว (หมายถึงผู้เขียน) โตขึ้นหน่อยหนึ่ง สอบได้ ป. ๑ แล้วปีหน้าเปิดเทอมใหม่ก็จะขึ้น ป. ๒ นาย คลัง (ระฆัง) ก็โตขึ้นแต่ยังไม่ค่อยเจ้าเนื้ออยู่อย่างเดิม สู้ยายอึ่งของเราไม่ได้โตขึ้นวิ่งเก่งพูดออเซอะเก่ง หน้าตาจิ้มลิ้มโตขึ้นคงจะหล่อไม่ใช่เล่น มีผู้หญิงกับเขาคนหนึ่งก็ให้มันดีๆหน่อย คนหลังนี่ไม่รู้จะเป็นหญิงหรือชาย (หมายถึงคุณปราณี ซึ่งตอนนี้ยังไม่เกิด) ตามเรื่องซิผู้หญิงหรือผู้ชายก็ดีทั้งนั้น ขอให้สวยหรือมีปัญญาดีหน่อยและฉลาดก็พอแล้ว
(พ.ศ.๒๔๙๔) สละจะคลอดลูกทีไรฉันละกลัวใจเทียว หมอตำแยมาไม่ทันสักที คราวคลอดยายอึ่งเหมือนกัน หมอตำแยชื่อยายเขียวมาไม่ทัน พอฉันไปถึงสละว่าออกแล้วๆ พอว่าเท่านั้นแหละผัวะออกมาแล้วฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ฉันนึกขึ้นได้ว่าเขาว่าให้เอามือล้วงก้อนเลือดในปากเด็กออก
ฉันก็เอานิ้วชี้ล้วงเข้าไปแล้วควักออกมาก็ไม่เห็นมีอะไร ล้วงเข้าไปแล้วควักออกมาอีกทีก็ไม่เห็นมีอะไรอีก แล้วเด็กจึงร้องแว้ๆ ให้คนไปตามไต้ม้วย (ถัดมาอีกไม่กี่ปีก็เป็นภรรยาคุณครูประวิทย์ ไทยแช่ม มาอาบน้ำ แล้วยายเขียว (คนที่ทำคลอด = หมอตำแย) จึงมาตัดสายสะดือ
คราวนี้ก็เหมือนกันหมอตำแยก็มาไม่ทันอีก ได้ข่าวว่าสบายดีทั้งแม่ทั้งลูก ฉันก็หายห่วง .......
นี่เป็นบันทึกของนายหิรัญเมื่อตอนที่ คุณปราณี น้องสาวคนเล็กของผมเกิดที่ตลาดเจ็ดเสมียน โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
นายแก้ว เขียน