อารีย์ สุวรรณมัจฉา ๓

 

 

alt

 อารีย์  สุวรรณมัจฉา  ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพาย  ชั้นประถมาภรณ์มงกุฏไทย ( ป.ม)

 

รื่องราวเก่าๆของชาวตลาดเจ็ดเสมียน

อารีย์ สุวรรณมัจฉา  ๓

         เมื่อไม่ได้ทำงานที่โรงงานนั้นแล้ว คุณอารีย์ก็พยายามหางานทำบ้าง กลับไปอยู่บ้านที่เจ็ดเสมียนบ้าง  ในปีนั้นตรงกับปีพ.ศ. ๒๕๑๒ กลางปี อยู่ๆคุณอารีย์ก็มาบอกผมว่า ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งสำนักงานตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ใกล้ท้องสนามหลวงเขาเปิดรับสมัครสอบเข้ารับราชการในระดับชั้นจัตวา

         คุณอารีย์ก็คิดว่าตัวเองก็มีสิทธิ์สมัครสอบได้เหมือนกัน เพราะว่าคุณอารีย์เรียนจบโรงเรียนอาชีวะ ในวิชาการบัญชีตรงกับที่เขาประกาศรับพอดี แต่ต้องสอบเข้าในระดับชั้นจัตวาเท่านั้น  (ถ้าจบปริญญาตรีแล้วจึงจะสอบเข้าเป็นระดับชั้นตรีได้)  ถึงจะชั้นไหนอย่างไรคุณอารีย์ก็เต็มใจไปสมัครเพื่อจะได้มีงานทำ และก็ได้ไปสอบแข่งขันกับคนอื่นๆ ซึ่งมียอดผู้สมัครถึงกว่า  ๖๐๐ คน เด็กทุกคนที่เข้ามาสมัครสอบในครั้งนี้คง เห็นว่าเป็นงานหลวงคงจะมั่นคงแน่นอนดีกว่าไปสมัครทำงานตามบริษัทหรือโรงงานต่างๆเป็นแน่
        ทีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนี้คุณอารีย์บอกว่า ยังไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยไม่รู้ว่าเขาทำอะไร เพียงแต่รู้ว่าเป็นหน่วยงานของหลวงเท่านั้น และคิดว่าถ้าสอบได้ก็จะทำงานไปเรื่อยๆก่อน แล้วจะใช้เวลาว่างๆเรียนต่อไปด้วย 

alt

คุณอารีย์ (ใส่เสื้อลาย คนที่ ๒ จากทางซ้าย) กับเพื่อนๆเมื่อสมัยยังอยู่ที่เจ็ดเสมียน
  

       นายหิรัญผู้เป็นบิดาได้ทราบเรื่องแล้วก็เห็นดีด้วย ความคิดที่ว่าจะให้คุณอารีย์รับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงก็หมดไป เพราะคุณอารีย์ได้กำหนดการเดินทางของการทำงาน และเส้นทางของชีวิตด้วยตัวของตัวเองไว้แล้ว

         ขอลัดขั้นตอนในการไปสอบแข่งขันกับคนอื่นๆอีกกว่า ๖๐๐ คน ในสนามสอบซึ่งเป็นโรงเรียนในกทม.หลายๆแห่ง คุณอารีย์ก็ลงสอบในสนามแห่งหนึ่งซึ่งคือที่โรงเรียนวัดสามพระยา จนกระทั่งการสอบผ่านพ้นไป และไม่นานนักการประกาศผลสอบก็ออกมา ปรากฏว่าคุณอารีย์สอบได้ในข้อเขียนระดับต้นๆ ใน ๕๐ คนแรกของจำนวนคนที่รับในปีนั้นประมาณ ๒๐๐ คน ยังเหลืออีกขั้นตอนเดียวซึ่งคุณอารีย์ก็กระวนกระวายใจพอสมควร คือการสอบสัมภาษณ์ แต่ในใจตัวเองก็ปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีปัญหาอะไรกะอีแค่สัมภาษณ์กันเล็กน้อยเท่านั้นคงจะต้องผ่านได้อย่างสบาย
          และเมื่อวันสอบสัมภาษณ์ผ่านพ้นไปทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ต่อจากนั้นอีกไม่นานทางราชการก็เรียกตัวคุณอารีย์ เข้าบรรจุเป็นข้าราชการระดับชั้นจัตวา ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่  ๑  ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๒  อันเป็นวันเริ่มต้นทำงานที่หน่วยงานแห่งนี้ตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้

        เมื่อคุณอารีย์ได้ทำงานที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแล้ว โดยประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ยังไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานออกตรวจไปในกรมกองต่างๆ เพราะว่ายังใหม่อยู่ เมื่อสมัยก่อนนั้นสำนักงานแห่งนี้ที่ทำการใหญ่อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งอยู่ที่ใกล้ท้องสนามหลวงนั่นเอง (ปัจจุบันนี้สำนักงานใหญ่การตรวจเงินแผ่นดิน ตั้งอยู่ที่ในกระทรวงการคลัง ใกล้โรงพยาบาลรามา)

        ในตอนนี้คุณอารีย์ก็ได้ทำงานเป็นหลักแหล่งแล้วจึงได้แยกตัวกับผมผู้เขียนซึ่งเป็นพี่ชาย ไปเช่าหอพักอยู่ที่ เทเวศม์ ซึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก  ต่อมาจึงคิดได้ว่าเมื่อเป็นดังนี้แล้วก็อยากจะเรียนต่อ ตามความที่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเพื่อจะได้เพิ่มวุฒิทางการศึกษา อย่างน้อยๆให้จบระดับปริญญาตรีก็ยังดี เพราะว่าเท่าที่เป็นอยู่นี้วุฒิทางการศึกษาก็จบแค่ระดับอาชีวะศึกษา แผนกบัญชีเท่านั้น โอกาสในการก้าวหน้าในทางรับราชการ จึงมองไม่เห็นทางที่จะได้ดีอะไรเลย
        ในปีการศึกษา ๒๕๑๒ คุณอารีย์จึงไปสมัครสอบเอนทรานซ์ เพื่อเลือกเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และก็สอบได้ในคณะเศรษฐศาสตร์ สมดังที่ได้เลือกเอาไว้ โดยเอาวุฒิในการสอบเทียบ ม. ๕ ได้แล้วเอาไปสมัคร ในตอนสมัครสอบนั้นคุณอารีย์เลือกเรียนในรอบค่ำ ซึ่งจะเรียนในตอนเย็นๆ เพราะว่าในเวลากลางวันก็ต้องไปทำงานเมื่อเลิกงานแล้วออกจากที่ทำงานแล้วออกจากประตูวังก็จะถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์พอดี เป็นการสะดวกมาก
         ด้วยความขยันหมั่นเพียรและมองเห็นอนาคตข้างหน้า คุณอารีย์จึงทั้งทำงานและเรียนหนังสืออย่างขมักเขม้นอีกหลายปีต่อมา ส่วนทางด้านที่อยู่อาศัยนั้นคุณอารีย์ก็ยังเช่าหอพักอยู่เช่นเดิมที่เทเวศม์  ถึงแม้จะต้องย้ายที่ทำงานหลายหนแต่ก็วนเวียนอยู่ในกรุงเทพฯนั่นเอง จนกระทั่งเรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปีการศึกษา ๒๕๑๖  ต่อมาจึงได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๗  เป็นที่ปลาบปลื้มและยินดีที่สุดในชีวิตของคุณอารีย์ และบรรดาพ่อแม่พี่น้องเป็นอย่างมาก

 

 

alt

 

  รับพระราชทานปริญญาบัตร

๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๗ 

 

alt 

 

เมื่อครั้งเป็นเจ้าพนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ไปประจำที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานใหญ่

 

           การรับราชการก็ก้าวหน้าไปด้วยดี ในตอนนั้นระดับ ตำแหน่งของข้าราชการเริ่มใช้ระบบ ซี กันแล้ว เมื่อคุณอารีย์เรียนจนสำเร็จได้รับคุณวุฒิระดับปริญญาตรีแล้ว จึงได้นำคุณวุฒินั้นมาเทียบปรับระดับกับทางราชการ เป็นข้าราชการระดับ ๔ เป็นต้นมา และได้ไปซื้อห้องไว้ห้องหนึ่งที่แฟลตบางกะปิ โดยเป็นเงินผ่อนกับการเคหะฯ และพักอาศัยอยู่ที่แฟลตนี้เป็นเวลานาน
         เมื่อทำงานนานๆเข้าระดับหรือตำแหน่งก็เพิ่มมากขึ้น ความรับผิดชอบในหน้าที่ก็มากขึ้นตามลำดับ และได้ย้ายไปตรวจเงินของแผ่นดินในกรมกองต่างๆมากมาย เช่น ไปประจำอยู่ที่ กทม. ประจำสายรัฐวิสาหกิจต่างๆ  ประจำรัฐสภา  ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ต่างก็อยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งสิ้น

 

         มีอยู่ครั้งหนึ่งที่คุณอารีย์ถึงกำหนดต้องย้ายไปประจำอยู่ที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่ ๑๐ จังหวัดนครสวรรค์ โดยที่ตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่เคยย้ายออกไปอยู่ต่างจังหวัดสักครั้งเดียว จึงเกิดความไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อต้องถูกย้ายไปครั้งนี้ก็ต้องทำไปตามคำสั่ง ที่สำนักงานเขตนครสวรรค์นั้นในตอนนั้นทางราชการได้ปลูกบ้านพักใหม่เป็นบ้านหลังใหญ่ซึ่งยังไม่มีใครได้เข้าอยู่เลย คุณอารีย์จึงเป็นคนแรกที่ได้เข้าไปอยู่ที่บ้านพักหลังใหม่นี้ 

 

alt

แสดงความยินดีกับหลานชาย คือนายเกียรติศักดิ์ สุวรรณมัจฉา (บุตรชายของผู้เขียน)ในโอกาสรับพระราชทานปริญญาบัตร ที่สวนอัมพร ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ

(patipat ถ่ายภาพ)

 

           อาจจะมีท่านผู้ที่ติดตามอ่านเรื่องของคุณอารีย์อยู่ถามว่า ทำไมคุณอารีย์จึงไม่ได้ย้ายไปอยู่กันทั้งครอบครัวด้วย ทั้งๆที่บ้านพักข้าราชการที่นครสวรรค์เป็นบ้านเดี่ยวใหญ่โตน่าจะอยู่กันได้ทั้งครอบครัวและอยู่กันอย่างสบายด้วย ขอเรียนให้ทราบว่า คุณอารีย์ไม่มีครอบครัวไม่ได้แต่งงานนะครับมัวแต่เรียนหนังสือและทำงานอยู่ จึงไม่มีครอบครัวที่จะย้ายไปอยู่ด้วย

          มีอยู่ครั้งหนึ่งที่คุณอารีย์ย้ายไปอยู่ใหม่ๆ ผมผู้เขียนพร้อมด้วยครอบครัวของผมซึ่งเดินทางกลับจากเชียงใหม่ก็แวะไปหาคุณอารีย์ที่นครสวรรค์ เพื่อไปเยี่ยมและไปให้กำลังใจกันถึงที่ทำงานในศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ คุณอารียเลี้ยงข้าวกลางวันเสร็จแล้วก็พาไปดูบ้านพักที่อยู่อาศัยด้วย ผมบอกคุณอารีย์ในตอนนั้นว่า ก็ดีนี่ บ้านพักนี้น่าอยู่กว้างขวางใหญ่โตดี  คุณอารีย์บอกว่าบ้านใหญ่น่าพักดี แต่ที่ไม่ดีก็คืออยู่คนเดียวกลางคืนกลัวผีบ้างเล็กน้อยเหมือนกัน

          เมื่อไปประจำอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์แล้ว  จากบ้านที่กรุงเทพฯคุณอารีย์ก็จะไปทำงานในตอนเช้ามืดของวันจันทร์โดยนั่งรถ ทัวร์ประจำทางจากกรุงเทพฯ แล้วพอถึงบ่ายวันศุกร์ก็กลับบ้านที่กทม. ในเรื่องรายละเอียดการปฏิบัติงานทั้งหลายที่นครสวรรค์นั้นผมก็จะขอผ่านไปไม่ได้เล่าให้ท่านทราบนะครับ


           ลืมบอกไปว่าก่อนที่คุณอารีย์จะย้ายไปอยู่นครสวรรค์นี้หลายปี คุณอารีย์ได้ซื้อทาวเฮาส์ ไว้หลังหนึ่งในหมู่บ้านสินทร อยู่ย่านบางกะปิ เพราะว่าปลอดภัยดี ไม่ได้ไปอยู่ที่แฟลตบางกะปิแล้ว เพราะเห็นว่าที่นั่นคับแคบ และเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกวัยรุ่น และพวกติดยาทั้งหลายจึงได้ขายแฟลตที่เคยอยู่ที่บางกะปิไป
           ในระหว่างที่ถูกย้ายไปอยู่นครสวรรค์นั้น คุณอารีย์ก็ได้ให้หลานชายซึ่งเป็นลูกคนเล็กของครูปราณีซึ่งเป็นน้องสาว เป็นผู้ดูแลบ้าน ชื่อนายโจ้ จริงๆแล้วนายโจ้คนนี้ก็มาอยู่กับคุณอารีย์เพื่อมาเรียนหนังสือนานแล้ว ในตอนหลังๆนี้นายโจ้ได้เรียนจนจบปริญญาตรี และทำงานในสำนักงาน กรรมการการเลือกตั้ง  (กกต.) ระดับ ซี ๖ แล้วเรียนต่อปริญญาโท ผมไม่ทราบว่าจบแล้วหรือยัง


           คุณอารีย์ไปปฏิบัติงานอยู่ที่นครสวรรค์ได้ไม่นาน เจ้านายในสำนักงานใหญ่จึงขอตัวมาช่วยราชการที่กรุงเทพฯ โดยทิ้งตำแหน่งที่นครสวรรค์เอาไว้เฉยๆ ไม่มีใครปฏิบัติงานแทน จนกระทั่งในกรุงเทพฯมีตำแหน่งว่าง คุณอารียฺก็ได้ตำแหน่งนั้น โดยที่ไม่ได้กลับนครสวรรค์อีกเลย 
          
 ระยะนั้นนานมากเลยทีเดียวที่คุณอารีย์ ไม่ได้เลื่อนขั้นอะไรกับเขา จนกระทั่งเมื่อมีโอกาสตำแหน่ง ซี ๘ ในสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯว่างลง คุณอารีย์จึงได้ ตำแหน่ง มีห้องทำงาน มีโต๊ะนั่ง มีลูกน้องอีกครั้งหนึ่ง และได้ทำงานตรวจสอบการเงินของสถานที่ราชการต่างๆตลอดมา จนกระทั่ง
          ได้ย้ายออกต่างจังหวัดอีกครั้งหนึ่งเพื่อไปเป็น ซี ๙  คราวนี้จะย้ายโดยการขอเขาย้ายหรือว่าเขาย้ายให้เองอย่างไรผมก็ไม่ทราบ แต่ย้ายคราวนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจคุณอารีย์เป็นยิ่งนักยิ่งกว่าการย้ายไปอยู่ที่นครสวรรค์หลายร้อยเท่า เพราะว่าได้ย้ายมาอยู่ในจังหวัดที่ตัวเองต้องการ คือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ ๓ นครปฐม สำนักงานตั้งอยู่ในตัวเมืองนครปฐมนั่นเอง

          เหตุที่คุณอารีย์ดีใจนักคงเป็นเพราะเหตุว่า ได้ย้ายมาอยู่ใกล้ๆบ้านเกิดเมืองนอนแล้ว (บ้านเกิดอยู่ตลาดเจ็ดเสมียน) คุณอารีย์เคยบอกว่าถ้าเกษียณราชการออกมาแล้ว ก็อยากจะปลูกบ้าน อยู่สักหลังหนึ่งเอาไว้พักผ่อน นอนอ่านหนังสือเขียนหนังสือเล่นในยามชรา จะปลูกในที่ส่วนตัวริมคลองชลประทานซึ่งเป็นที่ๆซึ่งคุณอารีย์ซื้อไว้นานกว่า ๒๐ ปี แล้ว มีเนื้อที่ประมาณ ๔ ไร่ เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ๆญาติพี่น้อง เพื่อนๆ หลานๆชาวเจ็ดเสมียน นั่นก็จะเป็นการกลับมาอยู่ที่บ้านเก่าบ้านเกิดเมืองนอนที่เจ็ดเสมียนอย่างแท้จริง

 

         ปัจจุบันนี้คุณอารีย์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ระดับ ๙  ประจำสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ที่ ๓ จังหวัดนครปฐม ตั้งแต่ความฝันในสมัยเด็กๆนั้น อยากจะเป็นช่างตัดเสื้อผ้าที่เก่งๆรับจ้างตัดเสื้อผ้าเลี้ยงชีพไปตามประสาคนบ้านนอก แต่พรหมลิขิตได้ขีดเส้นทางชีวิตให้คุณอารีย์ได้เดินไปในโลกกว้างอย่างองอาจและขยันขันแข็งในงานหนักเบาทุกชนิดที่ได้รับมอบหมาย
         ต่อสู้ชีวิตมาอย่างมากมาย ยาวนาน และทำงานในหน่วยงานที่ข้าราชการในหน่วยงานราชการต่างๆทั่วทั้งประเทศที่ทำงานส่อไปในทางไม่สุจริตต่อหน้าที่ (ทุจริต) กลัวกันมากนักหนา

            ผลจากการรับราชการมาอย่างซื่อสัตย์สุจริตและเอาจริงเอาจังตลอดมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นข้าราชการระดับสุดยอด แต่ก็ได้รับพระราชทานให้เป็นข้าราชการระดับสูง คือเป็นถึงข้าราชการระดับ ๙ ซึ่งยากนักที่เด็กหญิงบ้านนอกธรรมดาๆที่ไม่มีเส้นไม่มีสายคนหนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งบิดาบอกไม่ให้เรียนไปมากมายเพราะว่าเป็นผู้หญิง ให้หัดเย็บจักรรับจ้างตัดเสื้อผ้าเลี้ยงชีพอยู่ตามบ้านนอกเรานี่แหละดีกว่าในวันนั้น จะมีโอกาสมาได้ไกลถึงเพียงนี้ 

          ขอย้อนกลับมาที่คุณอารีย์คุณปราณีและหลานๆมาเยี่ยมผมที่บ้านสวนและกำลังทำกับข้าวกันอยู่

          เมื่อช่วยกันทำอาหารอย่างง่ายๆกันเสร็จแล้ว พวกเราก็มานั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกันตรงชานหลังบ้าน คุยกันไปอย่างมีความสุขสนุกสนาน ที่นานๆจะได้มาพบกันอย่างนี้สักครั้งหนึ่ง

 

alt

  จริงๆแล้วก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไรนักหรอกครับ แต่ไม่ได้มีเวลามาพบกันเท่านั้นเอง คุยกันไม่นานนักก็ถึงเวลาจะต้องลากลับแล้วเพราะว่ามันจะมืดเสียก่อนการขับรถกลับจะไม่สะดวก ซึ่งในขณะนั้นเป็นเวลา ๖ โมงเย็นกว่าๆแล้ว  คุณอารีย์บอกว่า เมื่อมีโอกาสจะมาหาใหม่ ก่อนกลับก็เลยถ่ายรูปกันนิดหน่อย

 

 

alt

 

 

alt

 

alt

 

ตุณอารีย์ ได้กลับไปเมื่อ ๖ โมงเย็น ก่อนจะกลับยังบอกว่า ถ้ามีเวลาจะมาเยี่ยมใหม่

 

           เป็นอย่างไรบ้างครับเนื่องจากในวันนี้คุณอารีย์มาเยี่ยมผมถึงที่บ้านสวน สุพรรณบุรี ผมจึงได้ถือโอกาสเล่าเรื่องของคุณอารีย์อย่างคร่าวๆให้ท่านได้ทราบบ้างนิดหน่อยพอสังเขปนะครับ  เขาคนนี้พอที่จะ

             เป็นคนเก่งของตำบลเจ็ดเสมียนอีกสักคนหนึ่งได้ไหมครับ ...!

alt

 นายแก้ว ผู้เขียน

     โปรดติดตามเรื่องต่อไปได้ที่นี่เร็วๆนี้ ที่เดียวเท่านั้น

 

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้409
เมื่อวานนี้549
สัปดาห์นี้409
เดือนนี้13327
ทั้งหมด1343211

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online