ภาพในอดีต ๓ ศักดา วงศ์ยะรา

         ศักดา วงศ์ยะรา เป็นเด็กเจ็ดเสมียนโดยกำเนิด ศักดาเป็นคนผิวขาว สูงโปร่ง ผมหยิกหยักศก หน้าตาดี ร่าเริง รักเพื่อนฝูง มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ไม่เกรงกลัวผู้ใด เมื่อตอนเด็กๆก็ต้องผ่านโรงเรียนวัดเจ็ดเสมียนก่อนเป็นด่านแรก เด็กในรุ่นเดียวกันที่พอจะทราบคือ  คนึง คุ้มประวัติ, ระฆัง สุวรรณมัจฉา, สุเมธ วงษ์วานิช

              ศักดา วงศ์ยะรา คนที่ ๒ จากซ้ายเมื่อคราวไปส่งบิดาไปดูงานที่ต่างประเทศที่สนามบินดอนเมือง

          เมื่อเรียนหนังสือจบจากโรงเรียน " วัดเจ็ดเสมียน " แล้ว ศักดาก็ไปเข้าเรียนต่อที่โรงเรียน "ราษฎร์บำรุงวิทย์ " โพธาราม ซึ่งมีรุ่นพี่ที่ตลาดเจ็ดเสมียนนี้กำลังเรียนอยู่และสำเร็จจากโรงเรียนนี้ไปหลายรุ่นแล้ว ในขณะที่ศักดาเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนนี้ เขาก็เป็นนักกีฬาตัวยงด้วย
          กีฬาก็ชอบเล่นหลายอย่างแต่ที่รักและชอบที่สุดคือ จักรยาน ศักดาเคยนำจักรยานคู่ชีพลงแข่งแบบสมัครเล่นในหลายสนามหลายจังหวัดเกือบทั่วประเทศ ชนะบ้างแพ้บ้าง เป็นของธรรมดา ในขณะที่ศักดาเป็นทั้งนักเรียนและนักกีฬาตัวยงนั้น
          อีกภาคหนึ่งของศักดานั้นก็เป็นนักร้องด้วย เขาร้องเพลงได้ดี เสียงดี ไพเราะนุ่มนวล นับว่าเป็นคนที่มีแก้วเสียงดีใช้ได้ทีเดียว เขาเคยตระเวณร้องเพลงไปทั่วภาคกลางหลายจังหวัดที่คณะดนตรีที่เขาสังกัดอยู่ได้ไปเล่นที่นั่น (วงดนตรีของพี่สนั่น อยู่ใกล้หนองบางงู ปัจจุบันนี้เลิกไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้)  
 เพลงอะไรออกมาใหม่ๆศักดาจับเอามาร้องเสนอต่อแฟนๆหมด

     มีครั้งหนึ่งที่วัดใหม่ชำนาญมีงานฉลองอะไรสักอย่างที่ผู้เขียนนึกไม่ออกแล้วว่าเป็นงานอะไร วงดนตรีที่ศักดาร้องเพลงอยู่นั้นก็ไปร่วมแสดงด้วย ผู้เขียนไปยืนดูศักดาร้องเพลงและขยับลีลา อยู่เป็นเวลานานพลางนึกในใจว่า ศักดาร้องเพลงได้ไม่เลวเลยแม้กระทั่งเพลงสากลที่เพิ่งจะเริ่มเข้ามาฮิตในเมืองไทยเช่นเพลง Your Cheating Heart  ซึ่งขับร้องโดย  Hank Williams 

    ซึ่งเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ศักดาก็จับเอามาร้องเสนอแฟนเพลงด้วยเสียงอันกระเส่าเร้าอารมณ์ ไม่ได้ด้อยกว่านักร้องอาชีพเลย  ศักดาเคยบอกผู้เขียนว่า  สักวันหนึ่งจะต้องเป็นนักร้องอาชีพให้ได้ จะเป็นจริงหรือไม่ ? เรามาติดตามกันต่อไป
                
 
 เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๖ จากโรงเรียนราษฎร์บำรุงวิทย์ ด้วยคะแนนอันต่ำมากเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ศักดามัวแต่ไปเก่งทางด้านการกีฬา และร้องเพลงหากินไปเรื่อยๆ เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว กำนันโกวิท และนางจ่าง วงศ์ยะรา ผู้เป็นบิดาและมารดาเห็นท่าจะไม่ดีแน่เพราะในสมัยก่อนๆนี้การแข่งขันกีฬาไม่ได้รับเงินมีแต่จะเสียเงินท่าเดียว และการเต้นกินรำกินร้องเพลงกินอย่างที่ศักดาเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ก็เห็นว่าไม่ดีและไม่มีอนาคตที่ดีได้แน่ (ตรงกันข้ามกับสมัยนี้ถ้าเป็นนักร้องเสียงดีๆละก็รวยแน่นอน) 

  ศักดา วงศ์ยะรา คนที่ ๓ จากซ้าย (ถือหนังสติ๊ก) เมื่อสมัยที่ยังเด็กถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนเด็กด้วยกัน ที่หน้าโรงเรียนวัดเจ็ดเสมียน  มีผู้เขียนอยู่ในภาพนี้ด้วย     

  ดังนั้นตามความคิดของคนสมัยเก่า จะมีชีวิตที่ดีได้ก็เพียงอย่างเดียวคือการเข้ารับราชการ จะได้เป็นปึกแผ่นและเจริญรุ่งเรืองเป็นที่พึ่งของคนทั่วไปในภายภาคหน้า
        เมื่อกำนันโกวิทและนางจ่าง เห็นดังนั้นแล้วจึงได้ไปหาเพื่อนที่กรมตำรวจและออกปากฝากลูกให้เข้าทำงานด้วยสักคนหนึ่ง เพื่อนคนที่มีตำแหน่งใหญ่โตในกรมตำรวจนั้นก็รับปากอย่างแข็งขัน บอกว่าถ้ามีตำแหน่งแล้วจะส่งข่าวไปบอกอย่าห่วงเลย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้
          อีกไม่นานวันนักกำนันจึงเรียกศักดามาบอกว่า จะให้เข้ารับราชการตำรวจได้ไปถามเพื่อนที่กรมตำรวจมาแล้ว และบัดนี้เพื่อนที่กรมตำรวจส่งข่าวมาบอกแล้วว่า มีตำแหน่งว่างอยู่ให้นำลูกชายไปหาโดยเร็ว ดังนั้นขอให้ศักดาเตรียมตัวไว้ให้ดี

        จากนั้นอีกไม่นาน ศักดา วงศ์ยะรา จึงได้ทิ้งการกีฬาแข่งจักรยานและการร้องเพลงของโปรด ไปเข้ารับราชการเป็นตำรวจดับเพลิง หน่วยบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งควบคุมบังคับการโดย พล.ต.ต หม่อมราชวงศ์ เจตจันทร์ ประวิตร ศักดาก็อยู่ในระเบียบวินัยที่ดี มีภัยพิบัติต่างๆ ตึกถล่ม น้ำท่วม ไฟไหม้ หรือกระทั่งมีงูเหลือมตัวใหญ่ยาว ๓.๕๐ เมตรมาอยู่ในห้องน้ำชาวบ้าน หรือว่ามีต่อหัวเสือที่ต่อยคนถึงตายมาทำรังอยู่ที่ต้นไม้ภายในรั้วบ้าน ศักดาก็ต้องออกปฎิบัติการณ์พร้อมกับหัวหน้าหน่วย ช่วยเหลือชาวบ้านทันทีด้วยความเรียบร้อยทุกครั้ง

         

 ศักดา วงศ์ยะรา (ยืนซ้าย)     

         หลายปีผ่านมา จนกระทั่งครั้งหนึ่ง ผู้เขียนไปหาเพื่อนซึ่งเป็นนายตำรวจที่กองดับเพลิงสี่แยกพญาไท ได้พบกับสิบตำรวจเอก ศักดา วงศ์ยะรา โดยบังเอิญเราดีใจที่ได้พบกันศักดาบอกผู้เขียนว่า " อีกไม่นานผมก็จะย้ายจากที่นี่ไปอยู่กับ พี่ตี๋ (ร้อยตำรวจเอก จตุรงค์ วงศ์ยะรา) ที่กองตำรวจทางหลวงแล้ว อยู่ที่นี่นานๆเข้าก็เบื่อเต็มที แล้วเขาก็จะปรับยศให้ผมด้วย "  จากนั้นผู้เขียนได้คุยกับศักดาอีกถึงเรื่องเก่าๆที่เจ็ดเสมียน (ศักดามีอายุอ่อนกว่าผู้เขียน ๔ ปี) แต่เพราะเหตุว่าไม่ใช่เด็กรุ่นเดียวกันจึงคุยกันไม่นานมากนัก
        

         จากวันนั้นมาผู้เขียนก็ไม่ได้พบกับศักดา วงศ์ยะรา นานหลายสิบปี จนกระทั่งวันหนึ่งผู้เขียนได้พบเพื่อนเด็กตลาดเจ็ดเสมียนด้วยกันคนหนึ่ง ได้คุยกันถึงเรื่องเก่าๆที่ตลาดเจ็ดเสมียนแห่งนี้ แล้วตอนหนึ่งก็วกมาคุยเรื่องของศักดา วงศ์ยะรา
        เพื่อนบอกว่าปัจจุบันนี้ศักดาไปปักหลักอยู่ที่ระยอง มีครอบครัวมีลูกมีเต้าอยู่ที่นั่นนานมาแล้ว ผู้เขียนบอกว่า คงไปได้ชาวสวนแล้วก็เลยทำสวนกันที่ระยองเลยละซี เพื่อนบอกไม่ใช่หรอก แล้วก็เล่าให้ผู้เขียนฟังคร่าวๆ ผู้เขียนจะขอเรียบเรียงใหม่ดังนี้

        หลังจากที่พบกับผู้เขียนที่กองตำรวจดับเพลิงพญาไท ผ่านมาอีกไม่นานนัก ศักดาก็เริ่มหารายได้พิเศษเพิ่มเติมจากรายได้หลักที่มีอยู่และไม่ค่อยพอใช้จ่ายนัก ใช้ความสามารถเฉพาะตัวออกร้องเพลงตามคลับ ตามบาร์ ตามคาเฟ่ ต่างๆในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และย่านสามเหลี่ยมดินแดง 
      ให้ความบันเทิงและเป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักเที่ยวกลางคืนทั้งหลายเป็นยิ่งนัก สถานที่กลางคืนต่างๆที่ศักดาร้องเพลงให้นั้นได้เพิ่มจำนวนผู้ที่เข้ามาเที่ยวแลเข้ามาฟังเพลงอีกมากมาย ศักดาจึงเป็นเหมือนขวัญใจของคนกลางคืนโดยเฉพาะสุภาพสตรีที่เข้ามาเที่ยวทั้งหลาย

    ไม่นานนักชีวิตของศักดาจะต้องผันแปรไป เมื่อมีสาวนักร้องคนหนึ่งที่เป็นนักร้องที่อยู่ที่เดียวกันก้าวเข้ามาเป็นขวัญใจตัวจริงของศักดา ทั้งคู่จึงได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องการทำมาหากิน ฝ่ายหญิงเสนอว่าให้ศักดาลาออกจากราชการเสีย เพราะอยู่ไปก็ไม่ก้าวหน้าอะไร เมื่อลาออกจากราชการแล้วก็จะพากันไปหาทำเลที่ทางทำมาหากิน แถวๆบ้านเกิดของฝ่ายหญิงซึ่งอยู่ที่ระยองจะดีกว่า  เพราะที่ระยองนั้นก็เป็นเมืองชายทะเลและเป็นเมืองท่องเที่ยวเมืองหนึ่งที่มีคนนิยมไปเที่ยวกันมาก
        
ทั้งคู่จึงได้ไปปักหลักกันที่ระยองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ศักดาก็ได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตที่ตัวเองชอบอีกครั้งหนึ่ง โดยเป็นนักร้องประจำที่สวนอาหารใหญ่แห่งหนึ่ง จนกระทั่งได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้าของและผู้จัดการห้องอาหารนั้น ให้เป็นผู้จัดการดูแลส่วนบันเทิงต่างๆของสวนอาหารใหญ่แห่งนั้น ส่วนภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่พากันหอบหิ้วมาจากกรุงเทพฯนั้นก็ได้เลื่อนตำแหน่งจากนักร้องธรรมดา ให้เป็นหัวหน้าดูแลนักร้องและคนเสริฟทั้งหมดอีกด้วย

ในปัจจุบันนี้ศักดาและภรรยาก็อายุมากแล้ว คงจะเลิกราอาชีพนี้ไปแล้ว แต่จะไปทำอะไรอีกนั้นผู้เขียนไม่ทราบเพราะว่าไม่ได้พบกันอีกเลย ความฝันที่ว่าจะได้ไปเป็นตำรวจทางหลวงที่หินกองเหมือนกับพี่ชาย (จตุรงค์ วงศ์ยะรา) และจะได้ปรับยศเพิ่มขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งเป็นจ่าตำรวจนั้น

      ก็หมดโอกาสไปกับการที่ย้อนเข้ามายึดอาชีพนักร้องอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับที่ได้ฝันเอาไว้เมื่อสมัยเด็กๆ นั่นเอง.....

ศักดา วงศ์ยะรา (ซ้าย) แต่งชุดแฟนซีร่วมสนุกในงานแห่ดอกไม้ท้ายสงกรานต์ ที่เจ็ดเสมียน กำลังซ้อมบทกันที่หน้าบ้านกำนันโกวิทเมื่อ ๔๐ ปีที่ผ่านมา คนถือคฑาคือ พันโทณรงค์ วงศ์ยะรา

       งานเทศกาลแห่ดอกไม้ หลังสงกรานต์ ที่ตำบลเจ็ดเสมียนนี้ มีเป็นประจำทุกๆปี มีการแต่งขบวนทุกหมู่บ้านอย่างสวยงาม ในภาพนี้เป็นการแต่งแฟนซีต่างๆ เพื่อรอเข้าร่วมขบวนแห่ ที่บริเวณบ้านกำนันโกวิท ในภาพเท่าที่จำได้ และน่าจะใช่ คือ คนยืนทางขวาสุดนั้น คล้ายชาวต่างชาติ คือ นายจุ้ย (คนึง คุ้มประวัติ)  คนต่อมาที่ถือกีตาร์นั่นคือนายเปี๊ยก น้องชายของศักดา   คนยืนกลางใส่หมวกสูงๆนั้น คือ นายอ่อน (ณรงค์ วงศ์ยะรา) ถัดมาทางซ้ายที่อยู่ด้านหลังนั้น คือ นายคม (อาคม สุวรรณ ลูกครูใหญ่เบญจา สุวรรณ) และถัดมาทางซ้ายอีก ใส่เสื้อสั้นเต่อนั้นก็ ศักดา วงศ์ยะรา นอกจากนั้นจำไม่ได้แล้วครับ

          แต่มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นั้นคือ น้าทรัพย์ (ที่ชอบแต่งตัวเป็นหญิง) ผู้เขียนมองแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่า..

โปรดติดตามตอนต่อไป

บทความล่าสุด

จำนวนผู้เยี่ยมชม

วันนี้344
เมื่อวานนี้380
สัปดาห์นี้724
เดือนนี้6891
ทั้งหมด1336775

ผู้เยี่ยมชมในขณะนี้

1
Online